บทที่1 เพื่อนที่โตมาด้วยกัน

1168 Words
บทที่1 เพื่อนที่โตมาด้วยกัน วันปัจฉิม นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่6 กำลังร่ำลากันอยู่ในหอประชุมของโรงเรียนทุกคนต่างมีเป้าหมายชีวิตเป็นของตัวเองโดยเฉพาะคีตะกับข้าวปั้นทั้งสองเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ครอบครัวของทั้งสองเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกันนั่นก็คือโรงงานอาหารแห้งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้วัตถุดิบจากชุมชน ฐานะทางบ้านของทั้งสองไม่ได้ต่างกันในพื้นที่จะเรียกว่ารวยอันดับต้น ๆ ของจังหวัดเลยก็ได้ ข้าวปั้น เธอเป็นผู้หญิงที่เด็ดขาดเป็นประธานนักเรียนแม้ครอบครัวจะมั่งมีด้วยเงินทองแต่เธอก็ถูกเลี้ยงดูมาให้สู้ชีวิตถึงแม้ว่าครอบครัวจะมีกิจการใหญ่โตแต่เธอก็ต้องตื่นแต่เช้ามาช่วยงานที่ร้านซักผ้าถูบ้านทำงานบ้านทุกอย่างตามฉบับของคนจีน คีตะ ลูกคุณหนูที่ไม่ได้สนใจธุรกิจของครอบครัวสักเท่าไหร่เขาชอบเล่นกีฬา ชอบแข่งรถ กว่าจะขอพ่อไปเรียนวิศวะได้ก็ใช้เวลาเป็นปีสาเหตุที่ทุกคนยอมก็เพราะคีตะจะควบคู่กับการบริหารงานไปด้วย วันนี้ทั้งสองบ้านมีนัดทานข้าวด้วยกันเพราะว่าเร็ว ๆ นี้จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ผู้ใหญ่จึงได้ถือโอกาสนี้นัดทานข้าวพร้อมเลี้ยงฉลองให้ลูก ๆ กันเลยทีเดียว ข้าวปั้นเดินมารอคีตะที่หน้าโรงเรียนแต่พ่อตัวดีกลับขับรถบิ๊กไบค์ไปส่งให้สาวสวยรุ่นน้องม.5 อย่างน้องน้ำตาลก่อนถึงจะวนกลับมารับเธอไปยังร้านอาหารริมทะเล บรื้นนนนน "เร็ว ๆ เปลืองน้ำมัน" น้ำเสียงกวนโอ๊ยของคีตะมันน่าหมั่นไส้เหลือเกินข้าวปั้นรีบปีนขึ้นรถแต่เธอยังไม่ทันนั่งเต็มตูดคีตะก็บิดรถออกมาทำเอาข้าวปั้นรีบกอดเอวของคีตะไว้แน่น "ไอ้บ้า!! ฉันยังนั่งไม่เรียบร้อยเลยนะถ้าตกรถไปจะทำยังไง" "ก็เธอชักช้า หัดทำอะไรให้มันเร็ว ๆ เหมือนชาวบ้านเขาหน่อยได้ไหม" หลังจากนั้นทั้งสองก็เถียงกันมาตลอดทางกว่าจะถึงร้านอาหารริมทะเลที่พ่อแม่ของทั้งสองจองโต๊ะเอาไว้ก็เกือบห้าโมงเย็น ทั้งสองเดินเข้ามานั่งด้านในอาหารที่ผู้ใหญ่สั่งเอาไว้ก็ถูกนำมาเสิร์ฟ บ้านของคีตะรักและเอ็นดูข้าวปั้นมากเพราะว่าเธอเรียนเก่งพาให้ลูกชายของตนขยันไปด้วยในช่วงสุดท้ายของการเรียนมัธยมปลาย "เรื่องเรียนมหาลัยเรียบร้อยไหมลูกข้าวปั้นจะไปเป็นสาวกรุงเทพฯ แล้วป้าคงเหงาแย่" "เรียบร้อยค่ะคุณป้า แพรวกับน็อตก็เรียนบริหารด้วยข้าวเลยมีเพื่อนค่ะ" "ดีจังเลยดีกว่าคนบางคนแถวนี้อีกนะ ครอบครัวเป็นถึงโรงงานผลิตอาหารแห้งอาหารแปรรูปแต่ไปเรียนวิศวะ เหอะ" "อะไรเนี่ยแม่จู่ ๆ ก็มาแขวะผมเฉยเลยผมเรียนในสิ่งที่ชอบส่วนเรื่องบริหารผมทำเป็นตั้งแต่เกิดแล้ว" คีตะหันไปมองหน้าข้าวปั้นเธอกำลังยิ้มชอบใจที่ได้เห็นคีตะโดนบ่น