"ครูชานนท์ค่ะ ครูชานนท์" เสียงครูอ้อเรียกชื่อเขาซ้ำ ๆ หลาย ๆ ครั้ง และยกมือโบกสะบัดอยู่ตรงใบหน้าของเขา
"หา...! อะไรนะครับ ครูอ้อ" เขายิ้มเก้อให้กับเธอ
"โห... ใจลอยไปถึงไหนคะเนี่ย" เธอก้มหน้าช้อนตา พูดแซวเขาทันที
"แม่ครับ" มีเด็กชายตัวป้อมอายุเจ็ดถึงแปดขวบ เรียกครูอ้อ วิ่งตรงเข้ามาสวมกอดคุณแม่ของเขา
"คุณพ่อทำกับข้าวเสร็จพอดี น้องปอนหิว ๆ คุณลุงไปทานด้วยกันไหมครับ" เด็กน้อยหันมายกมือไหว้ชานนท์ เอ่ยชักชวน
"น้องปอน ไปเรียกครูชานนท์ว่าคุณลุง คุณครูเขาก็เคืองแม่พอดี เรียกคุณน้าก็พอลูก" เธอก้มลงหอมแก้มลูกชาย บอกเขาไปพลาง
"อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิคะ" เธอเอ่ยชวน จับมือกระชับกับน้องปอนแน่น
"ตามสบายดีกว่าครับครูอ้อ พอดีผมว่าจะไปหาซื้อของใช้ส่วนตัวสักหน่อย แล้วอาจจะแวะไปหาอะไรกินข้างนอกดูครับ ยังไม่ได้ตระเวนเลย มาอยู่ไม่ถึงสองอาทิตย์ ไปไหนมาไหนก็ยังไม่คล่อง ขอตัวก่อนนะครับครูอ้อ" เขายกมือโบกลา และวางมือลูบหัวน้องปอนเบา ๆ
"ค่ะ ไหว้ลาคุณน้าเขาสิลูก" พูดจบเธอแกล้งใช้มือกดหัวลูกชายลงให้โค้งหัวสวย ๆ ชานนท์ดูสองแม่ลูกที่หยอกล้อกัน แล้วย้อนนึกไปถึง ใบบอนกับน้องยิมที่กอดกันกลม แล้วผู้เป็นแม่ก็หอมฟัดลูกชายเธออย่างแสนรัก
ชานนท์ทำหน้าเศร้าลงทันที กลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ รู้สึกจุกอยู่ที่ในลำคอ ความเจ็บปวดที่ไม่รู้จะอธิบายออกมาได้อย่างไร นับจากวันนั้นถึงวันนี้ ความเจ็บก็ไม่เคยจางหาย ยิ่งวันนี้ได้เห็นใบหน้าของเธอใกล้ ๆ มันก็ยิ่งรู้สึกแย่ลงไปอีก
("หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง ไม่งั้นนายก็จมอยู่กับเรื่องเศร้านี้จนวันตายก็แล้วกัน") เขาด่าทอตัวเองอยู่ในใจ สะบัดหัวไล่ความคิดของตัวเองออกไป แล้วเดินไปยังรถของเขาที่จอดอยู่ในที่จอดรวมของบ้านพักครู
"เก่งมากครับ ไปอาบน้ำก่อนนะครับ อาบให้สะอาด ให้ตัวหอม ๆ แต่ว่าน้องยิมอย่าเล่นสบู่อีกนะ" ใบบอนนั่งลงตรงหน้า จับลูกชายตัวน้อย ๆ ของเธอแก้ผ้าออกจนหมด สั่งกำชับเหมือนเคย เพราะความซนของนายยิมทำให้คุณแม่อย่างเธอปวดหัว ซื้อสบู่เหลวมาขวดหนึ่งใช้ไม่ถึงอาทิตย์ เด็กน้อยตัวดี บีบเล่นทำมือเป่าเป็นฟองแทบทุกวัน
"น้องยิมรู้แล้วครับ เดี๋ยวคุณแม่จะลื่นล้มได้" เด็กน้อยยิ้มทำท่าแสนรู้ แต่นัยน์ตาเจ้าเล่ห์
"ไม่ใช่คุณแม่คนเดียว บางทีน้องยิมอาจจะเผอเรอ เหยียบลื่นล้มลงไปเองก็ได้ เดี๋ยวหัวร้างข้างแตกต้องหามดหาหมออีก" เธอดันหมุนตัวเด็กน้อย ตีตูดเด็กชายเบา ๆ น้องยิมหัวเราะเอิ้กอ้าก เธอก็พลอยยิ้มอย่างมีความสุข
