ปรารถนา ที่ 1
หวนคืนอีกครา
ข้ากลับมาแล้ว...
เฮือก!
เด็กหญิงตัวน้อยผวาลุกขึ้นนั่งก่อนจะอ้าปากหายใจราวกับกำลังตะเกียกตะกายที่จะมีชีวิต อาการเจ็บปวดราวกับถูกกระชากให้ดำดิ่งลงไปยังก้นหุบเหวลึกเมื่อครู่จางหายไปเสียสิ้นอย่างน่าประหลาด
‘กะ...เกิดอะไรขึ้น เหตุใดข้าจึงรู้สึกสบายไปทั้งกาย ไม่หลงเหลือความเจ็บปวดตามข้อตามกระดูกแม้แต่น้อย’
หญิงวัยกลางคนครุ่นคิดในใจด้วยความงุนงง นางเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะมาตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยปักปิ่น ปวดตามข้อตามกระดูก จนไม่สามารถขี่ม้า ไม่สามารถวิ่งเล่นซุกซน และไม่สามารถออกกำลังแรงๆ อย่างการฝึกวรยุทธ์ได้
โดยอาการป่วยด้วยโรคประหลาดที่ไม่อาจทราบสาเหตุนี้เริ่มต้นตอนนางอายุเก้าปี...
‘หรือว่าที่นี่คือสวรรค์งั้นหรือ ข้าหลุดพ้นจากสังขารเดิมกลายเป็นวิญญาณจึงไม่ต้องเจ็บปวดทนทุกข์ทรมานอีกต่อไป’
หลี่เยว่ชื่อพึมพำแผ่วเบา ก่อนจะก้มมองร่างกายของตนเอง แล้วก็ตกใจจนแทบผงะ เมื่อพบว่ามือของตนนั้นเล็กราวกับมือของเด็กหญิง รอยเหี่ยวย่นแห่งวัย ความแห้งกร้าน บาดแผลจากคมมีดและเปลือกหอยมลายหายไปเสียสิ้น
‘มะ...มือข้า!’
มือข้างขวาของนางกำบางสิ่งบางอย่างไว้แน่น นางจึงค่อยๆ แบมือออกพบว่าภายในอุ้งมือคือหอยมุกสีรุ้งแวววาวสะท้อนจับตา
นางจำได้อย่างแม่นยำ ว่าหอยมุกเม็ดนี้เป็นหอยมุกที่นางแกะเป็นเม็ดสุดท้ายก่อนจะสิ้นใจตาย ไวกว่าความคิดหลี่เยว่ชื่อมองไปรอบๆ ด้วยความตื่นตระหนก
ไม่ผิดแน่!
นี่มันเรือนนอนของข้าภายในจวนสกุลหลี่!
กลิ่นเครื่องหอมที่สาวใช้มักจุดก่อนเข้านอนเพื่อให้นางนอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนยังอวลอยู่ในห้อง ผ้าม่านหน้าต่างสีขาวฝีปักลายลูกไม้ของมารดาพลิ้วไหวไปตามแรงลม ตุ๊กตาม้าไม้สลักฝีมือของพี่ชายที่มอบให้นางในวันเกิดอายุครบแปดหนาวยังวางเด่นอยู่บนโต๊ะอ่านตำรา และพลอยสีดำก้อนใหญ่ที่เชื่อกันว่าสามารถขับไล่ฝันร้าย ซึ่งของขวัญชิ้นพิเศษจากบิดาที่มอบให้นางตอนอายุหกหนาวยังคงวางอยู่บนหัวเตียง
“นะ...นี่มันอะไรกัน”
เป็นครั้งแรกนับจากฟื้นคืนสติที่นางเปล่งเสียงออกมา และนั่นทำให้หลี่เยว่ชื่อถึงกับเบิกตาโพลง เมื่อเสียงของนางนั้นใสกังวาน ไพเราะราวกับเสียงระฆังแก้วไหวลู่ลม
“สะ...เสียงข้า!”
ด้วยอาการป่วย ยิ่งนานวันเสียงของนางยิ่งแหบแห้งไม่น่าฟังราวกับคนเจ็บคออยู่ตลอดเวลา แล้วจู่ๆ เหตุใดเสียงของนางจึงกลับมาสดใสดั่งว่ากลับไปเป็นเด็กอีกครั้งเล่า
ทั้งมือที่เล็กลง และเสียงที่สดใส...
หรือว่า...
ไวกว่าความคิดหลี่เยว่ชื่อวิ่งลงจากเตียงปราดไปที่หน้ากระจก มองเงาสะท้อนของตนเองแล้วก็ถึงกับอ้าปากค้างด้วยความตกใจอย่างสุดขีด
ร่างกายของนางเล็กลงกว่าครึ่งหนึ่ง ใบหน้ากลมป้อมแก้มยุ้ยรับกับผมหน้าม้า เรือนผมดำสนิทยาวตกกลางหลัง ดวงตากลมโตวาวระยับสุกใสราวกับกักเก็บดวงดาราไว้ภายใน ริมฝีปากอวบอิ่มระเรื่อสีชาด ผิวพรรณผุดผาดนวลเนียนเต็มไปด้วยเลือดฝาด
“ระ...ร่างกายนี้! เป็นร่างกายตอนที่...ขะ...ข้ายังไม่ถึงวัยปักปิ่น”
คนตัวเล็กทรุดฮวบลงไปกองกับพื้นด้วยความงุนงงสงสัย หัวสมองหมุนคว้างด้วยไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น
“คุณหนูเจ้าขา เหตุใดจึงลงไปนั่งบนพื้นเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ”
หญิงสูงวัยเดินเข้ามาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง ก่อนจะประคองร่างเล็กบอบบางที่เอาแต่จ้องมองใบหน้านางแทบไม่ยอมกะพริบตา
“เหตุใดคุณหนูจึงมองข้าเช่นนั้นเล่าเจ้าคะ”
“มะ...แม่นม”
หลี่เยว่ชื่อยื่นมือสั่นเทาออกไปจับที่ใบหน้าแม่นม เหตุใดแม่นมที่เสียชีวิตไปตั้งแต่นางอายุสิบห้าจึงได้มาปรากฏอยู่ตรงหน้านางอีกครั้งเล่า
“ข้าคิดถึงแม่นมเหลือเกิน”
ไวกว่าความคิดเยว่ชื่อโผกอดแม่นมเอาไว้แน่น ก่อนจะร้องไห้ฟูมฟายราวกับเพิ่งหลุดพ้นจากขุมนรกที่แสนเจ็บปวด
“โถ...คุณหนูของข้า เหตุใดวันนี้จะอ้อนนักเล่าเจ้าคะ อยากได้อะไร หรือว่าอยากจะออกไปเที่ยวซุกซนที่ไหนดีเจ้าคะ ข้าจะตามใจคุณหนูทุกอย่างเลย”
หญิงสูงวัยพูดพลางกลั้วเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะกอดตอบคุณหนูที่นางเฝ้าทะนุถนอมเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ
“แม่นมปีนี้รัชศกที่เท่าไหร่หรือ”
อ้อมกอดอบอุ่นและเสียงหัวใจที่เต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอบนอกข้างซ้ายของแม่นม ทำให้นางเอ่ยถามปีรัชศกออกไปแล้วเกิดหวาดกลัวในคำตอบขึ้นมาเสียดื้อๆ เยว่ชื่อกลืนน้ำลายลงคอ สูดลมหายใจเข้าปอดแน่น
“รัชศกอี่ซวนที่สามสิบเจ้าค่ะคุณหนู”
“ข้าอายุเท่าไหร่”
“เก้าหนาวเจ้าค่ะคุณหนู”
หัวใจเต้นระรัวในขณะที่ในมือยังคงกำไข่มุกเอาไว้แน่น แม้หัวสมองจะสับสนมึนงง แต่ด้วยดวงจิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาว ผ่านความทุกข์ยากลำบากนานา ทำให้นางตั้งสติได้อย่างรวดเร็ว ไม่ได้ฟูมฟายหรือแสดงท่าทางให้อีกฝ่ายรู้สึกผิดสังเกตไปมากกว่านี้
ไม่ใช่ความฝัน...
ไม่ใช่สวรรค์...
แต่มันคืออดีตที่เคยผ่านไป..
นางตายไปโดยที่กำไข่มุกเม็ดนี้เอาไว้ ความรู้สึกโหยหาอยากแก้ไขอดีตก่อนตายคงสื่อผ่านถึงมุกเม็ดนี้สินะ บางทีเจ้าไข่มุกอาจเวทนาความปรารถนาครั้งสุดท้ายของข้าก็เป็นได้ จึงได้ช่วยให้ข้าย้อนกลับมาแก้ไขอดีตอีกครั้ง
ดังนั้นนางต้องหาให้พบ!
ว่าชีวิตของนางเริ่มผิดพลาดตั้งแต่เมื่อไหร่!