มิลล์
ตอนนี้ผ่านมาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้ว ยัยแพรติดต่องานให้ฉันได้แล้วจริงๆด้วย แต่ไม่ใช่งานเลขาอย่างที่พูดเอาไว้ เพราะตำแหน่งนั้นมีคนจองแล้วตำแหน่งที่ว่างอยู่คือพนักงานบัญชี เงินเดือนหกหมื่นบาท ซึ่งต้องเดินทางไปทำงานที่อเมริกา ดีหน่อยที่มีที่พักสำหรับพนักงานฟรี ฉันเลยตัดสินใจได้ไม่ยากพ่อกับแม่ท่านทั้งสองก็เห็นด้วยที่ฉันจะไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆที่นู้น เพราะฉันอายุยังน้อย ยังมีโอกาสหางานที่ตัวเองชอบได้อีกเยอะ หากเป็นโอกาสที่ดีที่ฉันจะได้เรียนรู้ในสิ่งที่ไม่เคยได้ทำพ่อกับแม่ของฉันก็พร้อมที่จะสนับสนุนตลอด
" ยัยมิลล์ แกต้องเดินทางวันมะรืนแล้วนะแกเก็บของเสร็จหมดหรือยัง "
แพรถามเพื่อนออกไปอย่างเป็นห่วงเพราะครั้งนี้เพื่อนเธอจะต้องเดินทางคนเดียว แต่ที่นู้นญาติของแพรจะเป็นคนไปรับมิลล์ที่สนามบิน เพื่อพาไปยังที่พัก
" เรียบร้อยแล้วแก เหลือแค่ออกเดินทางฉันรู้สึกตื่นเต้นยังไงก็ไม่รู้ไม่เคยเดินทางไกลๆคนเดียวแบบนี้เลย "
ฉันพูดออกไปตามความรู้สึก เพราะไม่รู้ว่างานที่จะได้ต่อจากนี้ ฉันจะทำได้หรือเปล่าหรือว่าจะโดนไล่ออกเหมือนงานที่แล้วหรือเปล่าก็ไม่รู้
" เดี๋ยวฉันจะตามแกไป อีกสักพักฉันจะขอย้ายไปอยู่เป็นเพื่อนแกที่นู้น แกไม่ต้องกังวลนะเราจะไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆด้วยกัน ฮ่าๆ "
แพรพูดขึ้นเพื่อทำให้เพื่อนรู้สึกไม่กังวล
" แกรีบตามฉันมาล่ะ "
และแล้ววันนี้ก็มาถึงวันที่ฉันจะต้องเดินทางซึ่งมีแค่แพรเท่านั้นที่มาส่งฉันที่สนามบิน เพราะว่าครอบครัวของฉันอยู่ที่ต่างจังหวัดกันหมด
" เดินทางปลอดภัยนะแกถึงแล้วโทรมาบอกฉันด้วย "
" โอเค รักแกนะ "
จากนั้นฉันก็เดินเข้าไปเพื่อออกเดินทางไปยังอีกซีกโลกนึง
ตอนนี้ฉันมาถึงอเมริกาเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยมีญาติของแพรมารับที่สนามบินเขาพาฉันไปดูบริษัทที่ฉันจะต้องทำงานเสร็จแล้วก็พาฉันไปกินข้าวญาติของแพรใจดีกับฉันมากเขาบอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรให้โทรหาเขาได้เลย จากนั้นเขาก็มาส่งฉันที่หอพักของพนักงานที่ทางบริษัทได้เตรียมไว้ให้ พรุ่งนี้ฉันจะต้องเริ่มงานเป็นวันแรกแล้วสินะ
Sunday Corporation Group.
