บทที่ 1 ร่วมเตียงคืนแรก

1205 Words
       ‘เอ๊ะ! นี่มันเนื้อคนมิใช่หรือ?’            จางเลี่ยงหวงลืมตาขึ้นเห็นแผ่นอกสีคร้ามแดดก็รู้สึกตื่นตะลึง ร่างกายของนางรู้สึกถึงความเย็นที่อยู่แถวไหล่ ทว่าทรวงอกไร้เอี๊ยมปกปิดแนบชิดกับกล้ามท้องแกร่งของชายหนุ่มดูเหมือนจะอบอุ่นยิ่ง            “ตื่นเดี๋ยวนี้! เจ้าหมีป่านี่เจ้าข่มเหงข้าหรือ?”            รองแม่ทัพมู่ดีดตัวขึ้นอย่างว่องไว เมื่อเห็นคุณหนูคนงามกอดผ้าห่มปกปิดร่างกายทำตาเขียวปั๊ดใส่ เขาก็แสยะยิ้ม รีบบอกให้นางรู้ตัวว่าเมื่อคืนเป็นเขาต่างหากที่โดนนางพยายามจะรังแกให้ได้            “เมื่อคืนเจ้าทั้งดึงทั้งทึ้งเสื้อผ้า ทั้งขอร้องข้าให้ช่วยร่วมเตียงกับเจ้า หรือเจ้าจำไม่ได้ว่าตนเองทำท่ายั่วยวนเพียงใด? ทั้งยังปล้นจูบข้าไปตั้งหลายครั้ง”            “หา! ข้านี่นะ?” คุณหนูจางผู้เย่อหยิ่งราวกับถูกค้อนใหญ่ทุบหัว มึนงงไปชั่วครู่จึงค่อยนึกขึ้นได้            เมื่อวานนางดื่มสุราเข้าไปหลายจอกแล้วพยายามจะเดินไปปัสสาวะที่สุขาท้ายจวนทว่าเหมือนจะไปไม่ถึงวูบลงไปเสียก่อน            “ขะ ข้าโดนคนถ่อยวางยา หวังถือโอกาสรังแกข้า!”            “เรื่องนั้นข้าไม่รู้ แต่ข้าไม่ได้ทำแน่ๆ เพราะข้าไม่สนใจคุณหนูเรื่องมากอย่างเจ้า”            จางเลี่ยงหวงได้ยินก็แทบจะกรีดร้องแต่เพราะเขาชี้หน้านางพร้อมกับทำท่าทางข่มขู่เอาไว้นางไม่กล้า หันไปมองซ้ายมองขวา เรียกร้องจะกลับจวนแม่ทัพทันที            “เจ้ามองหาเสื้อผ้าตนเองให้เจอก่อนเถอะ ไม่รู้ว่าขว้างทิ้งไว้ที่ใดบ้าง?”            คุณหนูจางออกฤทธิ์ออกเดชจนมู่หลี่เฉียงทนไม่ได้ ยิ่งนางเรียกเขาว่า ‘เจ้าหมีป่า’ ชายหนุ่มรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงบนหัว            “เจ้ากล้าเรียกข้าว่าหมีป่างั้นหรือ?”            “เจ้าห้ามพูดเรื่องที่ข้ากับเจ้าร่วมเตียงคืนนี้ให้ผู้ใดรู้เด็ดขาด!”            ไม่เพียงแต่คิดจะข่มขู่รองแม่ทัพมู่แต่คุณหนูจางผู้เป็นบุตรีเสนาบดีฝ่ายขวาเคยใช้อำนาจจนเคยตัว ด่าทอมู่หลี่เฉียงหาว่าเขารู้จักแต่การใช้กำลัง เป็นคนเถื่อนถ่อย            “ดี! เช่นนั้นคนถ่อยเช่นข้าจะประกาศให้เจ้าต้องอยู่ที่นี่จนกว่าข้าจะพอใจ หากเจ้าคิดหลบหนีข้าจะประกาศให้ทั่วเมืองว่าเจ้ากับข้า...เคยเปลือยกายร่วมเตียงกันมาแล้ว ให้มันรู้ไปว่าผู้ใดจะกล้ายุ่งกับสตรีของข้า!”            มู่หลี่เฉียงมองเห็นเอี๊ยมสีชมพูกลีบบัวปักลายดอกโบตั๋นหล่นอยู่ที่พื้นห้องจึงเก็บขึ้นมายัดใส่สาบเสื้อนอน            “จะ เจ้า เก็บเสื้อข้าไปทำไมกัน?”            “หากวันใดเจ้าไม่ฟังคำพูดข้า? เสื้อตัวนี้จะถูกนำมาอวดผู้อื่นในทันที เป็นหลักฐานว่าเจ้ากับข้า...เป็น.....”            “พอแล้ว! ข้ายอม! ข้าอยู่ที่นี่ก็ได้”                        มู่หลี่เฉียงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อจวิ้นอ๋องซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่สอบถามเขาว่าพบเห็นคุณหนูจางหรือไม่? คืนนั้นจะว่าไปก็น่าแปลกนักที่ไม่มีผู้ใดเห็นเขาแบกนางออกจากงานเลี้ยงสักคน            คุณชายจางพี่ชายของจางเลี่ยงหวงเป็นเดือดเป็นร้อนตามหาน้องสาว  ทั้งวัน แม้คนมากมายจะออกสอบถามหานางไปทั่วเมืองพยัคฆ์เหินก็ไม่มีผู้ใดพบ            รองแม่ทัพมู่กลับเรือนท้ายจวนด้วยความพออกพอใจ คราวแรกที่เขาได้เห็นจางเลี่ยวหวงเขาก็ตื่นตะลึงในความงดงามอ่อนหวานของนาง แต่พอได้เห็นกริยามารยาทที่ย่ำแย่ก็เลิกชอบในทันที ยิ่งภายหลังเขารู้ว่านางจงใจเดินทางมาเมืองหลวงเพื่อหวังจะรวบรัดให้จวิ้นอ๋องทรงยอมรับนางเป็นพระชายาเอกก็ยิ่งรู้สึกรังเกียจ ครั้งนี้เอานางมาซ่อนไว้เขาคิดจะดัดนิสัยนางสักหน่อยค่อยปล่อยกลับ            “เจ้าจะให้ข้านอนร่วมห้องจริงๆ หรือ?”            “ทำไมล่ะ? ยามนี้คนทั้งจวนก็คิดว่าเจ้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของข้า ให้เจ้านอนในห้องนี้ข้าจึงจะรู้สึกสบายใจ”            เขาเรียกให้คนเอาเตียงเล็กเข้ามาวางใกล้ๆ และบังคับให้นางนอนร่วมห้องกับตนเอง แม่นมเจียงที่ถูกส่งมาจากสกุลมู่เพื่อดูแลรองแม่ทัพหนุ่มยิ้มกริ่มด้วยความพอใจ นางคิดว่ามู่หลี่เฉียงคงพึงใจในตัวสาวใช้สกุลจางมากจึงได้ยอมให้นอนด้วยเช่นนี้....อีกไม่นาน...ความหวังของนายท่านคงเป็นจริง!            แม่นมเจียงลงมือเขียนจดหมายไปถึงนายท่านและนายหญิงที่อยู่จวนในเมืองหลวงเพื่อรายงานงานข่าวดีนี้ในทันที            เพื่อข่มขูมิให้จางเลี่ยงหวงคิดจะหนีออกจากจวนรองแม่ทัพแห่งนี้ไป ชายหนุ่มจึงเอาดาบใหญ่แสร้งออกมาเช็ดขณะที่นั่งให้นางทำความสะอาดปัดฝุ่นในห้องนอนไปด้วย            จางเลี่ยงหวงหน้าเผือดสี นางกลัวรูปร่างและความดุดันของเขาอยู่เป็นทุน ก่อนหน้านี้นางเคยเห็นมู่หลี่เฉียงฆ่าคนกับตาตนเองมาแล้ว ชายหนุ่มทั้งดุร้ายและป่าเถื่อนยิ่ง มิน่า! พี่ชายของนางจึงได้บอกว่าคนของจวิ้นอ๋องล้วนแล้วเป็นทหารที่ผ่านศึกสงครามมาอย่างโชกโชน ไม่ควรจะไปยั่วยุโทสะอย่างยิ่ง            ชายหนุ่มปรายตามองหญิงงามที่นั่งก้มหน้ามือกำที่เท้าแขนบนเก้าอี้นิ่ง เขาจึงคิดอยากจะให้นางลองลำบากดูสักครั้ง            “เจ้าไปหุงข้าวดูสิว่าทำเป็นหรือไม่?”            เขาให้คนเตรียมครัวเล็กๆ ไว้ด้านหลังเรือนท้ายจวน แล้วบังคับให้นางไปลองหุงข้าวเอง วันแรกนางหุงข้าวไม่สุก เขานั่งกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยโดยยื่นผัดผักให้นางเพียงจานเดียวทำให้จางเลี่ยงหวงต้องยอมไปเขี่ยข้าวในหม้อที่ตนเองหุงสุกๆ ดิบๆ หาส่วนที่สุกออกมากินกับผัดผักจานนั้น            กินเสร็จแล้วชายหนุ่มก็บังคับให้นางไปต้มน้ำอาบแล้วหิ้วมาอาบที่หลังฉากด้านหนึ่งในห้องนอน นางทั้งอาบทั้งระแวงเกรงว่าเขาจะทำมิดีมิร้ายกับตน ร่างกายของมู่หลี่เฉียงใหญ่โตและแข็งแรงกว่านางมากนัก จางเลี่ยงหวงรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงในตัวชายหนุ่มเหลือเกิน            ‘ข้าอยากกลับจวนแม่ทัพแล้ว เมื่อใดพวกเขาจะตามหาข้าพบเสียที?’            เมื่อนางต้องทำงานทั้งวันเป็นครั้งแรก ร่างกายอันบอบบางก็เริ่มทนไม่ไหว ร่างที่นอนขดตัวอยู่บนเตียงเล็กจนครางฮือๆ ขึ้นในตอนกลางดึก ชายหนุ่มลุกขึ้นมองด้วยความรำคาญระคนห่วงใย เมื่อเห็นนางครางไม่หยุด ทั้งยังเรียกชื่อก็ไม่ขานจึงได้ลุกขึ้นมาดู            “เจ้านอนเงียบๆ ไม่ได้หรือไร?” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นมาดูหญิงสาวแต่กลับพบว่าร่างกายของนางร้อนรุ่มและยังครางอยู่เป็นระยะ            “เจ้าบอบบางเสียจริง เพิ่งทำงานไม่เท่าไหร่ก็ป่วยเสียแล้ว” ***********************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD