แคว้นไท่หยวน
พระราชวังซางเป่ย
พระราชวังหลวงซางเป่ยในเวลานี้เต็มไปด้วยผ้าขาวสลับดำประดับไว้ทั่วบริเวณ ช้าราชบริพารตลอดจนประชาชนที่ล่วงรู้ข่าวการเสด็จสวรรคตของเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนและฮองเฮาซือฉี ต่างพากันสวมชุดไว้ทุกข์กันอย่างถ้วนหน้า
และข่าวที่เล็ดรอดออกไปถึงสาเหตุการสวรรคตพร้อมกันทั้งสองพระองค์ เพราะถูกต้าฮั่นจับทั้งสองพระองค์ไปเป็นตัวประกันเพื่อนำมาต่อรองให้องค์รัชทายาทอู๋ฮ่าวเทียนทรงยอมแพ้สงคราม
ทว่าด้วยเกียรติของการเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นและฮองเฮาแห่งไท่หยวน ทำให้ทั้งสองพระองค์ยอมสละชีวิตพร้อมกันเพื่อไม่ให้ฝ่ายต้าฮั่นนำมาขู่บังคับองค์รัชทายาทให้ต้องพบกับความพ่ายแพ้ เป็นเหตุให้ชาวเมืองไท่หยวนเต็มไปด้วยอารมณ์เคียดแค้นและชิงชังต้าฮั่นอย่างยิ่งยวด
กองทัพไท่หยวนต่างพากันสดุดีการพลีชีพของเจ้าผู้ครองแคว้นและฮองเฮาเพื่อรักษาแคว้นให้ดำรงอยู่ได้ต่อไป เหล่าทหารต่างเก็บความเคียดแค้นที่ต้องสูญเสียผู้ปกครองไปพร้อมกันถึงสองพระองค์ในคราวเดียวกันและมุ่งหวังทำลายล้างต้าฮั่นให้ย่อยยับไปชั่วพริบตา
ภายใต้การนำทัพของเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนพระองค์ใหม่ ซึ่งเป็นที่ยอมรับของพสกนิกรและทหารในกองทัพถึงความเก่งกล้าจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วสารทิศ
บัดนี้อู๋ฮ่าวเทียนเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนองค์ปัจจุบัน ปราบดาภิเษกขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นสืบต่อพระราชบิดาที่เสด็จสวรรคตลงเมื่อสิบวันก่อนพร้อมพระมารดา
พระวรกายงามระหงของอู๋ฮ่าวเทียนเจ้าแคว้นพระองค์ใหม่ฉลองพระองค์ไว้ทุกข์ออกนั่งราชบัลลังก์ของไท่หยวนเป็นครั้งแรก หลังจากเสร็จพิธีบวงสรวงให้แก่พระบิดาและพระมารดา ด้วยเพราะไม่สามารถนำพระศพกลับมาจากสนามรบได้ อีกทั้งสลายกลายเป็นเถ้าธุลีไปหมดสิ้น จึงทำได้แต่เพียงจัดพิธีบวงสรวงดวงพระวิญญาณได้เพียงเท่านั้น
“ซือโฉวม้าเร็วจากชายแดนส่งมาถึงหรือยัง ทัพต้าฮั่นที่ตรึงกำลังอยู่ขอบชายแดนทางตะวันออกตอนนี้มีข่าวอะไรบ้าง”สุรเสียงของเจ้าผู้ครองแคว้นพระองค์ใหม่รับสั่งถามแม่ทัพคนสนิท
องครักษ์ซือโฉว ซึ่งบัดนี้ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแม่ทัพใหญ่ของไท่หยวนก้าวเดินออกมาจากจุดที่ตนยืนอยู่พร้อมถวายรายงานกลับไปทันที
“กราบทูลฝ่าบาทตอนนี้กองทัพต้าฮั่นยังคงตรึงกำลังอยู่ในขอบชายแดน และยังไม่มีทีท่าว่าจะถอยทัพกลับไปแม้แต่น้อยเลยพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งสายข่าวได้สืบข่าวสำคัญล่วงรู้มาอีกว่า หลิวจินซานบาดเจ็บสาหัสยังรักษาอาการอยู่ในค่ายที่ตั้งมั่น กำลังจะมีการเคลื่อนย้ายไปรักษาต่อที่ฉางอาน โดยฮ่องเต้ต้าฮั่นได้มีราชโองการแต่งตั้งผู้บัญชาการทัพคนใหม่เข้ามาแทนที่แล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ครั้นเจ้าผู้ครองแคว้นหน้าสวยได้ยินเช่นนั้น พระขนงเรียวสวยขมวดเข้าหากัน