‘หมัดจ๋า ลูกเราโตแล้วนะ ใบบอนคิดถึงหมัดจัง’ เธอยืนพิงดูลูกชายที่เล่นน้ำอยู่ในกะละมังยิ้มเศร้า คิดถึงผู้ชายที่เธอเคยบอกว่าจะรักเขาตลอดไป
("อ้อ หลังนี้สินะ ร้านเปิดแปดโมงครึ่ง ปิดสามโมง เห่อ ๆ ... รวยแล้วทำแค่ฆ่าเวลาเล่นไปวัน ๆ สินะ") เขาค่อนขอดเธออยู่ในใจ
("ร้านรติ-ชานนท์") เขาอ่านชื่อป้ายที่แขวนอยู่ด้านบน ที่ทำไว้อย่างน่ารักสวยงาม
("ฮึ... ชานนท์ ชานนท์ ชานนท์ ยังอยากจะจำอีกหรือชื่อนี้ ครั้งนี้ผมจะทำให้คุณเจ็บมากกว่าที่ผมเคยเจ็บ รติรส") สายตาที่มองจ้องเขม็ง และสองมือที่จับพวงมาลัยรถจนมือตัวเองเจ็บ
"อะไรกันเนี่ย พ่อนะพ่อ แม่นะแม่ หนูจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ให้ขี่ จะขอเรียนขับรถยนต์ก็ไม่ให้เรียน แล้วดูสิ... โอ้ย โอ้ย โอ้ย"
เด็กสาววัยสิบเก้าปี ยืนโวยวาย ผมของเธอยาวประบ่า ตัวขาว ๆ ใส่เสื้อยืดสีขาว กางเกงขาสั้นสีชมพูเข้ม ยืนใช้เท้าแตะที่ล้อรถจักรยานเจ้ากรรมที่แบนจนติดดินอย่างมีอารมณ์ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ มองซ้ายทีขวาที
โดยรอบเป็นทุ่งนากว้างสุดลูกหูลูกตา ไปข้างหน้าก็ประมาณแปดร้อยเมตร จะกลับไปข้างหลังก็ระยะทางไม่ต่างกัน ทั้ง ๆ ที่ไม่ไกลจากในตัวหมู่บ้านสักเท่าไร เธอแค่อยากปั่นไปกินก๋วยเตี๋ยวร้านโปรด ซึ่งวันนี้ไม่มีใครให้ใช้สักคน หายหัวไปกันหมด
"มีอะไรให้ช่วยไหมครับ" เสียงทักทายของใครบางคนทักมา ตอนที่รถยนต์เทียบจอดสนิท และลดกระจกลง
"ค่ะ" เธอหันไปตามเสียง พอเห็นหน้าคนขับ ถึงกับส่งยิ้มหวาน และพอเห็นชุดข้าราชการที่เขาใส่ ยิ่งทำยืดตัว ยิ้มกว้างอย่างมีไมตรี
"รถยางแบนนะคะ น่าจะรั่ว จะไปแค่ตรงนู้นใกล้ ๆ แต่ เฮ้อ..." พูดสาธยายไป แต่ก็ชักสีหน้าเซ็ง
"เอายังงี้ดีกว่า คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง เอ้อ ผมเป็นคุณครูเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่นะครับ" เขาชี้ไปยังโรงเรียนที่เห็นเสาธงชาติลิบ ๆ
"เรียกครูชานนท์ หรือพี่หมัดก็ได้ครับ น้องชื่ออะไร" เขาออกตัวเพราะกลัวเธอไม่เชื่อใจ
"ใยบัวค่ะ" เธอยิ้มร่ายินดี ยิ่งเห็นหน้าตาหล่อ ๆ ที่ตอนนี้เขาเปิดประตูลงมายืนข้าง ๆ รถ ตัวสูงใหญ่ หน้าตาผิวพรรณตรงสเปก
("Dark, Tall, Manand Handsome หลุดมาจากละครเรื่องไหนเนี่ย") เธอนึกกรี๊ดอยู่ในใจ รู้สึกต้องตาต้องใจผู้ชายคนนี้เสียเหลือเกิน
"ใยบัว ชื่อน่ารักสมตัวดี ว่าแต่น้องใยบัวจะไปไหนครับ" เขาทักทายสร้างความคุ้นเคย ตั้งแต่โดนใบบอนทิ้ง เขาก็เปลี่ยนเป็นพ่อคาสโนวา รักสนุกแต่ไม่ผูกพัน รักแท้มันไม่มีอยู่จริง
นิสัยเห็นผู้หญิงเป็นไม่ได้ ยิ่งน่ารักยิ่งชอบ แต่ถ้าจะให้รักจริง ๆ ไม่เอาอีกแล้ว เข็ดขยาดมาก ๆ เขาบอกกับตัวเองแบบนั้น
"ใยบัวจะไปกินก๋วยเตี๋ยวค่ะ มีร้านอร่อยอยู่ในหมู่บ้านนู้น พี่หมัดกินอะไรหรือยังคะ" เธอเรียกเขาแบบเป็นกันเอง ทำหน้าตาที่คิดว่าน่ารักที่สุด
"กำลังหิวพอดี ว่าจะไปหาอะไรกิน ก่อนกลับเข้าโรงเรียน เอาแบบนี้ เดี๋ยวพี่เอาจักรยานขึ้นรถ แล้วค่อยพาไปซ่อมหลังจากกินก๋วยเตี๋ยวกัน แล้วก็พาใยบัวไปส่งบ้านดีไหมครับ" เขารีบพูดทึกทักเอาเองหมด รีบเข้าไปจูงจักรยานของเธอขึ้นหลังกระบะ ทั้ง ๆ ที่ใยบัวยังไม่ได้อนุญาต แต่สาวน้อยก็ยิ้มแบบยินดีสุด ๆ ถอนหายใจแบบโล่งอกออกมาด้วย
"ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้พี่หมัด ใยบัวต้องจูงไปอีกไกลเลย" เธอรีบยกมือไหว้ แสดงความเป็นเด็กมารยาทดีอ่อนน้อมถ่อมตน
เขาวิ่งมาเปิดประตูรถอีกด้านให้เธอ ใยบัวรีบขึ้นไปนั่งบนรถทันที สองคนคุยกันอย่างถูกคอ
“หมัด ใบบอนแต่งงานจริงว่ะ ฉันไปเห็นมาแล้วกับตา งานเขาจัดใหญ่โตทีเดียวแหละ”
เสียงเดี่ยวเพื่อนสนิทของทั้งหมัดและใบบอนเอ่ยขึ้น ทรุดนั่งลงใกล้ ๆ ทั้งกลุ่มเพื่อนที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากน่าน ต่างมองหมัดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร ทุกคนต่างพยักหน้างึก ๆ เมื่อสบสายตาของหมัดที่มองหน้าทุกคนขอคำยืนยัน เพราะทุกคนก็ไปร่วมในงานนั้นด้วย
เดี่ยวยื่นรูปถ่ายคู่ที่ใบบอนสีหน้าเปื้อนยิ้มยืนอยู่ข้าง ๆ ชายสูงวัยที่หน้าตาสดใสพอ ๆ กัน
ชานนท์รับรูปนั้นมาถือด้วยมือที่สั่นเทา หน้าตาแดงก่ำ ขอบตาของเขาร้อนออกผ่าว ๆ ชายหนุ่มขยำรูปนั้นไว้เต็มกำมือ ทุกคนที่อยู่รายล้อมเขาต่างเข้าใจ และหันหน้ามองกันเลิกลัก เดี่ยววางมือลงบนไหล่ของเพื่อนรัก น้ำตาคลอ สีหน้าเศร้าไม่แพ้ทุกคน
“หมัดทำใจเถิดเพื่อน จดจำแต่เรื่องราวดี ๆ ของแกสองคนก็แล้วกัน” เขาตบมือลงบนหลังชานนท์เบา ๆ เพื่อให้กำลังใจ และเอ่ยถ้อยคำปลอบใจ หมัดลุกขึ้นยืนแทบทันที หันหลังก่อนจะเดินออกไป
“ไอ้หมัด” เสียงเดี่ยวร้องเรียกชื่อเขาตามหลังดังลั่น
“เฮ้ย... กูว่าปล่อยมันไปก่อนดีกว่า” เพื่อนอีกคนเอ่ยขึ้น
“เอ่อ... ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” เดี่ยวตะโกนแหงนหน้ามองฟ้า กะพริบตาปริบ ๆ ทุกคนพลอยใจหาย เพราะไม่รู้จะช่วยเหลือชานนท์ได้อย่างไร
คุณแขไขได้ยินเสียงรถยนต์แล่นเข้ามาในบริเวณบ้าน ก่อนจะมาหยุดจอดอยู่ตรงบริเวณหน้าบ้าน เธอเดินออกมาด้วยความสงสัย เห็นลูกสาวกำลังช่วยชายหนุ่มที่แต่งตัวดูดีเรียบร้อย กำลังยกจักรยานของเธอลงจากหลังรถกระบะของเขา
“ใครมาส่ง” เสียงแม่ตะโกนทัก
โชติรสหันมายิ้มสดใสให้กับผู้เป็นแม่ เดินจูงจักรยานเข้ามาหา และใช้เท้าค้ำวางขาตั้งลง
“ครูชานนท์จ้ะแม่ เพิ่งย้ายมาสอนที่โรงเรียนใกล้บ้านเรานี่แหละ” เธอรีบวิ่งเข้ามาจับแขนคุณแม่ แล้วรีบแนะนำชายหนุ่มกับผู้เป็นแม่ทันที
ชานนท์ยิ้มกว้าง รีบเดินเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะยกมือไหว้คุณแขไขด้วยความนอบน้อม
“ไหว้พระเถิดค่ะ” เธอยิ้มให้อย่างมีไมตรีจิต กล่าวเชื้อเชิญให้เขาเข้ามาในบ้าน
“แม่นะแม่... รถจักรยานยางแบน ดีนะคะได้ครูชานนท์มาช่วย ไม่งั้น เฮ้อ” ใยบัวเล่าพลางถอนหายใจ แต่ก็หันไปยิ้มให้กับเขา
“ขอบคุณนะคะที่ช่วยใยบัว ว่าแต่คุณครูย้ายมาจากที่ไหนคะเนี่ย” คุณแขไขกล่าวขอบคุณเขาและเริ่มชวนคุย
“จากพัทลุงครับ” เขาตอบคำถาม
“หา... มาตั้งไกล ยังไงคะเนี่ย จังหวัดน่านมีอะไรดีคะ ถึงได้ตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่นี่” คุณแขไขเริ่มชวนคุย
พักหลัง ๆ ตั้งแต่สามีเจออุบัติเหตุ ต้องจับเจ่าอยู่แต่ในบ้าน และเดินทางไปโรงพยาบาลแทบไม่ได้เจอเพื่อนฝูงหรือไปเมาท์มอยที่ไหน
ใยบัวเดินถือแก้วน้ำเย็นเข้ามาเสิร์ฟ และนั่งลงใกล้ ๆ ผู้เป็นแม่
“ก็ว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่นะครับ ผู้หญิงน่านเขาว่าทั้งสวยและใจดี” เขาหยอดคำหวาน แต่ในใจไม่ได้คิดแบบนั้นเลย
“โอ้ย... พ่อคุณ ปากหวานเหมือนกันนะคะ ว่าแต่มาอยู่คนเดียว หรือว่าพาครอบครัวมาอยู่ด้วย” คุณแขไขถามอ้อม ๆ รู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มอย่างบอกไม่ถูก
“อ๋อ มาคนเดียวครับ คุณพ่อคุณแม่ก็รับราชการเป็นครูเหมือนกัน สอนอยู่ที่บ้านในจังหวัดพัทลุงครับ” ชายหนุ่มเล่าสีหน้ายิ้มแย้ม
“ผมชอบที่นี่ อยากมาตั้งรกรากที่นี่ เบื่ออากาศร้อนชื้นทางภาคใต้แล้วครับ” เขาเล่าพลางยิ้ม คุณแขไขถูกอกถูกใจใหญ่ คุยกันอย่างออกรส
“ใครมา หัวเราะกันดังลั่นเชียว” คุณเจตใช้ที่ค้ำช่วยเดิน เดินออกมาจากห้องที่ทำขึ้นมาใหม่ ติดแอร์เรียบร้อย เพราะเห็นว่าช่วงนี้เดินขึ้นบนชั้นสองลำบาก
ชายหนุ่มรีบลุกขึ้นยืน ยกมือไหว้ เจตทำหรี่ตามอง เห็นบุคลิกภาพและการแต่งตัวก็ยิ้มพอใจ
“ครูชานนท์จ้ะพ่อ ครูเขาเพิ่งย้ายมา” ใยบัวเล่าออกอาการยินดี รีบลุกขึ้นไปประคองผู้เป็นพ่อให้ลงนั่งใกล้กันกับแม่
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ว่าแต่เราไม่ชวนพี่เขาทานข้าวเย็นด้วยกัน” เสียงคุณเจตทัก เพราะได้เวลาตั้งโต๊ะ