ตอนที่ 6
ผ่านไปชั่วโมงกว่าก็มาถึงคอนโดฯ ที่ไม่ได้อยู่ย่านกลางเมืองเท่าไหร่นัก เพราะเจ้าของอยากเก็บเงินเอาไว้จุนเจือครอบครัวมากกว่าจะต้องมาเสียเงินซื้อคอนโดกลางเมืองที่แพงเกินกำลัง
“หิวๆ” หลังจากวางข้าวของเรียบร้อยแล้วจิรันธรก็โอดครวญเมื่อท้องประท้วงหาอาหาร แต่พอเดินเข้าไปเปิดตู้เย็นก็มีแต่นม ผักแล้วก็ผลไม้
“ตู้เย็นแกไม่มีอะไรเลยนะยัยรุ้ง ถ้างั้นฉันสั่งพิซซ่ามากินนะ”
“ตามใจ” ตอบแล้วก็หันมามองอีกคนที่ยังไม่ยอมเข้ามาในห้อง
“ผมเคยอยู่ที่นี่เหรอครับ” เอโด้เอ่ยถามเหมือนคนละเมอ พลางชะเง้อมองเข้าไปในห้องด้วยสีหน้ายุ่งๆ
“เข้ามาเถอะค่ะ” พูดจบก็จับแขนใหญ่ดึงเข้ามาในห้องแล้วรีบปิดประตู ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่มีใครเดินผ่านมา สักพักเธอก็เดินไปลากแขนเพื่อนให้เข้าไปคุยในห้องนอนหลังจากเพื่อนสั่งพิซซ่าเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีกคนเธอก็ปล่อยให้เดินสำรวจห้องพักไปก่อน
“ยัยรุ้ง แกลากฉันเข้ามาทำไมเนี่ย” จิรันธรเอ่ยถามด้วยสีหน้าเป็นเครื่องหมายคำถาม
“คืนนี้ฉันคงไม่ต้องให้เขามานอนห้องเดียวกับฉันใช่ไหม”
“เฮ้ย! มันต้องนอนห้องเดียวเตียงเดียวกันสิยัยรุ้ง”
“แกจะบ้าเหรอ ฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อยจะมานอนร่วมเตียงกันได้ไงล่ะ แต่ถ้าแกอยากให้นอนเตียงเดียวกัน แกก็รับเขาไปดูแลเองสิ” รุ้งตะวันบอกเสียงแหลมสูง
“ถ้าไม่นอนด้วยกัน คุณเอโด้ก็ยิ่งสงสัยนะสิว่าตกลงแกกับเขาเป็นผัวเมียกันจริงหรือเปล่า”
“สงสัยก็สงสัยไปสิ” รุ้งตะวันตอบแบบขอไปที เพราะตอนนี้เธอคิดว่าเรื่องมันชักจะยุ่งวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว แล้วถ้าย้อนเวลาไปได้เธอจะไม่มาเยี่ยมมาดูเขาแน่ๆ แต่ก็นะถ้าไม่เยี่ยมก็ดูใจดำเกินไป
“ยัยรุ้ง แกกลัวคุณเอโด้ปล้ำเหรอ แกถึงไม่กล้าให้เขานอนด้วย”
“ลองปล้ำสิ แม่จะแพ่นกระบาลให้!”
“แล้วแกจะกลัวอะไรล่ะ”
“จีจี้! ที่ฉันถามไปนี่ฉันไม่ได้กลัวเลยนะ ฉันก็แค่ไม่อยากให้ใครมานอนบนเตียงด้วย เพราะฉันชอบนอนคนเดียว” รุ้งตะวันเถียงไปแบบข้างๆ คูๆ
“เหรอ” จิรันธรลากเสียงยาว
“ไม่ต้องมาทำเสียงแบบนี้เลย แล้วตกลงจะทำให้ยังไง” รุ้งตะวันวกกลับเข้าเรื่องต่อ
“ก็ให้นอนในห้องแกนี่ไง ว่าแต่แกลืมอะไรไปหรือเปล่าว่าเราสองคนส่วนมากทำงานกลางคืน กว่าจะกลับมานอนก็ตีสองตีสาม แถมบ้างวันพวกเราก็ต้องไปรับงานนอกอีก ลองคิดดูว่าแกจะเอาเวลาที่ไหนมาเข้านอน”
“จริงด้วย” แววตาลิงโลดขึ้นมาทันที
“ถ้างั้นเราก็ออกไปกันได้แล้ว ป่านนี้ผัวแกชะเง้อคอมองหาแกแล้วมั้ง”
ป้าบ!