“ผู้บัญชาการทัพคนใหม่อย่างนั้นเหรอ ดูท่าหลิวหมิ่นได้ก้าวขึ้นมาคุมทัพแทนหลิวจินซานที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสด้วยฝีมือของข้าแล้วสินะ แต่ก็น่าแปลกยิ่งนักที่คนผู้นั้นกลับรอดตายมาได้อย่างไง ในเมื่อลูกธนูของข้าทั้งสามดอกล้วนยิงเข้าตำแหน่งจุดตายด้วยกันทั้งสิ้น”เจ้าผู้ครองแคว้นหน้าสวยรับสั่งพลางครุ่นคิด
“หลิวจินซานรอดตายมาได้ก็เพราะได้รับการช่วยเหลือจากบุรุษปริศนาผู้หนึ่งพ่ะย่ะค่ะ สายลับที่ส่งไปสืบข่าวรายงานกลับมาว่าคนผู้นี้ได้รับการแต่งตั้งจากฮ่องเต้ของต้าฮั่นให้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการทัพแทนหลิวจินซาน หาใช่หลิวหมิ่นหรือแม้กระทั่งขุนพลจิวเมิ่งและแม่ทัพเฉิงหลิ่วแต่อย่างใดพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพซือโฉวถวายรายงานอย่างละเอียด
“ไม่ใช่หลิวหมิ่นบัญชาการทัพอย่างนั้นเหรอ”คนงามเอ่ยออกมาทันทีครั้นได้ยินเช่นนั้น
“นอกจากหลิวหมิ่นและหลิวจินซานแล้ว ฮ่องเต้ต้าฮั่นยังมีแม่ทัพที่เชี่ยวชาญในการทำสงครามนอกจากจิวเมิ่งและเฉิงหลิ่วหลงเหลืออยู่อีกอย่างนั้นเหรอ ส่วนใหญ่ล้วนพลีชีพในสนามรบเมื่อครั้งที่ผ่านมาแทบทั้งสิ้น จะว่าไปขุนพลจิวเมิ่งอายุก็80ปีแล้ว กำลังย่อมถดถอยแม้จะไม่ได้เจ็บป่วยเหมือนกับแม่ทัพเฉิงหลิ่วที่ตอนนี้ออกจากราชการกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด...แล้วคนผู้นี้เป็นผู้ใดกัน”เจ้าผู้ครองแคว้นบ่นพึมพำด้วยความสงสัย
“ซือโฉวคนผู้นั้นที่ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นมาเป็นผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่นมีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร สายลับของเราสืบมาได้หรือเปล่า”รับสั่งถามกลับไปด้วยความอยากรู้
“กราบทูลฝ่าบาทคนผู้นั้นมีนามว่า โจวเฟิงหยางพ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพซือโฉวรีบกราบทูลกลับไปอย่างไม่ชักช้า
ครั้นอู๋ฮ่าวเทียนได้ยินเช่นนั้น คิ้วสวยที่ขมวดเข้าหากันอยู่ก่อนหน้านั้นแล้วยิ่งขมวดมุ่นมากขึ้นไปกว่าเดิม ด้วยไม่เคยได้ยินชื่อและแซ่นามนี้จากกองทัพแคว้นอื่นๆ เท่าที่รู้จักและเคยล่วงรู้มา
อีกทั้งยังใช้แซ่โจวที่เคยรุ่งเรืองถึงขีดสุดจนกลายเป็นราชวงศ์โจวที่เคยขึ้นปกครองแผ่นดินในอดีตกาลสืบต่อกันมาอย่างยาวนานถึง 867 ปีเลยทีเดียว
