หนึ่งสัปดาห์ต่อมา
#คอนโดอลิน
กริ๊ง กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นรบกวนในขณะที่ฉันกำลังนอนหลับสบายอยู่ มือก็ควานหาโทรศัพท์ว่ามันอยู่ตรงไหน เมื่อคลำหาจนเจอแล้วฉันหรี่ตาขึ้นเล็กน้อย แล้วดูว่าใครโทรมา
เมื่อสายตาฉันค่อยๆปรับโฟกัสจนเริ่มเห็นชัดว่าเป็นเบอร์ของใครก็รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ
"ฮัลโหลสวัสดีค่ะ" ฉันกดรับสายแล้วปรับโทนเสียงให้สดใสขึ้นทันที
(สวัสดีค่าน้องลินนราใช่ไหมคะ พี่โทรมาจากบริษัทxxx ที่น้องได้ข้สมาสัมภาษณ์งานในอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ)
"ค่ะ" เบอร์ของฝ่ายHRโทรหาฉัน ใจฉันเต้นตึกตักลุ้นกับเสียงของสายในโทรศัพท์ที่กำลังจะพูดต่อจากนี้
(พี่โทรมาแจ้งผลเรื่องการสัมภาษณ์ของน้องนะคะ ทางบริษัทเราได้เลือกรับน้องลินนราเข้ามาทำงานในฝ่ายบัญชีตามที่น้องได้เขียนใบสมัครไว้นะคะ ยังไงเริ่มงานวันพรุ่งนี้เลยน้องลินนราสะดวกไหมคะ)
"สะดวกค่ะ สะดวกมากเลยค่ะ" ฉันตอบกับเสียงปลายสายด้วยความดีใจ
(ดีเลยค่ะ ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะน้องลินนราด้วยนะคะ เริ่มงาน9โมงนะคะ รบกวนมาก่อนเวลาสัก15-20นาที มาเจอพี่ที่ห้องxxxชั้นxxx พี่จะพาน้องลินนราไปทำความรู้จักกับฝ่ายบัญชีของเราก่อนนะคะ)
"ได้เลยค่ะ ขอบคุณมากๆเลยนะคะ" เมื่อสนทนาจบฉันจึงกดวางสายไป
"กรี๊ดดดดดดดดด" ฉันกรีดร้องด้วยความดีใจสุดขีด แล้วรีบลุกลงจากกที่นอนทันที
"โทรบอกคุณพ่อกับคุณแม่ก่อนดีกว่า"
แต่เดี๋ยวนะ แล้วนี่ฉันต้องเจอกับอีตานั่นด้วยไหม เพราะเขาเคยบอกกับฉันอยู่ประโยคนึงตอนที่เจอกันที่ลานจอดรถว่า หวังว่าเราคงได้ทำงานร่วมงานกัน คงไม่เจอหรอกมั้ง ไม่น่าบังเอิญขนาดนั้นหรอก แต่ถ้าเขาทำงานอยู่ที่นั่นจริง เขาคงไม่ใช่พนักงานธรรมดาอย่างฉันแน่ๆ โทรหาคุณพ่อคุณแม่ดีกว่า
(ต่อสายโทรหาคุณพ่อ)
"ฮัลโหลคุณพ่อคะอลินมีข่าวดีจะบอกค่ะ"
(ไงลูกสาวพ่อ ไม่กลับมาบ้านเลยนะ แล้วข่าวดีที่ว่าคืออะไรลูก)
"หนูได้งานแล้วนะคะพ่อ ที่บริษัทของรุ่นพี่พ่อหน่ะค่ะ" ฉันติบออกไปด้วยเสียงสดใส จนเก็บอาการไม่อยู่
(อ้อ! หรอ ดีใจด้วยนะลูก) ทำไมเสียงคุณพ่อถึงดูไม่ดีใจไปกับฉันด้วยเลยหล่ะ
"แล้วคุณแม่อยู่ไหมคะ ฝากบอกคุณแม่ด้วยนะ"
(แม่นั่งอยู่ข้างๆพ่อนี่แหล่ะ จะคุยกับแม่เขาไหมหล่ะ)
"ไม่ดีกว่าค่ะ อย่าลืมบอกคุณแม่ด้วยนะคะ เดี๋ยวอลินขอไปเตรียมตัวก่อนสำหรับการทำงานวันแรกของพรุ่งนี้"
(ตื่นเต้นสิท่า พ่อกับแม่ขอให้โชคดกีกับการเริ่มต้นในการทำงานนะลูก นอบน้อมต่อผู้ใหญ่เขาจะได้เอ็นดูเรา อย่าไปกระโตกกระตาก เรามันไม่ค่อยจะเรียบร้อยอยู่ อะไรยอมได้ก็ยอมๆหน่อย เข้าใจไหม)
"ค่ะ คุณพ่อ" นี่จะอวยพรหรือจะบ่นฉันกันแน่ รู้หรอกน่าว่าต้องวางตัวยังไง แต่ถ้าใครมาพูดไม่ดีก่อนละก็ ยัยอลินไม่ปล่อยไว้แน่ๆ
"งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ คิดถึงคุณพ่อคุณแม่นะ"
ฉันวางสายจากคุณพ่อไป ออกไปซื้อชุดเสื้อผ้าใส่ทำงานดีกว่า
หนึ่งวันต่อมา (ช่วงเช้าเวลา8.40น.)
