อะแฮ่ม!!! เสียงกระแอมของต้าเซียนดังออกมา เมื่อเธอชี้นิ้วไปยังของทอด ใบหน้าต้องเอียงหันกลับมามองเจ้าของเสียงนั้น
“แล้วแต่ชอบไม่ใช่เหรอ?” คำพูดของนาเดียร์ ทำให้ต้าเซียนครุ่นคิดสักแป็บ และก็พยักหน้าอนุญาตในที่สุด แต่...
“เย็นนี้ไปว่ายน้ำ” นาเดียร์แก้มป่อง เพราะเธอต้องไปออกกำลังกายสินะ! คราวนี้กลับเป็นเธอที่ต้องมาครุ่นคิดบ้าง แต่ผ่านไปเสี้ยววินาทีเธอก็พยักหน้า และสั่งของทอดมาเป็นสองเท่าจากที่ตัวเองตั้งใจไว้ตอนแรก
ซาร่ามองต้าเซียนและนาเดียร์อย่างสนใจ แต่เธอก็ไม่อาจเข้าใจสิ่งที่สองคนนี้คุยกัน เมื่อทั้งสองไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษนั่นเอง ทั้งสองเดินไปยังโต๊ะที่ว่างเมื่อในมือมีอาหารที่เลือกมาแล้ว
ต้าเซียนวางจานของตัวเองบนโต๊ะ และเดินไปยังร้านที่ขายน้ำ เขาไม่ถามว่านาเดียร์จะดื่มอะไร เพราะสำหรับเขาแล้วน้ำเปล่าดีที่สุด ในเมื่อเธอไม่ชอบดื่มน้ำผลไม้สักเท่าไหร่ซึ่งมีแต่น้ำแอปเปิ้ลเท่านั้นที่เธอต้องดื่มมาตั้งแต่เด็ก รวมถึงแอปเปิ้ลที่ต้องเป็นผลไม้ที่มีติดบ้านไม่เคยต้องขาดอีกด้วย
Grrrr Grrrr เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของนาเดียร์ดังขึ้นมา เธอล้วงออกมาจากเป้ คิ้วขมวดเข้าหากัน เมื่อเบอร์ที่โชว์มันแปลกตา แต่ก่อนที่เธอจะได้กดรับ...
อ๊ะ! ต้าเซียนที่เดินกลับมาแล้ว ดึงไปจากมือเธอจากทางด้านหลังทันที เขากดรับและหันหลังให้เธอ ผ่านไปสามสิบวินาทีเขาก็ย่อตัวนั่งลงตรงข้ามเธอ
“โทร.ผิด” เขาพูดและส่งคืนโทรศัพท์มาให้ เธอแค่พยักหน้ารับรู้ แต่สายตาแอบชำเลืองมองเขาที่ใบหน้าเรียบเฉยนิ่งผิดปกติมาก โต๊ะที่เขาและเธอนั่งมันเป็นสำหรับสองคน จึงทำให้เพื่อนๆของเขานั่งโต๊ะถัดไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ เวลามื้อเที่ยงจบลงอย่างสงบ และยังมีเวลาเหลือ...
