‘แต่จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า? นางเป็นถึงบุตรสาวเสนาบดีฝ่ายขวา ทั้งยังเป็นพระญาติของฮองเฮา คงต้องหวังอภิเษกกับองค์ชาย!’
เมื่อคิดถึงตรงนี้ชายหนุ่มก็สีหน้าสลดลงไป จวิ้นอ๋องทรงส่งคนให้มาบอกกับเขาว่าทรงให้เขาพักรักษาตัวสักสามวัน ทั้งยังพระราชทานยาสมานแผลอย่างดีมาด้วยหนึ่งขวด เขาทาไปเพียงไม่กี่วันก็รู้สึกแผลสมานเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ ระหว่างนั้นกลางวันก็เดินดูจางเลี่ยงหวงทำงานอยู่ในเรือน ตกค่ำก็นอนกอดนางพักผ่อน ตกดึกก็แอบจุมพิตนาง ระยะหลังๆ เขาชอบจับมือน้อยๆ ของนางขึ้นมาจูบก่อนหลับตาลงนอน
เช้านั้น คุณหนูจางตื่นขึ้นมาเห็นเสื้อของเจ้าหมีป่าหลุดลุ่ยเปิดเปลือยแผงอกจนเห็นแผงอกแกร่งนางก็ลืมตัว ยกกำปั้นทุบอกเขาไปหลายที มู่หลี่เฉียงรู้สึกเหมือนถูกข่วนจึงลืมตาขึ้นมอง
“เจ้าไม่คิดจะนอนดีๆ บ้างหรือ? ทุบข้าทำไมกัน?”
“ก็ดูเจ้าสิ! นอนเปลือยกายเช่นนี้คิดจะทำอะไรกันแน่?” นางแผดเสียงแว๊ดๆ ใส่เขา “หากเจ้าคิดจะข่วนข้าล่ะก็ ควรเลิกทำได้แล้ว”
หญิงสาวทำตาโต “ข้าไม่ใช่แมวสักหน่อย ทุบเจ้าจนสุดแรงแล้วเจ้าก็ยังไม่เจ็บสักนิดเลยหรือ?”
ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆ ท่อนแขนโอบนางไว้ ทำตาหรี่ปรือ “เราก็นอนด้วยกันเช่นนี้ทุกวัน เหตุใดเจ้ายังไม่ชินอีก?”
“แต่เจ้าไม่เคยนอนเปลือยเช่นนี้นี่?”
“เอ๋? หรือว่าเจ้าหวังอยากให้ข้าทำบางอย่างกับเจ้า?”
“บ้าสิ! อย่ามาใส่ร้ายข้านะ!”
นางโมโหที่เขาตอบยียวนจึงยกมือทุบเขาแรงจนแผลเขาปริมีเลือดซึมออกมา
“โอ๊ย! แผลของข้า! แผลที่ข้าช่วยชีวิตเจ้า!” เขาแสร้งร้องดังกอปรกับสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าวทำเอานางตกใจรีบขอโทษขอโพย เขาจึงขอร้องให้นางนอนให้เขาพักแขนสักครู่เพราะใกล้จะได้เวลาต้องออกไปค่ายทหารแล้ว
....อย่างที่เคยมีคนกล่าวไว้...ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ...มู่หลี่เฉียงประเมินว่าอีกไม่นานการศึกกับแคว้นเว่ยก็คงจะเริ่มขึ้นแล้ว เขานอนหลับตานิ่งคิดว่าระหว่างที่ตนต้องออกไปรบนี้จะให้นางกลับไปอยู่ที่จวนแม่ทัพหรือให้นางอยู่ที่นี่ต่อไปดี
จางเลี่ยงหวงนอนแทบจะชิดหน้าอกของชายหนุ่ม ความร้อนจากร่างกายเขาแผ่มาถึงตัวนางจนรู้สึกร้อนผ่าว ที่ผ่านมานางคิดว่าทำแค่เพียงกอดนางนอนเท่านั้น จนนางสงสัยว่าตนเองนั้นช่างย่ำแย่นัก กระทั่งชายหนุ่มผู้นี้ไม่คิดจะสนใจเลยหรือไร? ความมั่นใจในรูปร่างหน้าตาที่งดงามของนางเริ่มถูกกัดกร่อน
‘เจ้าหมีบ้า! นี่เจ้าคงเห็นว่าข้าสู้หญิงคณิกาพวกนั้นไม่ได้เลยสินะ!’
คุณชายจินวั่งซู่ผู้ซึ่งคอยสืบหาตัวคุณหนูจางอยู่หลายวันหลังจากปรึกษาหารือกับฟ่านซิ่วอิงที่ปลอมมาเป็นแม่ครัวในจวนแม่ทัพแล้วก็แอบย่องมาสืบที่เรือนท้ายจวนของรองแม่ทัพมู่ เขาจึงได้เห็นคุณหนูจางกำลังทำงานงกๆ ราวกับหญิงรับใช้
“ข้ามาช่วยท่าน คุณหนูจาง!”
