สายวันต่อมา มู่หลี่เฉียงลุกขึ้นได้ก็อาบน้ำแต่งกายเรียบร้อยออกมาหานางที่กำลังนั่งฝึกเย็บปักอยู่กับแม่นมเจียง
“จางเลี่ยงหวง เจ้ากลับไปเถอะ เจ้ามาอยู่ที่นี่นานมากแล้ว ป่านนี้คุณชายจางคงเป็นห่วง ประเดี๋ยวข้าจะให้แม่นมเจียงนั่งรถม้าไปส่ง”
หญิงสาวมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อแวบหนึ่ง “คงไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก ให้รถม้าไปส่งข้าตามที่ข้าบอกก็พอแล้ว”
นางเข้าไปเปลี่ยนชุดเดิมที่สวมมาในคืนแรก ไม่ยอมหันกลับไปมองหน้าเขาอีกเพราะเกรงว่าตนเองจะอดทนไม่พอ นางขึ้นรถม้าด้วยท่าทีเข้มแข็งทว่าเมื่อขึ้นไปได้แล้วกลับน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
‘เจ้าหมีป่าใจร้าย! กลับมาได้ไม่ทันไรก็ไล่ข้ากลับ ข้าอุตส่าห์อยู่เฝ้าจวนเพราะเป็นห่วงเจ้าแท้ๆ เจ้ามันไม่มีสำนึกสักนิด’
หญิงสาวลังเลไม่รู้จะกลับไปจวนแม่ทัพในยามนี้ดีหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ นางอยากจะระบายความทุกข์นี้ให้บางคนช่วยรับฟัง หญิงสาวจึงนึกถึงเหอเจียอีขึ้นมาได้ นางร้องสั่งให้รถขับรถม้าออกไปส่งที่ร้านอาหารของสกุลเหอ
ฟ่านซิ่วอิงหรือนามปลอมเหอเจียอี เห็นใบหน้าหม่นหมองของคุณหนูจางก็พานางเข้าไปยังห้องนอนของตน จางเลี่ยงหวงนั่งลงได้ก็ร่ำไห้อยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนัดแนะคำตอบที่จินวั่งซู่หลอกจางเลี่ยงหรงพี่ชายของนางไว้ เหอเจียอีก็ตกใจที่ได้ยินว่าคุณหนูจางคิดจะกลับเมืองหลวง
“ข้าจะกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด!”
เมื่อจวิ้นอ๋องทรงทราบก็เตรียมจะจัดคนคอยคุ้มกันให้นาง จินวั่งซู่จึงทักท้วงว่าให้นางรอกลับพร้อมพี่ชายที่ต้องตรวจสอบความเสียหายของกองทัพเพื่อกลับไปถวายรายงานแด่ฮ่องเต้ นางจึงได้ยินยอมจะอยู่ต่ออีกนิด
จวิ้นอ๋องเห็นอาการเหงาหงอยของนางที่ช่างคล้ายกับรองแม่ทัพมู่ที่เพิ่งพบในค่ายทหารก็นึกรู้ในทันทีว่าคนทั้งสองคงจะเริ่มรู้สึกผูกพันกันแล้ว เมื่อต้องลาจากต่างฝ่ายต่างก็ทำใจไม่ได้ พระองค์จึงต้องหาวิธีให้คนทั้งสองได้พบกันอีกสักครั้ง
เหอเจียอีหาทางซักไซ้ไล่เรียงจนจางเลี่ยงหวงยอมสารภาพว่าบัดนี้นางหลงรักปักใจในตัวมู่หลี่เฉียงแล้ว
“แต่เขา...เขาไม่ได้ชอบข้า เขาเคยบอกว่าเขาไม่อยากมีสตรีข้างกายไปหาหญิงคณิกาง่ายเสียกว่าแต่งงานอีก”
“บัดซบ! ไปหาหญิงคณิกาจะดีกว่ามีภรรยาคอยดูแลอยู่ข้างกายได้อย่างไรกัน? เห็นทีข้าต้องช่วยเจ้าสั่งสอนเจ้าหมีป่าผู้นี้สักหน่อยแล้ว”
เหอเจียอีกับจินวั่งซู่ในฐานะคนโฉดทั้งสองจึงร่วมมือกันวางแผนให้จางเลี่ยงหวงพิชิตใจมู่หลี่เฉียง
“วิธีที่เจ้าบอกจะสำเร็จจริงๆ หรือ?”