เช้านี้ฉันรีบตื่นแต่เช้าเพื่อมาเข้างานให้ทันเวลา ดีหน่อยที่พักอยู่ไม่ไกลกับที่ทำงานสามารถเดินมาทำงานได้ แต่อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่ก็ดีกว่าจะต้องเสียเงินไปฟรีๆ กับการเดินทางฉันจึงเลือกที่จะเดินมาจนตอนนี้มาหยุดอยู่ที่หน้าบริษัทแล้ว ฉันเดินเข้าไปเจอพี่พนักงานอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์พอดี
" ขอโทษนะคะ พอดีวันนี้มาเริ่มงานเป็นวันแรกค่ะ แผนกบัญชีค่ะ ต้องเดินไปทางไหนคะ "
ฉันถามพี่พนักงานหน้าเคาน์เตอร์ออกไปเป็นภาษาอังกฤษ เธอดูยิ้มแย้มแจ่มใสตอบรับฉันเป็นอย่างดี
" ใช่พนักงานที่ย้ายมาจากประเทศไทยหรือเปล่าคะ "
" ใช่ค่ะ "
" หัวหน้าแผนกรออยู่ที่ห้องทำงานแล้วค่ะเชิญขึ้นไปที่ชั้นสามสิบได้เลยค่ะ "
ฉันกล่าวขอบคุณพี่พนักงานแล้วรีบเดินมายังลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสามสิบ ตึกแห่งนี้ดูใหญ่มาก เขาว่ากันว่ามีทั้งหมดถึงห้าสิบชั้น เจ้าของที่นี่คงรวยน่าดู
ฉันรอลิฟท์อยู่สักพัก ก็มีผู้ชายสองคนเดินมาหยุดอยู่ที่ข้างฉัน ฉันมองไปยังฝรั่งสองคนนั้น เขาดูดี หล่อ เท่ห์มากๆทั้งสองคน ที่สำคัญเขาสูงมาก ฉันไม่ได้เตี้ยนะ แต่ถ้าเทียบกับเขาฉันกลับดูตัวเล็กไปเลย คงจะเป็นพนักงานเหมือนกับฉันสินะ ฉันหันหน้าไปพร้อมกับส่งยิ้มเล็กๆไปให้เขาทั้งสองคน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือความเย็นชา เขาไม่หันมามองฉันเลยสักนิด ผู้ชายอะไรแต่งตัวดีเสียเปล่าไม่มีมารยาทเลยฉันได้แต่คิดอยู่ในใจอย่างหงุดหงิดแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทันทีที่ลิฟท์เปิดฉันก็เดินเข้าไปก่อนเขา เหมือนคนที่มากับเขากำลังจะเอ่ยบอกอะไรกับฉันสักอย่าง แต่เพื่อนเขาก็ขัดไว้ซะก่อน ตอนนี้ในลิฟท์มีพวกเราอยู่แค่สามคน
" เอ่อ...คุณจะไปชั้นไหนคะ "
ฉันถามเขาเพราะว่าฉันอยู่ใกล้ลิฟท์ตรงปุ่มกดมากที่สุด
" ห้าสิบครับ "
เป็นชายอีกคนหนึ่งที่ตอบฉัน ฉันไม่รอช้ากดไปที่เลขห้าสิบทันที หลังจากที่ถึงชั้นสามสิบซึ่งเป็นชั้นที่ฉันจะต้องมาสัมภาษณ์ในวันนี้ ทันทีที่ประตูลิฟท์เปิดออก ผู้ชายที่ดูแสนจะเย็นชาคนนั้นก็ได้พูดขึ้น
" คราวหน้าลิฟท์ผู้บริหารจะใช้ได้เฉพาะผู้บริหารเท่านั้นนะ "
เขากดปิดลิฟท์ทันที
เพล้ง!!! ฉันหน้าแตกอีกแล้ว ฉันรีบมากเลยไม่ทันได้ดูว่าลิฟท์ที่ขึ้นมาเป็นลิฟท์ของผู้บริหาร ฉันก็ลืมเอะใจว่าทำไมลิฟท์มีสองฝั่ง ฟังที่ฉันยืนอยู่กลับไม่มีคนใช้เลย
" ยัยมิลล์เอ้ยย งามหน้าตั้งแต่วันแรกเลยนะแก "
ฉันรีบตรงไปยังแผนกของฉันทันที และก็ได้เจอกับหัวหน้างาน เขาใจดีกับฉันมากเขาให้ฉันเริ่มงานวันนี้วันแรกและช่วยสอนงานให้ฉันมากมาย ฉันตั้งใจทำงานนี้มากพยามพยามเรียนรู้ให้เร็วที่สุด และฉันจะต้องเอาตัวรอดกับงานที่บริษัทนี้ให้ได้