“ไม่ได้ๆ ข้าจำต้องอยู่ที่นี่ไปสักพักก่อนเพื่อทดแทนพระคุณ”
“ผู้ใดหรือ?”
“ท่านอย่ารู้เลย เอาเป็นว่าท่านช่วยหาวิธีบอกให้พี่ชายของข้าไม่ต้องเป็นห่วง ถึงเวลาข้าจะกลับไปเอง ตอนนี้ข้าสบายดีและปลอดภัย..ไม่ต้องห่วงข้า”
จินวั่งซู่ได้แต่มึนงงแอบกลับออกจากจวนรองแม่ทัพไปบอกเล่าเรื่องนี้ให้ฟ่านซิ่วอิงฟัง คุณหนูฟ่านผู้ฉลาดร้ายก็รู้สึกสงสัยทันทีว่าบัดนี้ศัตรูหัวใจของนางมิได้สนใจจะมาแย่งชิงจวิ้นอ๋องอีกต่อไปแล้ว
“เจ้าว่าคดีมันพิลึกหรือไม่? ผู้ถูกลักพาตัวเกิดเห็นใจในตัวผู้ร้ายจึงได้อยู่ดูแลยามที่เขาบาดเจ็บ”
“ฮ่าๆ นี่มันเรื่องดีต่างหาก หนุ่มสาวอยู่ใกล้ชิด นานวันย่อมรู้สึกผูกพัน บางทีนางอาจจะไม่อยากออกมาจากเรือนท้ายจวนแล้วก็ได้ ดีเหมือนกันข้าจะได้หมดศัตรูไป”
จินวั่งซู่ผงะ น้องสาวของสหายรักผู้นี้ช่างร้ายกาจเสียจริง
“นี่เจ้าคิดว่า...พวกเขา...”
“ข้าวสารอาจจะกลายเป็นข้าวสุกไปแล้ว ไม่ดีหรอกหรือ? นางจะได้ไม่หวังในตัวสามีข้าอีกต่อไป”
ไม่นานนักข่าวการศึกก็มาถึง มู่หลี่เฉียงสั่งคนเตรียมชุดเกราะและข้าวของไปออกรบแนวหน้า จางเลี่ยงหวงนั่งดูด้วยสีหน้ากังวล
“ครั้งนี้ทัพใหญ่ของแคว้นเว่ยยกมาจะไม่อันตรายมากหรือ?”
ชายหนุ่มมองสีหน้าซีดเซียวของนางแล้วก็รู้สึกสงสาร เขาอุ้มนางมานั่งตักแล้วกล่าวปลอบใจ “ข้าไปครั้งนี้ยังไม่รู้จะกลับเมื่อใด? หากเจ้าอยากจะกลับจวนแม่ทัพก็ไปเถิดหรือถ้าจะรอข้าอยู่ที่นี่ก็แล้วแต่ใจ”
“ข้าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่ ไว้เจ้าปลอดภัยกลับมาแล้วข้าจะกลับไปจวนแม่ทัพ”
“อืม...เช่นนั้นก็อยู่เป็นพื่อนแม่นมเจียงเถอะ ดีเหมือนกันนางจะได้ไม่เหงา ต่อไปเจ้าไม่ต้องทำงานกวาดถูแล้วนะ ข้าจะให้แม่นมส่งสาวใช้มาทำแทน เจ้าคอยดูแลแม่นมให้ข้าด้วยก็แล้วกัน”
จางเลี่ยงหวงพยักหน้ารับ นางรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากให้เขาไปสู้รบที่แนวหน้า แต่ก็ไม่กล้าจะแสดงความเป็นห่วงเป็นใยมากนักในเมื่อตัวนางเองก็มิใช่ภรรยาหรือญาติพี่น้องของเขา เป็นแค่เพียงสตรีที่เขาจับมาดัดนิสัย นางจึงได้แต่เอ่ยปากเตือนให้เขารักษาตัวให้ดี
“ข้าอยากได้ผ้าเช็ดหน้าของเจ้าสักผืน เผื่อมีบาดแผลจะเอาไว้ใช้” มู่หลี่เฉียงรู้สึกอาลัยอาวรณ์นางยิ่งนัก แต่จะให้เหนี่ยวรั้งนางไว้ก็คงไม่สมควร ไปรบคราวนี้หากเขาได้ของแทนตัวนางไปสักอย่างในยามค่ำคืนก็คงจะพอใช้ดมแก้คิดถึงได้บ้าง
คุณหนูจางล้วงเอาผ้าเช็ดหน้าผืนที่นางติดตัวมาตั้งแต่วันแรกซึ่งเพิ่งซักใหม่ๆ ยื่นให้กับเขา “มันใหญ่พอที่จะมัดรอบแขนท่านได้พอดี”
ต่างคนต่างใจหายไม่อยากจะจากกัน เขารับผ้าเช็ดหน้าจากนางแล้วเก็บไว้ในสาบเสื้อ พยุงให้นางลุกขึ้นเพราะจวนจะถึงเวลาต้องเดินทางแล้ว
********************