“ในเมื่อเจ้าอยากครอบครองตัวหมีป่า เจ้าก็ต้องทุ่มเทสักหน่อย ดีกว่าจะต้องทนทุกข์อยู่คนเดียวจริงหรือไม่?”
เหอเจียอีทั้งขู่ทั้งปลอบจนจางเลี่ยงหวงเกิดความฮึกเหิม
“เจ้ากับเขาเท่ากับร่วมหอลงโลงกันแล้ว ต้องทำให้เขารับผิดชอบเจ้า รับเข้าไปเป็นฮูหยินให้ได้ อย่าทำหน้าเช่นนั้น! นี่ความมั่นใจมั่นหน้าของเจ้าเมื่อตอนมาถึงที่นี่ใหม่ๆ มันหายไปไหนหมด?”
ปัง!
จางเลี่ยงหวงลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดังประกาศว่านางยินดีจะทำตามที่คนทั้งสองแนะนำ ในเมื่อนางหลงรักปักใจในตัวเขาไปแล้ว นางจะไม่ยอมให้สตรีใดเข้าใกล้เขาได้อีก
“ข้าต้องได้เป็นเจ้าของหมีป่าตัวนั้น!”
หลังจากเหอเจียอีไปนัวเนียกับจวิ้นอ๋องให้จางเลี่ยงหวงได้แอบดูแล้ว เหอหงเซ่อ สาวใช้คนสนิทของเหอเจียอีที่หลอกทุกคนว่าเป็นน้องสาวก็ได้พาจางเลี่ยงหวงไปศึกษาตำราวังวสันต์ในห้องนอนเพื่อสอนกลยุทธ์มัดใจบุรุษให้กับนาง
“การยั่วยวนบุรุษที่มีใจให้กับท่าน มีโอกาสสำเร็จอย่างง่ายดายและไม่เปลืองแรง เพียงแต่ท่านต้องรู้จักมารยาหญิงสักหน่อยนะเจ้าคะ”
เหอหงเซ่อจึงเริ่มบรรยายวิธีการปลุกราคะรองแม่ทัพมู่ให้กับคุณหนูจาง นางทำหน้าบิดเบี้ยวเหยเก ขนแขนลุกชันเมื่อนึกถึงตอนที่ตอนเองเปลือยกายก่ายกอดอยู่กับเจ้าหมีป่าบนเตียงในคืนแรก และหลังจากนั้นบางคืนนางก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างคอยเบียดอยู่แถวบั้นท้าย
‘นะ นั่นก็คือ....’ หญิงสาวรู้ชัดก็หน้าร้อนผ่าว มิใช่ว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นกับนางหรอก! หากแต่เขาอดทนอดกลั้นเอาไว้ต่างหาก!
มู่หลี่เฉียงที่อยู่ในงานเลี้ยงฉลองชัยชนะรู้ว่าจางเลี่ยงหวงก็อยู่ด้วย เขาไม่กล้าเข้าใกล้นางรำเลยสักคนด้วยเกรงว่านางจะเห็นว่าเขาเป็นคนเหลวไหล เขากลัวว่าคุณหนูจางจะนึกรังเกียจที่เขาเป็นบุรุษมักง่าย
ครั้นจางเลี่ยงหวงขึ้นบรรเลงพิณ บรรดานายทหารทั้งหลายต่างพากันชื่นชมฝีมือของนาง ทั้งยังกล่าวยกย่องว่านางช่างเหมาะสมจะเป็นพระชายาเอกของจวิ้นอ๋อง
เปรี๊ยะ!
“เอ๊ะ! รองแม่ทัพมู่จอกเหล้าท่านแตกไปแล้ว มาๆ เปลี่ยนจอกใหม่เถอะ”
จางเลี่ยงหวงเดินลงจากเวทีไปรับกล่องที่จวิ้นอ๋องพระราชทานให้เป็นรางวัล เขามองภาพนั้นด้วยความหงุดหงิด ในใจก็นึกถึงเตียงเล็กของนางที่ว่างเปล่า เมื่อคืนเขาคิดถึงนางยิ่งนัก ต้องลุกขึ้นไปหยิบเอาเอี๊ยมสีชมพูตัวน้อยที่เก็บเอาไว้ออกมาดู ทั้งยังสอดไว้ใต้ฟูกนอน เตียงเล็กของนางเขาก็ยังคงเก็บไว้ในห้องนอนอยู่เช่นเดิม ยามใกล้รุ่งร่างกายของเขาก็คอยจะตื่นตัวเพราะคิดว่ามีนางนอนอยู่ใกล้ๆ
พ่อบ้านเการับคำสั่งจากจวิ้นอ๋องให้พารองแม่ทัพมู่ไปทำแผล เหอเจียอีจึงรับอาสาไปดูแลเพื่อพูดให้มู่หลี่เฉียงหึงหวงมากยิ่งขึ้น
‘กว่าข้าจะออดอ้อนให้ท่านอ๋องร่วมวางแผน รองแม่ทัพมู่ ข้าคงต้องทำให้ท่านเดือดกว่านี้อีกสักหน่อย น้ำส้มนี้ข้าอุตส่าห์เตรียมไว้ให้ท่านแท้ๆ’
ยิ่งได้ยินเหอเจียอีบอกว่านางยอมแพ้ให้กับคุณหนูจาง มู่หลี่เฉียงก็ยิ่งโมโห เขาไม่อาจยอมให้นางอภิเษกสมรสกับจวิ้นอ๋องได้ คราแรกเขาคิดจะทำเพื่อให้จวิ้นอ๋องกับเหอเจียอีสมหวัง แต่ครั้งนี้เป็นเขาเองที่รู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวเมื่อคิดขึ้นมาว่าบุรุษอื่นจะมากอดจูบนางเช่นที่เขาเคยทำ
มู่หลี่เฉียงไปดักที่ทางเดิน เมื่อนางออกมาจากงานเลี้ยงเพื่อเดินไปห้องน้ำ เขาอุ้มนางเข้าไปในห้องรับรองแขก ปิดประตูมิดชิดแล้วจับนางนั่งบนตัก แขนสองข้างกอดนางเอาไว้แน่น ชายหนุ่มพ่นลมหายใจเจือกลิ่นสุราใส่หน้านาง คุณหนูจางใจเต้นตึกตัก ใบหน้างดงามช้อนตามองเขาใต้แสงเทียนสลัว
“เจ้ามาจับข้าทำไม?”
“ข้าจะมาเตือนเจ้า ไม่ให้ไปคิดยั่วยวนจวิ้นอ๋องอีก! ยามนี้เจ้าเป็นสตรีที่มีตำหนิแล้ว ไม่ควรจะมาเป็นพระชายาเอก จงหลีกทางให้แม่นางเหอเสียดีๆ”
นางเชิดหน้าน้อยๆ ถกเถียงกับเขาอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ตอกย้ำเขาไปว่า
“ต่อให้ข้าไม่อภิเษกกับท่านอ๋อง ข้าก็จะไปหาองค์ชายพระองค์อื่น”
มู่หลี่เฉียงได้เช่นนั้นก็สุดจะทานทนได้ เขาประกบริมฝีปากกับนางในทันที จางเลี่ยงหวงอ่อนระทวยงวยงงเพราะนางรู้ว่ารองแม่ทัพหนุ่มเคยแอบจูบนางตอนหลับ ครั้งนั้นเป็นนางที่แสร้งทำไม่รู้ แต่ครั้งนี้นางเองก็คิดถึงเขายิ่งนัก จึงปล่อยให้เขาดูดชิมริมฝีปากน้อยตามอำเภอใจ ชายหนุ่มจูบนางอยู่เนิ่นนานจนนางเผลอจูบตอบ
*************************