ฉันมาถึงบริษัทก่อนเวลาเข้างานตามที่พี่ฝ่ายHRบอก ตอนนี้ฉันอยู่ที่ลานจอดรถในชั้นของที่จอดสำหรับพนักงาน
จู่ๆก็นึกถึงวันซวยวันนั้นขึ้น ช่างมันเถอะ ฉันมาที่นี่ในฐานะพนักงานบริษัทแล้ว ฉันก้าวขาลงจากรถด้วยความมั่นใจ แล้วเดินเข้าตึกเพื่อไปยังลิฟท์ชั้นที่พี่ฝ่ายHRบอกทันที
ติ๊ง
เมื่อออกจากลิฟท์ฉันมองซ้ายมองขวาก่อนว่าห้องที่พี่HRบอกอยู่ตรงไหน
"อยู่นั่น" เมื่อเจอแล้วฉันเดินก้าวขาตรงไปยังห้องที่พี่เขาบอกทันที
ฉันที่เปิดประตูเข้าไป...
"สวัสดีค่ะ"
"อ่าว น้องลินนราใช่ไหมคะ รอพี่แปปนึงนะ เดี๋ยวพี่พาไปพบท่านประธานก่อน"
"ต้องพบท่านประธานก่อนหรอคะ ไม่ใช่ว่าไปที่แผนกเลยหรอคะ"
"ใช่จ่ะ พอดีท่านประธานอยากจะคุยกับน้อง..."
"เรียกอลินก็ได้ค่ะ"
"โอเค น้องอลิน ป่ะ ไปพบท่านประธานกัน" พี่HRเดินนำฉันไปยังลิฟท์ตัวเดิมที่ฉันเพิ่งขึ้นมา
ในลิฟท์
"พี่ชื่ออะไรคะ อลินจะได้เรียกถูก"
"พี่ชื่อแก้วจ่ะ" เมื่อเขาหันมาตอบคำถามฉันแล้วยิ้ม พี่แก้วก็หันหน้ากลับไปมองยังตัวเลขลิฟท์ที่กำลังขึ้นไปในชั้นที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ติ๊ง
"ถึงแล้วน้องอลิน"
ฉันเดินตามพี่แก้วออกมาติดๆ มองสำรวจทั้งซ้ายและขวา ชั้นผู้บริหารนี่กว้างเอามากๆ แถมเงียบสุดๆ ปูพรมสีน้ำเงินเข้มไว้ตามทางอีกด้วย มีห้องทำงานอยู่หลายห้อง แล้วก็มีผู้หญิงประจำโต๊ะหน้าห้องทุกห้องด้วย น่าจะเป็นพวกเลขาละมั้ง
ฉันกับพี่แก้วเดินมาเรื่ยๆจนหยุดอยู่หน้าห้องห้องหนึ่ง ฉันเหลือบไปเห็นป้าย "ห้องประธานบริษัท" ห้องอยู่ลึกสุดเลยแฮะ
"ใช่น้องพนักงานใหม่หรือเปล่า" เสียงสาวนางหนึ่งที่นั่งอยู่หน้าห้องท่านประธานเอ่ยถามขึ้น น้ำเสียงดูไม่เป็นมิตรเลย แถมยังมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอีก
"ใช่ จะถามอะไรอีกไหม" พี่แก้วเป็นคนตอบ สองคนนี้เหมือนจะไม่ถูกกันเลย เพราะน้ำเสียงที่พี่แก้วที่ตอบเลขาหน้าห้องชวนหาเรื่องยังไงไม่รู้
"เข้าไปสิ" ทำไมท่านประธานถึงรับผู้หญิงคนนี้เข้ามาทำงานเป็นเลขาได้นะ การพูดจาสีหน้าท่าทางดูหยิ่งยโสนัก
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
พี่แก้วเปิดประตูให้ฉันเข้าไปแล้วพูดขึ้น "น้องอลิน เข้าไปเลยจ่ะ ท่านประธานรออยู่" ฉันพยักหน้าให้พี่แก้วเล็กน้อย แล้วจึงเดินก้าวเท้าเข้าไปในห้องท่านประธาน อ่าวนี่ท่านมีแขกอยู่หรอ ไม่เห็นพี่แก้วบอกอะไรฉันเลย
"เอ่อ...สะ สวัสดีค่ะท่านประธาน เสียงของฉันเอ่ยทักขึ้นทำให้ทั้งสองคนที่กำลังคุยกันอยู่หันมามองฉันเป็นสายตาเดียว
นี่...ทำไมมาอยู่ที่ห้องประธานหล่ะ หรือเขาจะเป็นประธานด้วยอีกคน
"นาย" ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่ห้องท่านประธานหล่ะ
"อ่าว มาแล้วหรอคนสวย" เขาเอ่ยทักทายฉัน นี่เขารู้หรอว่าฉันมาเริ่มงานวันนี้วันแรก
"ไอเดย์ หุบปาก" ท่านประธานออกคำสั่งให้เขาหยุดพูด
"หนูอลินลุงอยากต้อนรับหนูสักหน่อยนะ วันนี้มาเริ่มงานวันแรกใช่ไหม" น้ำเสียงท่านประธานพูดกับฉันด้วยความเอ็นดู ต่างจากเมื่อกี่ลิบลับ
"ใช่ค่ะ" ฉันตอบท่านประธานแล้วยิ้ม จากนั้นจึงหันหน้าไปทางเขา ตอนนี้เขายังคงจ้องมองฉันไม่ยอมละสายตาไปทางอื่นเลย มองอะไรนักหนา แถมมองแล้วก็ยิ้ม บ้าหรือเปล่าเนี่ย
"เรียกว่าลุงตอนเฉพาะที่ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยก็แล้วกันนะหนูอลิน"
"เอ่อ..ได้ค่ะ...คุณลุง" คุณลุงพยักแล้วหน้ายิ้มๆ
"อ้อ ลุงขอแนะนำ นี่ลูกชายลุงเอง"
"ลูกชาย" ฉันตะโกนดังลั่นห้อง แล้วเอามือทาบไว้ที่อก ไม่คิดเลยว่าสิ่งที่ฉันคิดมันจะใช่
"เห็นไอเดย์มันเล่าว่าเจอหนูที่ลานจอดรถที่หนูบอกไว้ในวันที่นัดสัมภาษณ์รถที่ขวางไว้คือรถของลูกชายลุงเอง แล้วมันก็บังเอิญไปเจอหนูที่ผับด้วย" นี่เขาเล่าให้คุณลุงฟังหมดเลยหรอ
"แล้วที่หนูได้เข้ามาทำงานนี่เพราะฝีมือคุณพ่อหนูหรือเปล่าคะ" ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย มันมีด้วยหรอให้พนักงานบริษัทมาพบท่านประธานก่อนแบบตัวต่อตัว
"อ้อ ตอนแรกก็ใช่นะ แต่พ่อเราโทรกลับมาบอกลุงว่าหนูอยากทำตามขั้นตอนลุงก็เลยให้สัมภาษณ์ไปตามปกติ จริงๆถึงพ่อเราไม่โทรกลับมายังไงลุงก็จะรับหนูอยู่ดี"
จะยังไงตอนนี้ฉันก็ใช้เส้นสายในการเข้าทำงานอยู่ดี ฉันเลือกไม่พูดอะไรได้แต่ยกมือไหว้คุณลุงแล้วฉีกยิ้มให้
"ลูกชายลุงเป็นคนโทรมาขอให้ลุงรับหนูเข้าทำงานด้วยนะ" ทำไมถึงมีแต่คนอยากให้ฉันเข้าทำงานที่นี่แต่มันไม่ใช่วิธีที่ฉันอยากได้
"อะไรนะคะ หมายความว่ายังไง"
"ฉันเป็นคนขอให้พ่อรับเธอเข้าทำงาน"
"เพราะ?"