“ยัยรุ้ง! ฉันเจ็บนะ” คนโดนมือฟาดดังป้าบร้องโอดครวญหน้าตาเหยเก
“สมน้ำหน้า ปากไม่ดีเอง” พูดจบก็เดินนำเพื่อนรักออกไปจากห้อง
'สักวันแกต้องมาขอบใจฉันแน่ๆ ยัยรุ้ง ที่ฉันหาผู้ชายให้ แต่แกนี่...มือหนักชะมัดเลย' จิรันธรบ่นงึมงำตามหลังเพื่อนก่อนจะเดินตามออกไป แต่ยังไม่ทันได้หย่อนก้นนั่งเลยเธอก็โดนสั่งให้นั่งคุยเป็นเพื่อนคุณเอโด้ ส่วนคนสั่งก็เดินเข้าห้องครัวบอกว่าจะไปปอกผลไม้มาให้ทาน
“วันนี้คุณจีจี้ไปทำงานหรือเปล่าครับ” เอโด้เอ่ยถามขึ้นหลังจากนั่งเงียบมาสักพัก เพราะเขากำลังพยายามนึกว่าเคยอยู่ที่นี่จริงหรือไม่ ทว่านึกเท่าไหร่เขาก็ไม่มีความรู้สึกคุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้เลย
“ไปสิคะ” จิรันธรตอบยิ้มๆ แล้ว ก่อนจะหยิบขนมเป็นมันฝรั่งยี่ห้อดังใส่ปากแก้หิว
“แล้ว...ภรรยาผมล่ะครับ”
“ยัยรุ้งยังไม่ได้ไปทำงานวันนี้หรอกค่ะ พอดีฉันไปลางานกับเจ้านายให้สามวัน คุณเอโด้ไม่ต้องกลัวหรอกว่าคืนนี้จะได้นอนคนเดียว” จิรันธรยิ้มซุกซน
“ครับ” ชายหนุ่มยกมือขึ้นข้างหนึ่งมาลูบขมับอย่างเก้อๆ อดสงสัยไม่ได้ว่าอีกฝ่ายยิ้มแบบนี้ทำไม ทางด้านจิรันธรก็ยังไม่เลิกยิ้มเลยยิ่งทำให้หนุ่มหล่อสงสัยมากยิ่งขึ้น ทว่ายังไม่ทันได้ถามอะไรเสียงออดก็ดังขึ้นเสียก่อน
“จีจี้ กระเป๋าตังค์ฉันวางอยู่บนโต๊ะหนังสือ แกหยิบไปจ่ายเลยนะ” คนที่ปอกผลไม้อยู่ในครัวชะเง้อหน้าออกมาบอกเพื่อนรัก
“ฉันจ่ายเอง แกเก็บเงินไว้เถอะ” พูดจบเจ้าตัวก็เดินไปเปิดประตูจ่ายเงินเสร็จสรรพก็มานั่งทานพิซซ่ากัน ทว่ารุ้งตะวันแทบจะกลืนพิซซ่าไม่ลง เพราะเจอสายตาของสามีเฉพาะกิจคอยจ้องมองอยู่ตลอดจนเธอชักสงสัยว่าจะมองทำไมนักหนา ในเมื่อหน้าตาเธอก็ไม่ได้ประหลาดเสียหน่อย
“คุณ มองฉันทำไมคะ”
“วันนี้คุณสวยมาก”
“ฮะ!” คนถูกชมซึ่งหน้าอุทานเสียงดัง ก่อนจะหันไปมองเพื่อนด้วยสีหน้างงงวยอยู่ครู่หนึ่งก็หันกลับมามองคนตัวโตตาแป๋ว
“ปกติผมไม่เคยชมคุณเหรอครับ ท่าทางคุณดูตกใจมาก” เอโด้ย้อนถามเสียงทุ้ม
“เปล่าหรอกค่ะ คุณก็เคยชมอยู่บ่อยๆ”
“เหรอครับ ถ้างั้นก็ทานต่อนะครับ” พูดจบก็หยิบพิซซ่าส่งให้ภรรยา ส่วนอีกหนึ่งสาวสั่นหน้าปฏิเสธ ก่อนจะลอบมองอาการของเพื่อนรัก
‘ท่าทางแกเขิน แสดงว่าแกแอบคิดอะไรกับคุณเอโด้แน่ๆ ยัยรุ้ง ส่วนคุณก็...เหมาะกับเพื่อนรักของฉัน’ จิรันธรครุ่นคิดอยู่ในใจ ปากเรียวสวยอมยิ้มรอจนกระทั่งเพื่อนรักทานจนอิ่มและหลังจากช่วยกันเก็บทำความสะอาดแล้วเธอก็ลากแขนเพื่อนให้มาส่งหน้าห้อง
“รุ้ง แกชอบคุณเอโด้ใช่ไหม” จิรันธรยิงคำถามใส่เพื่อนรักแบบไม่ทันให้เพื่อนตั้งตัว
“ถามบ้าอะไรเนี่ย” รุ้งตะวันย้อนใส่เสียงอ้อมแอ้ม
“เสียงแบบนี้ แสดงว่าแกแอบมีใจให้เขาล่ะสิ”
“ยัยเพื่อนบ้า กลับไปเร็วๆ เลย” รุ้งตะวันใช้มือรุนหลังเพื่อนเร่งเร้าให้รีบออกไป
“ฉันไปก็ได้ ไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอแกกับผัวหรอก เออนี่! ฉันลืมเล่าให้แกฟังว่าคืนก่อนฉันไปทะเลาะแม่สองสาวมา แล้วมันขู่พวกเราด้วยว่าจะเฉดหัวพวกเราออกจากงาน”
“อีกแล้วเหรอ” รุ้งตะวันทำหน้ายุ่ง เพราะเดือนก่อนสองสาวก็เพิ่งจะทะเลาะกับเธอ
“มันหาเรื่องฉันก่อน แถมยังตบฉันด้วย ดีนะที่โดนแค่เฉียดๆ” พูดแล้วก็ยังเคืองสองสาวไม่หายแต่ก็ถือว่าโชคดีที่เจ๊มณีจัดการให้แล้ว ส่วนเธอก็โดนเจ๊มณีเรียกเข้าไปคุยแล้วบอกว่าให้ใจเย็นลงหน่อย
“ร้ายขึ้นทุกวันจริงๆ เลยนะ แกก็ต้องระวังตัวเอาไว้ด้วยละจีจี้” รุ้งตะวันเตือนด้วยความเป็นห่วง
“มันร้ายมาเราก็ร้ายกลับสิ แต่เดี๋ยวฉันไปก่อนนะ กลัวรถจะติด วันนี้เป็นคืนวันศุกร์ด้วย”
“ขับรถดีๆ ละ” รุ้งตะวันสิ่งยิ้มให้เพื่อน
“จ้า ส่วนแกคืนนี้อย่าเผลอไปปล้ำคุณเอโด้เข้าล่ะ แต่ถ้าอยากปล้ำจริงๆ ก็อดใจรอให้คุณเอโด้ปล้ำแกก่อนสักหน่อย แล้วแกค่อยปล้ำกลับ โอเค้!” จิรันธรหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นเพื่อนทำหน้ายักษ์ใส่