“แซม พวกเราไปนั่งในคอฟฟี่ช็อฟกันเถอะ” ซาร่าเอ่ยชวน เมื่อขยับเดินมายืนข้างโต๊ะที่ต้าเซียนนั่ง
“ขอบคุณ แต่ขอตัว...ไว้เจอกันในคราส” เขาเอ่ยสั้นๆ พร้อมกับส่งสายตาไปหานาเดียร์ให้เธอลุกขึ้น นาเดียร์ยิ้มและหันไปกล่าวลาเพื่อนๆของเขาก่อนที่จะเดินออกจากห้องอาหารตามเขาไป
ต้าเซียนพาเธอไปด้านหลังที่เป็นสวนของโรงพยาบาล ที่นี่ยังร่มรื่นไม่เคยเปลี่ยน เธอเดินไปยังชิงช้าที่ได้รับการดูแลอย่างดี เธอนั่งลงและเริ่มแกว่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เธอมักจะมานั่งที่นี่เมื่อพ่อต้องทำงาน ช่วงปิดเทอมเธอจะมาอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ก็ใช่ว่าเธอจะมาอยู่แต่ที่นี่ ก็มีบ้างที่เธอได้ไปออกแคมป์กับทางโรงเรียน แต่นั่นพ่อจะลาพักร้อนไปพักโรงแรมใกล้ๆแคมป์ที่เธอไปกับโรงเรียนด้วย
ต้าเซียนเดินมายืนข้างๆ ช่วยแกว่งชิงช้าอย่างช้าๆ เมื่อจู่ๆใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเศร้าหมองอีกครั้ง ความคิดของเธอตอนนี้คงเดาได้ไม่อยาก คุณหมอ เธอคงคิดถึงบรรยากาศเก่าๆระหว่างเธอกับพ่อ
“ต้าเซียน วันนี้ฉันตั้งใจมาดูพี่ ฉันอยากเห็นว่าเวลาพี่สวมเสื้อกาวน์แล้วจะเท่ห์แค่ไหน?”
“ฟอร์มจะสวมคราสบ่าย เพราะต้องเดินดูเคสกับอาจารย์หมอ” นาเดียร์ยิ้มให้กับต้าเซียน เธอรู้สึกภูมิใจในตัวต้าเซียนมากเหลือเกิน
“พี่ไปเถอะ เดี๋ยวฉันจะอยู่ที่นี่ แล้วจะเดินไปหาอาหมอเอง” เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนพยักหน้าและเดินแยกไปเพื่อเข้าเรียน นาเดียร์มองตามแผ่นหลังจนเขาลับหายเข้าไปในตัวอาคาร เธอจึงหยิบหนังสือที่ใส่ไว้ในเป้มาอ่าน เวลาผ่านไปนานแค่ไหนเธอเองก็แทบไม่รู้ตัว แต่เงาของใครบางคนมาทาบทับ ทำให้เธอต้องเงยหน้าขึ้นมอง
“อาหมอชาล็อต” นาเดียร์ขยับเข้าหาทันทีด้วยความดีใจ
“อยู่ที่นี่จริงๆ” สายตาเอ็นดูปรากฎขึ้นทันทีเมื่อชาล็อตมองมายังเธอ หลานสาวที่น่ารักของเขา
“นาเดียร์อ่านหนังสือเพลินจนลืมดูเวลา ต้องให้อาหมอมาหา...แย่ไปหน่อยนะคะ” นาเดียร์ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความสดใส ทำให้ชาล็อตเป็นอีกคนที่อดคิดถึงอีกคนไม่ได้ “แซมเธอผ่านการทดสอบนี้แล้วสินะพ่อของ นาเดียร์ต้องภูมิใจในตัวเธอแน่นอน” ชาล็อตคิดในใจ
“ไปเถอะ เข้าไปข้างในกันอาหมอโจสั่งวาฟเฟิลราดน้ำผึ้งของโปรดใครก็ไม่รู้ไว้รอแล้ว” นาเดียร์พยักหน้าและยิ้มกว้างเต็มใบหน้า ของโปรดที่เธอทานตั้งแต่เด็ก บรรยากาศที่โต๊ะในคอฟฟี่ช็อฟเป็นไปอย่างอบอุ่น สองคุณหมอกับหญิงสาวย่างเข้ายี่สิบปีคุยกันอย่างสนุกสนานยิ้มแย้มแจ่มใส
“วันนี้เราสองคนดีใจมากที่ได้เจอหลาน ตอนแรกว่าจะมอบให้ นาเดียร์ตอนที่มาตรวจสุขภาพ แต่ไหนๆวันนี้หลานก็มาแล้ว อาสองคนมีของขวัญให้สำหรับนักศึกษาแพทย์...ยินดีด้วยนะ พ่อของหลานและอาภูมิใจในตัวหลานมาก” โจเซฟพูดยาวเมื่อพูดจบ ก็หยิบกล่องที่ไม่ใหญ่มากนักขึ้นมา และยื่นมอบให้กับนาเดียร์ “ของขวัญจากอาสองคน” นาเดียร์มองกล่อง และเมื่อเธอเปิดกล่อง รอยยิ้มกระจ่างใสก็แย้มออกมา
“ขอบคุณค่ะ” นาเดียร์กล่าวออกมาอย่างปลาบปลื้ม มันคือสเตธโธ-สโคป [Stethoscope] หูฟังสำหรับคุณหมอ และของขวัญชิ้นนี้ก็เป็นระดับเกรดเอที่ราคาไม่น้อยเลย
“พวกอาเป็นกำลังใจให้นะ ต่อจากนี้งานหนักรอหลานของพวกอาอยู่ พยายามนะว่าที่คุณหมอนาเดียร์” ชาล็อตยิ้มออกมา
“ค่ะ นาเดียร์จะไม่ทำให้คุณอาทั้งสองต้องผิดหวังนะคะ” โจเซฟและชาล็อตหันมามองหน้ากันและยิ้ม สายตาที่มองกันสื่อความหมายที่ปกปิดคนตรงหน้าไว้ และนั่นทำให้ภาพของอีกคนปรากฎขึ้น ต้าเซียนหรือแซม ความสำเร็จของนาเดียร์ไม่ได้อยู่เพียงแค่เธอเท่านั้น แต่เธอต้องมีต้าเซียน พี่ชายที่จะเป็นองค์ประกอบหลักของความสำเร็จของเธอ
นาเดียร์ยืนรอต้าเซียนที่รถตามเวลา ถึงแม้ในที่สุดวันนี้เธอก็ยังไม่เห็นเขาสวมเสื้อกาวน์ แต่วันอื่นยังมีอีก นาเดียร์ที่ยืนพิงรถอยู่ไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าของเขาที่เดินเข้ามาใกล้ เพราะเธอกำลังฟังเพลงฆ่าเวลา สายหูฟังปรากฎให้เขาได้เห็น ภาพความสดใสบ่งบอกถึงความสุขของเธอทำให้เขาหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อมองเธอที่ขยับร่างกายไปตามจังหวะเพลงเล็กน้อย ในมือเธอกางหนังสือเล่มเมื่อคืนนี้
นาเดียร์ยิ้มกว้างทันทีตามความเคยชินที่รอยยิ้มแบบนี้มักมีเพื่อเขาเท่านั้นโดยที่เธอไม่รู้ตัว ต้าเซียนกดรีโมทย์ให้เธอเปิดประตูรถเข้าไป ส่วนตัวเองก็เดินไปอีกด้าน เขาเข้าไปในรถและเอาเป้ของตัวเองไว้เบาะหลัง เธอเองก็เช่นกันก็ส่งเป้ตัวเองไปไว้เบาะหลังข้างๆกับเป้ของเขา
นาเดียร์ออกจะแตกต่างกับหญิงสาวในวัยเดียวกันสักหน่อยก็ตรงที่เธอไม่ค่อยสะพายกระเป๋าแบบหญิงสาวทั่วๆไป เพราะเธอได้รับอิทธิพลมาจากคนรอบข้างแน่นอนว่าเป็นพ่อของเธอเองที่ท่านเองก็สะพายเป้ นาเดียร์แม้โตขึ้นเธอก็ยังชอบสะพายเป้ใบขนาดพอเหมาะ เพราะเธอจะต้องมีหนังสือติดตัวหนึ่งเล่มเสมอยามออกจากบ้านเป็นนิสัยที่ติดตัวมา ความทรงจำยามที่พ่อจัดกระเป๋าให้เธอพ่อจะถามทุกครั้งว่าจะให้ใส่หนังสือเล่มไหนในกระเป๋า