"ก็ไม่เพราะอะไร ทำไมต้องให้พูดซ้ำ เธอได้ยินถูกแล้วหน่า" เขามองหน้าฉันแล้วชักสีหน้าใส่ ก็มันไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองเลยว่าเขาเนี่ยนะจะเป็นคนขอให้รับฉันเข้าทำงาน เจอกันครั้งแรกก็พูดไม่ดีใส่ คราวก่อนก็เกือบจะมาลวนลามฉัน มาวันนี้รับฉันเข้าทำงานอีก
ฉันเลยเขยิบตัวเข้าไปใกล้ๆเพื่อที่จะพูดกับเขาให้ได้ยินกันแค่สองคน
"คุณจะแกล้งฉันคืนใช่ไหม ที่อาทิตย์ก่อนฉัน..." ฉันหันหน้าก้มลงต่ำมองไปยังเป้ากางเกงเขาแล้วเงยหน้าขึ้นมามองเขาต่อ
เขาหันไปมองที่คุณลุงแล้วหันหน้ากลับมาพูดกับฉันแถมยังกัดฟันกรามจนแน่น "ถ้าเอาคืนฉันจะขอให้คุณพ่อรับเธอเข้าทำงานทำไม" ก็จริง แต่ก็แปลกอยู่ดี หรือเขาจงใจจะแกล้งฉันในที่ทำงาน ก็อาจจะเป็นไปได้
"นี่เราสองคนคุยอะไร ทำไมทำหน้าทำตาอย่างกับเป็นศัตรูกันมาก่อน" คุณลุงเอ่ยถามฉันก้บเขาด้วยน้ำเสียงที่แข็งขึ้น
"ไม่มีอะไรครับพ่อ//ไม่มีอะไรค่ะ" เขาและฉันหันมองหน้ากัน ยังจะมาตอบพร้อมฉันอีก
"เอ้า ไม่มีก็ไม่มี หนูอลินไปทำงานเถอะ" คุณลุงบอกกับฉัน แล้วหันไปคุยกับลูกชายต่อ "ส่วนแกอยู่กับฉันก่อน"
ฉันจึงรีบเดินออกจากประตูไปทันที...
part เดย์
"มีอะไรจะคุยกับผมอีกหรอครับ"
"แกคิดจะทำอะไร" รู้ทันอีกละ
"ป๊าวววว"
"หึ แกคิดว่าฉันไม่รู้หรือยังไง อยู่ดีๆก็โทรมาหาฉันให้รับหนูอลินเข้าทำงาน ปกติแกไม่เคยทำอย่างนี้ด้วยซ้ำ แต่ถึงแกไม่มาบอกฉันก็จะรับหนูอลินเข้าทำงานอยู่แล้ว" อ่าว เผยไต๋ให้พ่อจับได้อีกละกู ใครจะไปรู้ว่าเธอจะเป็นลูกสาวของเพื่อนพ่อ
"อย่าทำอะไรหนูอลินเป็นอันขาด นี่คือคำสั่ง" ผมถอนหายใจออกมายาวๆ
"ครับ ครับ เข้าใจแล้ว" ใครจะไปเข้าใจ พ่อไม่รู้อะไรลูกชายพ่อโดนกระทำก่อนด้วยซ้ำ
"จะไปไหนก็ไป" พ่อผมพูดไล่ ผมจึงลุกขึ้นแล้วหันหลังกลับออกไปยังประตู
ผมหยุดยืนอยู่หน้าห้องทำงานของพ่อแล้วพึมพำกับตัวเอง "ยัยตัวแสบ เธอไม่รอดน้ำมือฉันแน่"