ทั้งสองยังไม่รู้ตัวว่าพ่อแม่ของตนได้ตกลงกันไว้ว่าจะให้ทั้งสองไปอยู่คอนโดเดียวกันแต่ว่าแยกห้องนอนเพื่อความเหมาะสม ยังไงทั้งสองก็เติบโตมาด้วยกันก็คงรักกันไม่ต่างจากพี่น้องเวลามีปัญหาจะได้ช่วยเหลือกัน "ข้าวแกะกุ้งให้หน่อยดิ" "เรื่องอะไรนายแกะเองสิ" "เดี๋ยวมือเปื้อน" คีตะใช้ช้อนตักกุ้งวางลงบนจานของข้าวปั้นรายนั้นต้องจำใจหยิบกุ้งขึ้นมาเพื่อแกะเปลือกกุ้งตามด้วยปูม้าตัวใหญ่ ๆ "ได้แล้วค่ะคุณชาย.... น้อย ให้พี่พจมานป้อนให้ด้วยไหมคะ" "นี่ฉันไม่ได้พิการนะข้าวปั้น!" "อ้าว เหรอจ๊ะ ไม่ได้พิการแล้วทำไมนายไม่แกะเองล่ะมาใช้คนอื่นได้เหรอ?" "เพราะเธอเป็นเบ๊ฉันไงล่ะข้าวปั้น ฮ่าาา งับ!! อื๊ออ!!!" ข้าวปั้นทนฟังเสียงของคีตะไม่ไหวเธอหยิบปูตัวใหญ่ที่ยังไม่ทันได้แกะเปลือกยัดใส่ปากของคีตะจนเจ้าตัวไม่ทันระวังงับกระดองปูเข้าไปเต็ม ๆ ผู้ใหญ่ที่นั่งอยู่เริ่มจะหนักใจถ้าเด็กทั้งสองไปอยู่ด้วยกันคอนโดคงจะแตกเพราะคีตะทำอะไรไม่เป็นสักอย่างทุกวันนี้ยังถอดกางเกงในเป็นเลขแปดอยู่เลย กลับมาถึงบ้านข้าวปั้นก็รีบเปิดดูรูปคอนโดที่แม่ส่งมาให้เธอรีบส่งไปอวดเพื่อนสนิทอย่างแพรวกับน็อตแถมยังชวนทั้งสองมาเที่ยวที่คอนโดด้วย "เตรียมตัวหรือยังแม่บอกว่าให้ไปใกล้ ๆ เปิดเทอมก็ไม่เอาจะไปอยู่เลยไม่กลัวเหงาหรือไง" "จะกลัวอะไรกันแม่หนูคุยกับแพรวเอาไว้ไปอยู่เลยก็ดีเหมือนกันเพราะว่าจะได้ไปเปิดหูเปิดตาที่กรุงเทพฯ ด้วยว่าแต่คอนโดที่แม่เช่าเอาไว้มันมี 2 ห้องใช่ไหมคะ?" "ใช่มี 2 ห้องแต่อีกห้องนึงรู้สึกว่าจะมีคนอยู่นะทำใจหน่อยอยู่กับรูมเมท" "อ้าวแล้วทำไมแม่ไม่บอกหนูก่อนล่ะ จะได้ไปอยู่กับใครแล้วเนี่ย" "แหมแกก็ต้องเข้าใจหน่อยเถอะค่าเช่าเดือนนึงตั้งกี่หมื่นก็ต้องหาคนมาหารหน่อยสิวะ" ผู้เป็นแม่กลัวว่าเรื่องนี้จะหลุดปากเสียก่อนจึงเดินหนีออกมาปล่อยให้ลูกสาวนั่งหน้างออยู่คนเดียวขืนบอกว่ารูมเมทคือคีตะรับรองว่าบ้านแตกแน่ หลายวันผ่านไปข้าวปั้นเก็บของใส่กระเป๋าเรียบร้อยวันนี้เธอพร้อมจะเดินทางเข้าเมืองกรุงตอนนี้แพรวกับน็อตไปอยู่คอนโดด้วยกัน จริง ๆ ทั้งสองก็มีคอนโดเป็นของตัวเองกันทั้งนั้นแต่ทั้งสองแอบคบกันอยู่คงเป็นไปได้ว่าน็อตคงจะไปอยู่กับแพรว "นั่นรถบ้านคีตะนี่น่า จะไปไหนกันนะ?" "แล้วแกจะไปยุ่งอะไรกับเขา เขาจะไปไหนกันมันก็เรื่องของเขามานี่ขึ้นรถได้แล้วแม่จะได้ไปส่งวันนี้พ่อแกก็ไม่อยู่แม่ต้องขับรถคนเดียวเดี๋ยวจะเสียเวลา" "จ้าๆๆ ไปกันเลยค่ะคุณแม่ขามา" ข้าวปั้นทำเสียงเล็กเสียงน้อยพอขึ้นรถได้เธอก็รีบถ่ายรูปแล้วเช็กอินว่าตอนนี้กำลังเดินทางไปเป็นสาวกรุงเทพฯ อย่างเต็มตัวโดยที่เธอไม่ทันสังเกตเลยว่ารถของบ้านคีตะก็มุ่งหน้าไปทางเดียวกัน ---------------------------------- ความบรรลัยเอ๊ยยย ความสนุกเริ่มต้นขึ้นแล้วค่ะทุกคน ขอาสัก20คอมเมนต์เดี๋ยวไรท์มาต่อให้ค่ะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD