ฉับพลันเสียงหนึ่งพลันดังแทรกขึ้นมาทันที
“หยุดยิง!!!”เสียงของแม่ทัพต้าฮั่นซึ่งตั้งค่ายทัพหลวงอยู่ห่างออกไปทางทิศเหนือ ยกกำลังทหารส่วนหนึ่งตามมาช่วยสมทบทันทีที่ล่วงรู้ว่ากองทัพต้าฮั่นและไท่หยวนต่างพบจุดจบสิ้นชีพทั้งกองทัพด้วยสาเหตุใดก็ไม่อาจล่วงรู้ได้
ชินอ๋องพระนามว่าหลิวหมิ่นพระอนุชา ของฮั่นจิ้งตี้ฮ่องเต้ ส่งสัญญาณให้ทหารลดอาวุธลงให้หมด พระเนตรเฝ้าจับจ้องอยู่ที่จอมมารไม่ละสายพระเนตร
ด้วยพระองค์ทรงยกทัพมาช่วยและได้เห็นบุรุษรูปงามร่างกายใหญ่โตอาภรณ์สีดำทะมึน กำลังช่วยรัชทายาทของต้าฮั่น ซึ่งเป็นหลานชายของพระองค์ อีกทั้งยังทรงได้ทอดพระเนตรเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบทั้งหมด ที่รัชทายาทจากแคว้นไท่หยวนต้องพ่ายแพ้เชิงยุทธ์จนหมดรูป
และที่น่าตื่นตะลึงยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ลูกธนูนับหลายพันดอกสูญสลายไปชั่วพริบตาอย่างชนิดที่ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้หากแม้นไม่ได้ทอดพระเนตรด้วยตาของตนเอง พระองค์จะไม่ทรงเชื่ออย่างแน่นอน
“บุรุษผู้นี้ช่างเก่งกล้าและมีวิชายุทธ์แปลกประหลาดยิ่งนัก ไม่เคยพบเห็นในยุทธ์ภพและในสงครามจากที่ใดมาก่อนเลย ถ้าหากต้าฮั่นได้คนเช่นนี้มาเป็นกำลังสำคัญต้องนำกองทัพได้อย่างเกรียงไกรเป็นแน่แท้”ชินอ๋องรำพึงอยู่ภายในพระทัยพลางเสด็จลงจากหลังม้า
“รีบลงไปช่วยไทจื่อขึ้นมา!!!”สุรเสียงสั่งการออกไปทันใด
“ไม่ต้อง!”จอมมารตวาดสุรเสียงดังกระหึ่ม
และสุรเสียงของพระองค์มีอำนาจและทรงพลังยิ่งนัก บรรดาทหารนับหมื่นนายต่างพากันนิ่งงันด้วยความหวั่นเกรงอย่างยิ่งยวดไม่เว้นแม้กระทั่งชินอ๋องก็ยังต้องทรงยืนนิ่งงันไม่กล้าเอ่ยถ้อยรับสั่งแทรกขึ้นแต่อย่างใด ก่อนจะได้ยินสุรเสียงของจอมมารรับสั่งขึ้นมาอีกครั้ง
“คนผู้นี้พวกเจ้ายังไม่อาจแตะต้องกายได้ จนกว่าจะถึงวันรุ่งพรุ่งนี้ดังนั้นข้าจะนำขึ้นไปให้เอง”จอมมารรับสั่งพร้อมตรงเข้าช้อนร่างรัชทายาทของต้าฮั่นพาดไว้บนบ่ากว้างของพระองค์อย่างรวดเร็ว
“โอโห่! แบกองค์ไทจื่อประหนึ่งเบาดุจปุยนุ่น ทั้งๆ ที่ทรงมีพระวรกายสูงใหญ่เช่นนั้นไม่รู้ว่าแบกไปได้อย่างไรกัน”
“แต่เจ้ามองดูคนผู้นั้นสิ ข้ายังไม่เคยเห็นบุรุษใดมีร่างกายทั้งสูงและใหญ่โตกำยำเช่นนี้มาก่อนเลยนะ องค์ไทจื่อว่าทรงแข็งแรงบึกบึนเช่นกัน แต่ครั้นพบคนผู้นี้แล้วองค์ไทจื่อกลับแลดูบอบบางไปเลยทีเดียว”
เสียงโจษขานของบรรดาทหารในกองทัพต่างเอ็ดอึงไปทั่ว ก่อนจะรีบเปิดทางอย่างรวดเร็วเมื่อจอมมารเฟิงหยางทรงแบกร่างรัชทายาทต้าฮั่นไว้บนบ่าก่อนจะไต่ขึ้นจากหลุมปีศาจขนาดมหึมาที่ทั้งกว้างและลึก ใช้เวลาขึ้นมาเพียงแค่ครึ่งก้านธูปเท่านั้น
พรึบ! ร่างของหลิวจินซานรัชทายาทแห่งต้าฮั่นถูกวางลงบนพื้นดิน โดยหามีผู้ใดล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วดวงจิตที่สวมแทนอยู่ภายในขณะนี้คือเทพนอกรีตลั่วจิ้ง รัชทายาทตัวจริงดวงจิตหลุดลอยออกจากร่างเดินทางไปยังดินแดนปรโลกแล้ว
“รีบไปตามหมอหลวงมาดูอาการไทจื่อเร็วเข้า!”สุรเสียงของชินอ๋องรับสั่งขึ้นทันทีพลางทอดพระเนตรร่างของหลานชายที่ถูกลูกธนูปักกลางอกถึงสามดอกและแต่ละดอกถูกจุดที่สำคัญเท่านั้น
“ถูกยิงเข้าจุดสำคัญทั้งสิ้น จินเอ๋อจะทนได้อีกนานเพียงใดก็ไม่รู้”รับสั่งเต็มไปด้วยความกังวลอย่างยิ่งยวด พร้อมสุรเสียงของจอมมารเฟิงหยางรับสั่งแทรกขึ้นมาโดยพลัน
“หนุ่มน้อยผู้นี้ไม่ตายหรอก เจ้าวางใจได้แม้จะถูกยิงตรงจุดตายก็ตามเพียงแต่ร่างนี้ถูกไอ...”จอมมารรับสั่งเพียงเท่านั้นพลันเงียบงันลงทันใด
และนั่นทำให้ชินอ๋องที่ตั้งพระทัยฟังอยู่ในขณะนั้นอดรนทนไม่ได้ที่อีกฝ่ายนิ่งเงียบอยู่เช่นนั้น
“ร่างของจินเอ๋อเป็นอย่างไรเหรอ เหตุใดเจ้าจึงเงียบงันเช่นนี้หลานชายของข้ามีอาการเป็นอย่างไรกันแน่”
จอมมารครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะด้วยเหล่ามนุษย์ย่อมไม่เข้าใจในเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไปเป็นแน่ว่าสิ่งที่ทำลายกองทัพของต้าฮั่นและไท่หยวนจนชีวิตของผู้คนสังเวยนับหลายหมื่นเช่นนี้เป็นผลมาจากหินสามภพ ซึ่งมีพลังเวทย์ของพระองค์อยู่ภายในนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจของจอมมารซุกซ่อนอยู่ภายในนั้น
เหตุการณ์ครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจอมมารจะไม่ได้ลงมือสังหารชีวิตของมนุษย์ด้วยพระเองก็ตาม แต่ก็เป็นผลทางอ้อมจากหัวใจที่อยู่ในหินสามภพนั้น เปรียบเสมือนว่าจอมมารทรงลงมือสังหารด้วยตัวเองไม่มีผิด วิธีเดียวที่สามารถทำได้ในขณะนี้คือ “โกหก”
“คนผู้นี้ถูกพิษร้ายแรงชนิดหนึ่งอาบร่างไปจนทั่ว หากผู้ใดแตะต้องกายจะต้องสิ้นชีพตามไปกับผู้คนเหล่านั้นที่เห็นอยู่ในขณะนี้ทั้งหมด รอจนกว่ารุ่งอรุณของเช้าวันใหม่มาเยือนจึงจะสามารถแตะต้องได้แต่ถึงกระนั้นก็ต้องใช้เวลานานหลายเดือนทีเดียวกว่าพิษร้ายจะถูกขับออกจากกายและหายไปทั้งหมด”
ครั้นชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นพระพักตร์เงยขึ้นทอดพระเนตรพื้นที่บริเวณนั้นไปโดยรอบ ร่างไร้วิญญาณมากมายของทหารทั้งสองฝ่ายล้มตายเกลื่อนกลาดไม่มีเหลือ กลิ่นเนื้อคนที่ถูกเผาจนลุกไหม้เกรียมฟุ้งกระจาย เป็นภาพที่ประหวั่นพรั่นพรึงกับผู้ที่ได้มาพานพบอยู่ในขณะนี้เป็นยิ่งนัก
“ดูท่าเจ้าจะล่วงรู้วิธีการรักษาและรู้จักพิษร้ายนี้เป็นอย่างดี ถ้าเช่นนั้นข้าก็อยากให้เจ้าช่วยทำการรักษาหลานชายผู้นี้ของข้าด้วยจินเอ๋อคือความหวังของแผ่นดินต้าฮั่นในภายภาคหน้า”ชินอ๋องตัดสินใจออกไปอย่างไม่รอช้า
ท่ามกลางรอยแสยะยิ้มเหยียดของจอมมารครั้นได้ยินเช่นนั้น
“ดูท่าหลานชายของเจ้าจะต้องได้รับการรักษาจากข้าอยู่นานเลยทีเดียว”จอมมารรับสั่งตอบกลับไป พลางตรงเข้ายกร่างใหญ่ของรัชทายาทต้าฮั่นแบกไว้บนบ่าของพระองค์ตามเดิม
ฉับพลันพระวรกายใหญ่กลับต้องหยุดชะงักลงไปชั่วขณะ ครั้นสายพระเนตรเหลือบไปกระทบร่างของรัชทายาทหน้าสวยของแคว้นไท่หยวนที่ปกปิดพระพักตร์ด้วยหน้ากากอย่างมิดชิด
ร่างอรชรนอนหงายทาบทับอยู่บนร่างไร้วิญญาณของบิดาและมารดา บนร่างของนางถูกลูกธนูปักเข้าที่กลางอกและถูกยิงเข้าที่หน้าท้อง มิหนำซ้ำยังถูกยิงเข้าที่จุดตายคือบริเวณใต้ราวนมซ้าย เพียงแค่เห็นไม่ต้องบอกก็รู้ว่ารอดยาก พระพักตร์หล่อเหลาส่ายไปมาติดๆ กันครั้นได้ทอดพระเนตร
“ที่สุดแล้วสวรรค์ลิขิตให้เจ้าต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ มิหนำซ้ำยังถูกไอปีศาจปกคลุมร่างอีก ข้าขัดขวางเจ้าอยู่เป็นนานกลับลงแรงไปเสียเปล่าสุดท้ายก็ฝืนลิขิตสวรรค์ไม่ได้”รับสั่งรำพึงอยู่ภายในพระทัยพร้อมหันกลับมาทอดพระเนตรกองทัพของต้าฮั่น
“พวกเจ้าทุกคนจงฟังข้า!”สุรเสียงรับสั่งดังก้อง
ทันใดนั้นเองเสียงหนึ่งแทรกขึ้นมาทันที
“บังอาจยิ่งนักหาญกล้าเจรจาเช่นนี้ต่อพระพักตร์ชินอ๋องแห่งต้าฮั่นถึงเพียงนี้เชียวเหรอ! ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเสียแล้ว ที่นี่มีเพียงผู้เดียวที่ออกคำสั่งกองทัพต้าฮั่นได้คือองค์ไทจื่อและชินอ๋องเท่านั้น! ชนชั้นต่ำศักดิ์เช่นเจ้าถือดีอย่างไรจึงจะมาออกคำสั่งเช่นนี้”เสียงของหนึ่งในแม่ทัพซึ่งเป็นขุนพลใหญ่ของต้าฮั่นคำรามลั่นออกมา
และถ้อยคำดังกล่าวทำให้บรรดาทหารต้าฮั่นต่างพากันทำหน้าเลิกลั่กไม่รู้ว่าจะปฏิบัติตนเช่นไร ในขณะที่พระพักตร์หล่อเหลาของราชาปีศาจปรากฏรอยแสยะยิ้มเหยียดพร้อมส่งเสียงพระสรวลกึกก้อง ทว่าหวีดหวิวจนขนทั่วกายพากันลุกตั้งชัน
ครืนนนนน!!! เสียงหัวเราะดังกล่าวมาพร้อมกับเสียงสั่นสะเทือนของพื้นดินจนร่างของมนุษย์ที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างพากันสั่นไหวไปหมด
พระเนตรสีนิลคมกล้าลุกโชนจ้องเขม็งไปที่ร่างขุนพลต้าฮั่นที่นั่งอยู่บนหลังม้าจนอีกฝ่ายถึงกับกลืนน้ำลายลงคอ เกิดอาการหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาเสียดื้อๆ หากพลังเวทย์ของจอมมารเต็มเปี่ยมดั่งเช่นกาลก่อนเพียงแค่ทอดพระเนตร ร่างตรงหน้าต้องลุกไหม้กลายเป็นจุลอย่างแน่นอน
ทว่าถึงกระนั้นดวงจิตของพระองค์ที่มีญาณตบะแรงกล้าได้ส่งไปถึงหินสามภพซีกที่อยู่ในกายของรัชทายาทต้าฮั่น และสามารถสัมผัสกับดวงจิตจอมมารผู้เป็นเจ้าของ สิ่งที่คิดจึงกลายเป็นจริงขึ้นมาโดยพลัน
พรึบ!!!! ร่างของขุนพลต้าฮั่นคนดังกล่าวจู่ๆ ก็เกิดไฟปะทุขึ้นลามเลียไปทั่ว ก่อนจะร่วงหล่นตกจากหลังม้า
ตุบ! ร่างขุนพลผู้นั้นร่วงหล่นลงพื้นส่งเสียงโหยหวนด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส บรรดาทหารในกองทัพรีบมาดับไฟที่กำลังลุกท่วมกายอยู่ในขณะนั้นกันอย่างจ้าละหวั่น
ท่ามกลางสายพระเนตรของจอมมารทรงยืนทอดพระเนตรร่างมนุษย์ตรงหน้าที่กำลังถูกเพลิงเผาผลาญ ลุกไหม้ท่วมไปทั่วร่างอย่างน่ากลัว พระพักตร์ค่อยๆ หันกลับไปทอดพระเนตรร่างที่ทรงแบกไว้อยู่บนบ่า
“เป็นจริงดั่งที่ข้าคิดเอาไว้ไม่มีผิด หินสามภพอยู่ในร่างของมนุษย์ผู้นี้อย่างแน่นอน”
ในขณะที่ภาพเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ทุกสายตาหันกลับมามองบุรุษร่างใหญ่โตที่กำลังแบกรัชทายาทของตนเอาไว้บนบ่าเป็นจุดเดียวกันรวมไปถึงชินอ๋องแห่งต้าฮั่นก็ด้วยเช่นกัน พระเนตรจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของบุรุษตรงหน้าก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอพร้อมเอ่ยขึ้น
“เออ..เมื่อครู่จะเจ้ากล่าวสิ่งใดอย่างนั้นเหรอ หากข้าคาดเดาไม่ผิดสิ่งที่เจ้ากำลังจะบอกคือการเตือนทัพต้าฮั่นด้วยความหวังดีใช่หรือไม่”รับสั่งถามกลับไป
พระเนตรสีนิลกาฬคู่สวยหรี่ลงพร้อมปรายสายพระเนตรไปทางชินอ๋อง
“ข้าก็แค่จะเตือนว่าห้ามแตะต้องซากศพภายในบริเวณนี้อย่างเด็ดขาด ปล่อยเอาไว้เช่นนี้และรีบออกไปจาที่นี้ซะ! อีกไม่กี่ชั่วยามซากศพเหล่านี้จะถูกไอพิษทำลายล้างจนสูญสลายไปเอง ทันทีที่รุ่งอรุณมาเยือน หากมีผู้ใดแตะต้องซากศพเหล่านั้นจะต้องพบจุดจบโดยพลันเพียงแค่สัมผัสชีวิตก็หลุดลอย หากไม่เชื่อจะลองดูก็ได้แล้วพวกเจ้าจะมีสภาพไม่ต่างกับร่างไร้วิญญาณเหล่านั้น”
รับสั่งพร้อมหันพระวรกายกลับเสด็จพระดำเนินฝ่ากองทหารแบกร่างรัชทายาทออกไปจากบริเวณดังกล่าวทันที
“เตรียมม้า!!!”จอมมารรับสั่งกึกก้อง
สุรเสียงคำรามลั่นเล่นเอาบรรดาทหารของต้าฮั่นวิ่งหาม้ากันอย่างจ้าละหวั่น ด้วยท่วงท่าที่องอาจประกอบกับทรงมีพระวรกายใหญ่โตกว่ามนุษย์ทั่วไปและสายพระเนตรยามที่ได้จับจ้องผู้ใดช่างน่าพรั่นพรึงเป็นยิ่งนัก แม้จะมีพระเนตรงดงามแต่ความน่ากลัวนั้นกลับมีมากกว่า
พระวรกายสูงใหญ่ของจอมมารกระโดดประทับบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว พาดร่างรัชทายาทของต้าฮั่นเอาไว้ด้านหน้าของพระองค์ ก่อนจะบังคับม้าห้อตะบึงวิ่งออกไปจากบริเวณดังกล่าวดังเช่นสายลมโดยไม่รั้งรอทัพต้าฮั่นแม้แต่น้อย
ท่ามกลางสายพระเนตรของชินอ๋องทรงทอดพระเนตรตามหลังอยู่ตลอดเวลา
“คนผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวเสียเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง อีกทั้งยังมีร่างกายสูงใหญ่ กำยำและบึกบึนยิ่งนัก ไม่รู้ว่ามาจากแคว้นใด กระหม่อมไม่เคยพานพบบุรุษใดที่มีลักษณะเช่นนี้มาก่อนเลย จะว่าเป็นชนเผ่าทางเหนือก็ไม่น่าจะใช่ แต่ในขณะเดียวกันกลับรูปงาม งามมากจริงๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ”กุนซือคนสนิทของชินอ๋องเอ่ยแสดงความคิดเห็นอยู่ข้างๆ
“ข้ากับเจ้าล้วนไม่เห็นต่างแต่นั้นเป็นเพียงแค่รูปลักษณ์ภายนอกของคนผู้นั้น มีบางสิ่งที่ข้าล่วงรู้ก็คือคนผู้นี้เปรียบประหนึ่งเสือหมอบมังกรซ่อน อีกทั้งเท่าที่ข้าแอบลอบสังเกตคนผู้นี้เข้าตำราของผู้มีลักษณะดั่งเช่นเทพสวรรค์ เจ้าไม่เห็นหรอกหรือไงเพียงแค่เสียงและสายตาก็สร้างความน่าสะพรึงกลัวและพากันหวั่นเกรงไปถ้วนทั่ว เพียงแค่เสียงหัวเราะแผ่นดินยังสะเทือนเลื่อนลั่น แม้แต่ข้ายังหวาดหวั่น ความกลัวไม่รู้ว่ามาจากที่ใดปรากฏขึ้นจนข้ายังรู้สึกได้เป็นอย่างดี”รับสั่งยอมรับออกมาตามตรง
ครั้นกุนซือคนสนิทได้ยินเช่นนั้นใบหน้าพยักขึ้นลงด้วยไม่เห็นต่างแต่ประการใด พร้อมสุรเสียงของชินอ๋องรับสั่งขึ้นอีกครา
“ถ้าเป็นดั่งเช่นที่ข้าคิดเอาไว้จริงๆ เห็นทีต้องรีบกราบทูลให้ฝ่าบาททรงทราบโดยเร็วที่สุด รวมไปถึงรายงานสถานการณ์รบในครั้งนี้ด้วย ตอนนี้กองทัพของทั้งไท่หยวนและต้าฮั่นต่างบอบช้ำและเสียหายหนักด้วยกันทั้งสองฝ่าย อ๋องไท่หยวนและฮองเฮาก็มาสิ้นพระชนม์พร้อมกันในการรบครั้งนี้ จึงทำให้อู๋ฮ่าวเทียนได้ขึ้นเป็นเจ้าผู้ครองแคว้นไท่หยวนอย่างเต็มตัว สามารถใช้อำนาจได้อย่างเต็มที่”ชินอ๋องรับสั่งเต็มไปด้วยความกังวลอย่างเห็นได้ชัด
และมีหรือจะรอดพ้นสายตากุนซือคนสนิทที่สังเกตได้จากสายพระเนตรและสีพระพักตร์
“ท่านอ๋องกังวลพระทัยเกี่ยวกับรัชทายาทของไท่หยวนใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”กุนซือคนสนิทถามกลับไป
แทนการตอบรับพระพักตร์พยักขึ้นลงติดต่อกันก่อนจะมีรับสั่งตามติดมา
“อู๋ฮ่าวเทียนผู้นี้ แม้จะมีอายุเพียงแค่ 18 ปี แต่รัชทายาทผู้นี้เมื่อเทียบกับไท่จื่อของต้าฮั่นช่างแตกต่างยิ่งนัก”
รับสั่งของชินอ๋องทำให้กุนซือคนสนิทเอ่ยแทรกขึ้นมาทันใด
“สิ่งที่พระองค์ทรงมีรับสั่งว่ารัชทายาทจากไท่หยวนและองค์ไทจื่อแตกต่างนั้นก็คือความปราดเปรื่องใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“ถูกต้อง! อู๋ฮ่าวเทียนเชี่ยวชาญทั้งบู้และบุ๋นอีกทั้งยังฉลาดปราดเปรื่องอย่างหาตัวจับยาก เมื่อก้าวขึ้นปกครองแคว้นไท่หยวนอย่างเต็มที่เช่นนี้ การใช้อำนาจย่อมไม่มีขีดจำกัด และนั้นจะยิ่งทำให้การเข้ายึดครองไท่หยวนยากมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้แต่หลานของข้าก็ไม่มีทางเอาชนะได้ ซ้ำร้ายยังได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขนาดนี้อีก ดูท่าต้องเลือกเฟ้นหาผู้บัญชาการทัพคนใหม่เสียแล้ว”ถ้อยรับสั่งเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดและกังวลอย่างเห็นได้ชัด
ครั้นกุนซือคนสนิทได้ยินเช่นนั้นพลางครุ่นคิดตามทันใด ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อล่วงรู้แล้วว่าเห็นควรจะทำเช่นไร
“เมื่อครู่ที่ผ่านมาท่านอ๋องและกระหม่อมต่างเห็นคนผู้นั้นใช้วิชายุทธ์กับแม่ทัพใหญ่ของไท่หยวน เท่าที่สังเกตจากชุดเกราะอยู่ในระดับขุนพลใหญ่เลยทีเดียว เพียงไม่ถึงสามกระบวนท่าก็สามารถปราบแม่ทัพผู้นั้นได้อย่างราบคาบ ฝีมือในเชิงยุทธ์แปลกประหลาดและร้ายกาจยิ่งนักกระหม่อมคิดว่า หากได้คนผู้นี้มาเป็นส่วนหนึ่งในกองทัพ การตีแคว้นไท่หยวนย่อมไม่ยากเย็นแสนเข็ญอีกต่อไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ อีกทั้งจะทำให้กองทัพของต้าฮั่นแข็งแกร่งและได้ประโยชน์จากคนผู้นั้นอย่างยิ่งยวด”
พระพักตร์พยักขึ้นลงติดๆ กัน ครั้นได้ยินเช่นนั้นพระองค์ไม่เห็นต่างตรงกันข้ามทรงมีความคิดเช่นเดียวกัน
“ไท่หยวนมีอู๋ฮ่าวเทียนบัญชาการทัพอยู่ ลำพังระดับแม่ทัพที่เจ้าและข้าต่างเห็นการปะทะฝีมือยุทธ์เมื่อครู่ยังมีฝีมือฉกาจฉกรรจ์เช่นนั้น แต่คนผู้นั้นยังเอาชนะภายในเวลาอันรวดเร็ว ข้าไม่เคยพบเห็นฝีมือยุทธ์เยี่ยงนี้จากที่ไหนมาก่อนเลยเช่นกัน คนผู้นี้จะต้องทำให้ต้าฮั่นมีชัยชนะเหนือไท่หยวนได้อย่างแน่นอน”รับสั่งพึมพำพลางครุ่นคิดตาม
โดยไม่ล่วงรู้ว่าแท้จริงแล้วชายหนุ่มที่ถูกพระองค์สั่งรุมยิงเมื่อครู่ที่ผ่านมาก็คือรัชทายาทอู๋ฮ่าวเทียนนั่นเอง ก่อนจะหันกลับไปทอดพระเนตรกุนซือคนสนิท
“เช่นนั้นแล้วเจ้ารีบรายงานสถานการณ์รบให้ฝ่าบาททรงทราบ ส่วนข้าจะจัดการโน้มน้าวคนผู้นั้นให้เข้าร่วมกับกองทัพของต้าฮั่นเพื่อนำชัยชนะกลับฉางอานให้ได้ ประกาศความยิ่งใหญ่ของต้าฮั่นที่มีชัยเหนือไท่หยวน”ชินอ๋องสั่งการทันที
“พ่ะย่ะค่ะ!”กุนซือคนสนิทขานรับพระบัญชา
ชินอ๋องแห่งต้าฮั่นบังคับม้าศึกโจนทะยานวิ่งนำหน้ากองทหารตามหลังบุรุษอาภรณ์ดำอย่างไม่ชักช้า เสียงฝีเท้าม้ามากมายค่อยๆ เริ่มห่างจากหลุมมหึมาและซากศพของทหารทั้งสองฝ่ายจนกระทั่งบริเวณดังกล่าวมีแต่ความเงียบงัน ไร้สิ่งมีชีวิตหลงเหลือ