นางเม้มปากอย่างอึดอัดขัดข้อง ในใจลึกๆ ก็รู้สึกสงสัยว่าตัวนางไม่มีเสน่ห์เลยหรือไร? เขาจึงไม่คิดจะล่วงล้ำก้ำเกินไปมากกว่านี้ นางได้ยินพวกบ่าวพูดกันว่าเขามักจะไปเที่ยวหอคณิกากับพวกทหารที่สนิทกันบ่อยครั้ง จนนางเริ่มจะสงสัยว่านางสู้หญิงคณิกาพวกนั้นไม่ได้ ด้วยความเป็นคุณหนูที่ได้รับการเอาใจจากคนรอบข้างมาแต่เล็กจนโต จางเลี่ยงหวงจึงรู้สึกทนไม่ได้ที่ตนเองไม่ได้รับความสนใจและความเอาใจใส่จากรองแม่ทัพมู่ ทิฐิส่วนลึกของนางทำให้นางนึกอยากจะพิสูจน์ว่าตนเองจะทำให้มู่หลี่เฉียงสนใจได้หรือไม่? แต่อีกใจก็คิดว่าตนเองควรจะหนีกลับไปหาจวิ้นอ๋องจะดีกว่า
จางเลี่ยงหวงมองซ้ายมองขวาเมื่อเห็นว่ายามนี้ปลอดภัยก็คิดจะย่องหนีออกจากเรือนท้ายจวนของรองแม่ทัพมู่กลับไปยังจวนแม่ทัพใหญ่ของจวิ้นอ๋อง
สวบ! สวบ! สวบ!
เสียงฝีเท้าของบุรุษในชุดดำสี่คนที่ปิดหน้ามิดชิดทำให้นางหันไปมองด้วยความตื่นตะลึง
“ว้าย! พวกเจ้าเป็นใคร?”
“เจ้าเห็นพวกข้าแล้วคงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้”
“ช่วยด้วย! โจรบุกจวน! โจรบุก!” หญิงสาวรีบวิ่งหลบไปตามป่าไผ่ที่ มู่หลี่เฉียงปลูกเอาไว้แน่นหนา ร่างของนางผอมบางจึงสามารถเลี้ยวลดหลบคมกระบี่ที่นักฆ่าพวกนั้นฟันลงตามหลังนางต้นแล้วต้นเล่า
ฉับ! ฉับ! ฉับ!
“กรี๊ด! ช่วยด้วย! ช่วยข้าด้วย!” นางทั้งวิ่งทั้งร้องอยู่ในป่าไผ่
“รีบฆ่านางเร็วเข้า!” ชายชุดดำผู้หนึ่งตะโกนขึ้น
พลั่ก!
“โอ๊ย!”
คุณหนูจางล้มลงในกอไผ่ด้านในสุด นางใจเต้นโครมครามราวกับจะทะลุออกมา นึกโทษตนเองที่ไม่นางหลบออกจากเรือนท้ายจวนรองแม่ทัพมาโดยพลการ ยามนี้ไม่มีผู้อารักขาอยู่สักคน
“เจ้าออกมาทางนี้!” เจ้าหมีป่าของนางดึงข้อมือให้นางลุกขึ้นมาอยู่ในอก
ฉึก!
“อ๊ะ!” ไหล่ของรองแม่ทัพมู่ถูกกระบี่ของนักฆ่าปาดจนเลือดพุ่ง เหล่า ผู้อารักขากรูกันเข้ามาช่วยไล่ฟันนักฆ่าอย่างดุเดือด ร่างคนร้ายผู้หนึ่งถูกกระบี่เสียบทะลุร่าง ส่วนอีกคนหนีไปได้
“ตรวจสอบทีว่าพวกมันเป็นใคร?”
“ขอรับ!”
ศพของคนร้ายทั้งสามถูกหามออกจากป่าไผ่ จางเลี่ยงหวงเกาะแขนชายหนุ่มร่างใหญ่เอาไว้แน่น
“เลือดเจ้าออกเยอะแล้ว! รีบไปทำแผลเถอะ”
“เจ้ากลับไปทำแผลให้ข้า!” ใบหน้าของเขาดูถมึงทึงจนนางนึกหวาดหวั่น ไม่รู้ว่าเจ้าหมีป่าจะลงโทษที่นางคิดหนีอย่างไรบ้าง?
แม่นมเจียงรีบเตรียมอุปกรณ์ทำแผลออกมา สั่งให้คนไปต้มน้ำร้อน แล้วหันมาบอกให้จางเลี่ยงหวงรีบทำแผลให้คุณชาย
“เจ้าเป็นสาวใช้อุ่นเตียงของคุณชาย ก็สมควรทำแผลให้เขา”
มู่หลี่เฉียงนิ่วหน้า คุณหนูจางผู้นี้ช่างรั้นเสียนี่กระไร? ช่วยชีวิตนางมาแล้ว ข่มขู่นางก็แล้ว มาครั้งนี้ก็ยังทำให้เขาลำบากอีกจนได้
“คิดหนีหรือ? ดีนะที่ไม่ตายในป่าไผ่เสียก่อน” เขาตวาดนางเสียงดัง
จางเลี่ยงหวงผวาแต่ก็กลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยขอบคุณ
“ขอบคุณแล้วข้าจะหายโกรธหรือไร?”
นางเงยหน้าน้ำตาคลอ “ต่อไป ข้าจะไม่หนีอีกแล้ว ข้าจะรอจนท่านจะอนุญาต”
รองแม่ทัพหนุ่มเห็นนางหน้าซีดทั้งยังตกใจกลัวเหตุการณ์เฉียดตายเมื่อครู่และคงจะตกใจที่เขาบาดเจ็บเลือดอาบก็รู้สึกสงสาร
“ดี! นับว่ามีสำนึกอยู่ รบมาทำแผลให้ข้าเร็วเข้า!” เขายังคงทำหน้าบึ้งใส่นาง คุณหนูจางรีบช่วยแม่นมเจียงถอดเสื้อให้ชายหนุ่ม นางทำหน้าที่เช็ดเลือด ห้ามเลือด เมื่อขยับไปมองด้านหลังนางจึงได้เห็นรอยแผลเป็นจากคมอาวุธจำนวนมากอยู่เต็มแผ่นหลัง
“ท่านมีแผลเป็นมากเหลือเกิน”
“มีทั้งรอยดาบ หอก ทวน ธนู ข้าอยู่ในสนามรบนับสิบปีเรื่องพวกนี้ธรรมดาไปเสียแล้ว”
“ท่านเจ็บมากหรือไม่?”
“นี่เนื้อหนังคนนะ ย่อมเจ็บปวดเป็นธรรมดา หากคิดจะเป็นนักรบเรื่องพวกนี้ล้วนเกิดขึ้นได้เสมอ”
จางเลี่ยงหวงนึกถึงเรื่องเล่าเกี่ยวกับกองทัพพยัคฆ์เหินที่เคยได้ยินได้ฟังมา มู่หลี่เฉียงเป็นรองแม่ทัพคู่พระทัยของจวิ้นอ๋อง คนทั้งสองคงจะลุยการรบมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เจ้าหมีป่าผู้นี้ในการศึกคงจะดูน่าเกรงขามนัก
นางลอบมองใบหน้าครั่นคร้ามของบุรุษตรงหน้า ใบหน้าของเขาดูบึกบึนอย่างคนสู้ศึกมาทั้งชีวิต หญิงสาวกลืนน้ำลายอีกคราหนึ่ง ตั้งแต่รอดชีวิตมาได้ นางก็ยังใจไม่ค่อยดีเพราะไม่รู้ว่าเขาจะลงโทษนางอย่างไรบ้าง?
ชายหนุ่มหลับตาลง เขารู้สึกว่านางเงียบงันไป แต่จะปล่อยให้นางไร้สำนึกเช่นนี้ไม่ได้ เห็นทีคงต้องสั่งสอนนางให้รู้ว่าคนอย่างเขาไม่ได้มีความอดทนมากพอที่จะให้นางแอบทำผิดซ้ำได้อีก
“ต่อไปเจ้าต้องคอยอาบน้ำให้ข้า”
“เอ๋?”
“ข้าช่วยชีวิตเจ้าไว้! เรื่องแค่นี้เจ้าตอบแทนข้าไม่ได้หรือ?”
หญิงสาวหน้าร้อนผ่าว “ดะ ได้!”
ครั้นบ่าวรับเตรียมน้ำอาบใส่อ่างไว้พร้อมแล้ว เขาก็เรียกให้นางเข้าไปถอดเสื้อให้ โดยที่ชายหนุ่มจะใช้มือข้างที่เหลือถอดกางเกงเอง เมื่อเขาหย่อนร่างเปลือยลงในอ่างอาบน้ำ นางก็เอาเก้าอี้ตัวเตี้ยมานั่งคอยเช็ดเนื้อเช็ดตัว คอ หลังและไหล่หนาใหญ่ หญิงสาวดูเงอะๆ งะๆ แม้จะคอยปรนนิบัติเขายามอาบน้ำมาแล้วหลายวันแต่ก็ยังไม่ชินเสียที
“ตั้งใจเช็ดสิ! ถ้ายังเช็ดลวกๆ แบบนี้อีก ข้าจะให้เจ้าลงมาในอ่างกับข้าด้วย”
หญิงสาวสะดุ้ง “ข้าไม่เคยทำนี่นา”
“ไม่เคยก็ต้องหัด...ต่อไปเป็นหน้าที่ของเจ้า”
นางลอบเม้มปากแต่ไม่กล้าต่อคำเพราะกลัวเขาจะลุกขึ้นอาละวาด
“เช็ดแขนข้าให้ทั่วทั้งด้านนอกด้านในนะ” เขายกแขนสองข้างขึ้น นิ่วหน้าเล็กน้อยด้วยความปวดแผล “นี่หากเจ้าไม่คิดหนี! ข้าก็คงไม่ต้องบาดเจ็บเช่นนี้ แต่ก็นะ...ถ้าข้ากลับมาไม่ทัน ป่านนี้เจ้าคงเป็นผีเฝ้าป่าไผ่ไปแล้ว!” เขากัดฟันกรอดๆ ขณะที่ประณามนาง
**************************