ก่อนจะล่มสลายเพราะไม่สามารถปกครองบรรดาอ๋องต่างๆ ที่เริ่มมีอำนาจแข็งแกร่งขึ้นและเริ่มรบกันเองเพื่อขยายอำนาจอันยิ่งใหญ่ของตัวเอง จนแยกตัวเป็นแคว้นอิสระไม่ขึ้นตรงต่อราชวงศ์โจวในยุคชุนชิวและกลายเป็นเจ็ดแคว้นใหญ่ในยุคจ้านกว๋อก่อนจะล่มสลายไปในที่สุดเมื่อราชวงศ์ฉินเรืองอำนาจเข้ามาแทนที่
ท่อนแขนเรียวดุจลำเทียนภายใต้อาภรณ์ไว้ทุกข์ยกขึ้นกอดอกด้วยความสงสัยกับข่าวการปรากฏตัวของผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่นเป็นยิ่งนัก
“คนผู้นี้ใช้แซ่โจว ซึ่งล่วงรู้กันอย่างดีว่าเป็นแซ่ที่ใช้เฉพาะเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์โจวเท่านั้น ไม่น่าเชื่อว่ากาลเวลาที่ยาวนานผ่านไปนับพันปี ยังมีเชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์โจวในอดีตกาลหลงเหลืออยู่อีกอย่างนั้นเหรอ เท่าที่ข้าล่วงรู้มาจากหอจดหมายข่าวและตำราพิชัยสงครามากมาย เชื้อพระวงศ์โจวถูกประหารไปจนสูญสิ้นราชวงศ์ไร้เชื้อสายสืบทอด ไม่น่าจะเป็นไปได้”รับสั่งออกไปด้วยไม่อยากจะเชื่อว่าผู้บัญชาการทัพคนใหม่จะสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ในอดีต
“ฝ่าบาท!”เสียงของเสนาบดีฟูซื่อซึ่งเป็นลุงแท้ๆ ของเจ้าผู้ครองแคว้นเอ่ยขึ้น
“ท่านลุงต้องการจะกล่าวสิ่งใดกับข้าอย่างนั้นเหรอ”เจ้าแคว้นรับสั่งถาม
มหาเสนาบดีใหญ่ซึ่งเป็นพี่ชายแท้ๆ ของฮองเฮาซือฉีก้าวออกมาจากจุดที่ยืนอยู่พร้อมยกมือประสานเข้าหากัน
“กระหม่อมขอบังอาจกราบทูลบางเรื่องให้ฝ่าบาททรงทราบพ่ะย่ะค่ะ”ฟูซื่อกล่าวน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านลุงกล่าวออกมาได้เลยมีสิ่งใดที่จะชี้แนะข้า”รับสั่งอนุญาต
มหาเสนาบดีใหญ่ผู้รับใช้เจ้าผู้ครองแคว้นมาถึงสามแผ่นดินจนมาถึงรัชสมัยของอู๋ฮ่าวเทียน มีสีหน้าบางอย่างปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งประสบการณ์ชีวิตอันโชกโชนที่ผ่านมาจนเข้าสู่ปีที่ 65 และตั้งใจว่าจะกราบทูลขอลาออกจากราชการเพื่อใช้ชีวิตอย่างสงบในบั้นปลาย
“ขอบพระทัยพ่ะย่ะค่ะ ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอกราบทูลเป็นการส่วนพระองค์ด้วยเถิด”มหาเสนาบดีฟูซื่อกราบทูลกลับไป
เจ้าผู้ครองแคว้นพยักพระพักตร์งามขึ้นลงเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“มีขุนนางท่านใดต้องการจะรายงานอะไรกับข้าอีกหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ให้เลิกหารือเพียงแค่นี้แยกย้ายกันไปได้”เจ้าผู้ครองแคว้นรับสั่งถามพร้อมกวาดสายพระเนตรไปทั่วท้องพระโรง
ครั้นไม่มีขุนนางใดกล่าวถวายรายงาน เจ้าแคว้นหน้าสวยส่งสัญญาณให้ขันทีใกล้ชิดจัดการต่อ
“ปิดการถวายรายงาน!!”เสียงของขันทีส่งสัญญาณสิ้นสุดการออกว่าราชการเป็นครั้งแรกของเจ้าผู้ครองแคว้นคนใหม่
เหล่าขุนนางต่างพากันเริ่มทยอยเดินออกจากท้องพระโรง จนกระทั่งเหลือเพียงมหาเสนาบดีฟูซื่อและหลานสาวแท้ๆ ซึ่งยังคงนั่งอยู่บนราชบัลลังก์ในฐานะเจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบันเพียงเท่านั้น และทันทีที่อยู่เพียงตามลำพังเสียงของคนเป็นลุงเอ่ยขึ้นมาก่อนทันที
“ฝ่าบาทยังทรงจดจำตำนานเทพสงครามของราชวงศ์โจว ในอดีต ที่เคยมีการเล่าขานต่อๆ กันมาได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฟูซื่อถามกลับไปเพื่อให้เจ้าผู้ครองแคว้นได้ย้อนคิดถึงเรื่องราวดังกล่าว
พระพักตร์งามพยักขึ้นลงติดต่อกันเมื่อได้ยินคนเป็นลุงถามกลับมาเช่นนั้น
“ข้าจดจำได้อย่างแม่นยำท่านลุง เจ้าผู้ครองแคว้นทั่วหล้าในแผ่นดินนี้ไม่มีผู้ใดหลงลืมเป็นแน่”รับสั่งตอบกลับไป
“ถ้าเช่นนั้นฝ่าบาทจะต้องทรงใช้ความระมัดระวังในการทำศึกที่จะต้องเกิดขึ้นระหว่างไท่หยวนและต้าฮั่นเอาไว้ให้เป็นอย่างมากพ่ะย่ะค่ะ ผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่นผู้นี้ จู่ๆ ก็ปรากฏกายขึ้นมาอย่างไร้ที่มาที่ไป อีกทั้งยังสืบเชื้อสายมาจากสกุลโจวที่เคยยิ่งใหญ่ในอดีต ตำนานเทพสงครามที่มีการทำนายเอาไว้ล่วงหน้านานนับพันปี ดูท่าอาจจะเกิดขึ้นพร้อมกับการมาของคนผู้นี้ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงประมาทเป็นอันขาด”ฟูซื่อเอ่ยเตือนหลานสาวด้วยความเป็นห่วง
ในขณะที่โฉมสะคราญปรากฏรอยยิ้มกว้างขึ้นบนใบหน้างามเมื่อจับความรู้สึกของผู้เป็นลุงได้ว่ามีความเป็นห่วงมากมายยิ่งนักกับสงครามที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า
“ขอท่านลุงได้โปรดวางใจ หลานจะไม่ประมาทให้แก่คนผู้นั้นอย่างแน่นอน ต่อให้เป็นเทพสงครามในตำนานจริงๆ คนเช่นข้าหาได้หวาดหวั่นแต่อย่างใด อยากจะรู้เช่นกันว่าเทพสงครามในตำนานจะเก่งกาจสมคำร่ำลือหรือไม่”
ทว่าคำกล่าวของเจ้าผู้ครองแคว้นเช่นนั้น กลับทำให้ฟูซื่อยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นไปกว่าเดิม เพราะแลดูคล้ายเจ้าผู้ครองแคว้นจะทรงไม่ได้เชื่อเรื่องตำนานเทพสงครามที่เล่าขานสืบทอดต่อๆกันมาอย่างช้านานเสียเท่าใดนัก
“ทรงรับสั่งเช่นนี้ยิ่งทำให้กระหม่อมกลัดกลุ้มใจมากยิ่งขึ้นไปอีกพ่ะย่ะค่ะ ตำนานเทพสงครามที่เล่าขานสืบต่อกันมา แม้ว่าจะไม่เคยปรากฏขึ้นในแผ่นดินก็ตาม แต่ถ้าหากเกิดขึ้นมาจริงๆ นั้นก็หมายความว่าแผ่นดินทั่วหล้าที่เทพสงครามเหยียบย่างไปนั้นจะต้องตกอยู่ในกำมือโดยแทบไม่ต้องทำอะไรเลย คำว่าพ่ายแพ้ไม่เคยปรากฏ นี่คือเรื่องที่จะต้องระมัดระวังมากพ่ะย่ะค่ะ”ฟูซื่อไม่วายกล่าวเตือนหลานสาวของตนด้วยความเป็นห่วง
ในขณะที่อีกฝ่ายได้แต่ผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ กับความกังวลของผู้อาวุโสเกี่ยวกับเทพสงครามในนิทานปรัมปรา