“ต้าเซียน...” เมื่อต้าเซียนเคลื่อนรถออกไป นาเดียร์ก็เล่าเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ รวมถึงของขวัญที่ได้มาจากโจเซฟและชาล็อต
ต้าเซียนรับฟังเงียบๆ การปกปิดความลับที่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ แต่ความลับนี้กลับทำให้เขารู้หัวใจตัวเอง
สปอร์ตคลับคือจุดหมายปลายทาง แต่ครั้งนี้ต้าเซียนเองก็ลงสระว่ายน้ำเช่นกัน เพราะเขาเองก็ไม่ได้ออกกำลังกายมาหลายวันแล้วเช่นกัน จึงทำให้ภายในสระว่ายน้ำของสปอร์ตคลับมีหญิงหนึ่งกับชายอีกหนึ่งที่ว่ายน้ำสวนทางกันไปมารอบแล้วรอบเล่า และก็เหมือนเดิมทุกครั้งเมื่อได้เวลาที่ เหมาะสมต้าเซียนจะมาครบเวลาและครบรอบไปทิศทางเดียวกับเธอ จาก
คนที่มองมาก็เหมือนกับว่าคู่หนุ่มสาวกำลังว่ายน้ำเคียงข้างกันไป
“ต้าเซียนพี่ได้กี่รอบ?” นาเดียร์มักจะถามทุกครั้ง
“ไม่ได้นับ” เขาตอบกลับด้วยเสียงราบเรียบ เขาขยับขึ้นจากสระไปพร้อมๆกัน และนั่งอยู่ที่ขอบสระ ห้อยขาไว้ในสระเธอจึงขยับเข้ามาใกล้
“ครั้งหน้าพี่นับไว้ด้วยนะ...เพราะฉันนับของฉันไว้”
“สุ่ยถิงได้กี่รอบ”
“สี่รอบ” เขาพยักหน้ารับรู้
“ครั้งหน้าก็แค่นี้พอแล้ว สี่รอบเหมาะสมแล้ว” เธอแค่ยิ้มไม่ได้รับปากอะไร แต่เธอเปลี่ยนเรื่อง...
“มื้อเย็นขอเป็นปลาย่างได้มั้ย”
“ไว้พรุ่งนี้แล้วกัน วันนี้กินของทอดมากแล้ว ควรกินปลานึ่ง” เธอแก้มป่องใส่เขาแบบไม่จริงจัง
“ต้าเซียน ฉันอายุยี่สิบแล้วนะ”
“อีกสองอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ”
“แล้วมันต่างกันตรงไหน...ฉันควรได้กินอาหารแบบผู้ใหญ่แล้ว”
“ปลา เป็นอาหารของเด็กอย่างนั้นเหรอ?”
“โอ้ยยยย...ฉันไม่พูดกับพี่เรื่องอาหารแล้ว กินอะไรก็ได้แล้วแต่ท่านเทพจะจัดแล้วกันค่ะ...” เมื่อเธอพูดจบก็ว่ายน้ำไปยังบันไดทางขึ้นจากสระ
ทิ้งต้าเซียนไว้โดยไม่เห็นว่าเขาแอบยิ้ม “หืม!” แล้วเธอที่กินอาหารที่ให้เทพจัดหามาให้ไม่เหนือกว่าเทพอย่างฉันเหรอไง...เขาคิดในใจ และลุกขึ้นยืนเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่และเอามาคลุมร่างตัวเองหนึ่งผืน อีกผืนเขาเดินไปที่เธอที่ขึ้นจากสระมาพอดีเช่นกันเขาคลุมผ้าเช็ดตัวให้กับเธอ และช่วยเธอถอดแว่นตาออก ภาพความเอาใจใส่ที่ต้าเซียนปฎิบัติกับนาเดียร์ เป็นภาพที่น่ามองของคนที่พึ่งเข้ามา และอดไม่ได้ที่ต้องมองตามทั้งสองเดินเข้าไปด้านในจนลับตา