“ท่านลุง! หลานไม่ได้ประมาทหรือหลงระเริงว่าตนเก่งกาจเหนือผู้ใด หากจะกล่าวกันตามความเป็นจริงแล้ว ตำนานเทพสงครามก็คือคนธรรมดาผู้หนึ่งที่ฝึกวิชายุทธ์และตำราพิชัยสงครามจนแตกฉาน และมีความฉลาดลึกล้ำอย่างหาตัวจับยาก ทำให้คาดการณ์กลศึกของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ และตอบโต้จนอีกฝ่ายได้รับความพ่ายแพ้กลับไป เป็นคนที่ฆ่าแล้วตาย!”คนงามอธิบายกลับไปพร้อมหัวเราะเบาๆ อยู่ในลำคอพร้อมมีรับสั่งขึ้น
“แต่ถ้าเทพสงครามในตำนานกลับกลายเป็นพวกปีศาจหรือเทพเซียน แน่นอนว่าคนธรรมดาทั่วไปมีหรือที่จะต่อกรได้เสียที่ไหนกันเล่าท่านลุง ขึ้นชื่อว่าต่อสู้และการใช้ไหวพริบกับคนด้วยกันแล้ว ข้าอู๋ฮ่าวเทียนไม่เคยกลัวนอกเสียจากคนผู้นั้นไม่ใช่คน เพราะไม่ว่าจะใช้วิธีอะไรก็ฆ่าไม่ตาย ถ้าเป็นเช่นนั้นยิ่งน่ากลัวกว่าอะไรทั้งหมด”อู๋ฮ่าวเทียนอธิบายให้ฟูซื่อคลายความกังวล
“แต่ว่าฝ่าบาท”ฟูซื่อกล่าวได้เพียงแค่นั้นก็ต้องเงียบเสียงลง
เมื่อเจ้าผู้ครองแคว้นทรงยกพระหัตถ์ส่งสัญญาณห้ามไม่ให้กล่าวสิ่งใดต่อไป
“ขอท่านลุงได้โปรดวางใจ ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นอย่างไร เก่งกล้ามากมายเพียงใดจะเป็นเทพสงครามก็ดีหรือไม่ได้เป็นก็ช่าง ข้าจะไม่ประมาทอีกฝ่ายและระมัดระวังในการทำสงครามระหว่างสองแคว้นให้มาก แผ่นดินไท่หยวนของข้าจะต้องดำรงอยู่สืบต่อไปตราบนานเท่านาน ข้าให้สัญญา”รับสั่งให้สัตย์สัญญาออกไปจนฟูซื่อสามารถสัมผัสได้
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหี่ยวย่นปรากฏรอยยกยิ้มเกิดขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย พร้อมพยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันเมื่อได้ยินคำสัญญาอย่างหนักแน่นของเจ้าผู้ครองแคว้น ร่างสันทัดค่อยๆ คุกเข่าลงกับพื้นท้องพระโรงพร้อมก้มศีรษะถวายคำนับให้กับเจ้าเหนือหัวที่เป็นอิสตรีและเป็นทั้งหลานสาวเพียงคนเดียวในเวลาเดียวกัน
“ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นๆ ปีพ่ะย่ะค่ะ เมื่อได้ยินเช่นนี้ก็วางใจแล้ว ถ้าเช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลา”ฟูซื่อกล่าวพร้อมก้มศีรษะคำนับอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ล่าถอยออกไปจากท้องพระโรงไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางสายพระเนตรของเจ้าแคว้นคนงามในคราบบุรุษทรงทอดพระเนตรตามหลังจนลับสายตา
ครั้นประทับอยู่แต่เพียงลำพังภายในท้องพระโรง ตำนานเทพสงครามที่ถูกบันทึกตั้งแต่ก่อตั้งราชวงศ์โจวปรากฎขึ้นในความทรงจำของอู๋ฮ่าวเทียนขึ้นมาอีกครั้ง
“โจวเฟิงหยาง! ต่อให้เจ้าเก่งกาจมาจากไหนหรือถึงแม้ว่าจะเป็นเทพสงครามจริงๆ ข้าก็ไม่กลัว! อีกไม่นานข้าจะบดขยี้และทำลายกองทัพของเจ้าให้แตกพ่ายกลับไปอย่างย่อยยับด้วยน้ำมือของข้า ต้าฮั่นจะต้องได้รับความอับอายไปทั่วทั้งแผ่นดินและสุดท้ายจะต้องตกอยู่ในกำมือของข้าด้วยเช่นกัน”เจ้าแคว้นคนงามรับสั่งลอดไรพระทนต์