ปลายเหมันตฤดูอากาศอบอุ่นขึ้นเรื่อยๆ ดอกเหมยงดงามหลากสีในอุทยานหลวงบานสะพรั่ง แต่ยังคงเห็นน้ำแข็งจับค้างบนกิ่งก้านเปล่งประกายระยิบระยับ
ช่วงนี้ของปีวังหลวงจะมักจัดงานเลี้ยงเพื่อต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่กำลังจะมาเยือน ฮ่องเต้จะใช้โอกาสนี้ทรงมอบรางวัลแด่ขุนนางที่มีความดีความชอบ ส่วนขุนนางคนใดมีบุตรสาวโฉมงามแรกรุ่น ก็ล้วนพากันมาแสดงความสามารถต่อหน้าพระพักตร์ด้วยหวังว่าพวกนางจะถูกตาต้องใจฮ่องเต้ แล้วได้รับโอกาสแต่งตั้งเป็นพระสนม ในภายภาคหน้าหากนางโชคดีได้รับความโปรดปรานจากโอรสสวรรค์จนให้กำเนิดองค์ชาย ตระกูลของพวกเขาย่อมจะได้รับความมั่งคั่งและมั่นคงไปตลอดชีวิต
แต่หลายปีที่ผ่านมาไม่รู้ว่าฮ่องเต้มู่เหวินหลงทรงคิดอะไรอยู่ นอกจากจะไม่รับพระสนมเพิ่มแล้วกลับพระราชทานสมรสให้หนุ่มสาวไปหลายคู่ ทั้งขุนนาง ทายาทตระกูลใหญ่ กระทั่งเชื้อพระวงศ์ก็ไม่ได้รับการยกเว้น
ส่วนเชื้อพระวงศ์ที่ได้รับเกียรตินี้สองปีซ้อนคงไม่พ้นฉินอ๋อง ที่ได้ชายารองโฉมงามถึงสามนาง
เฉิงจื่อหรู บุตรสาวเสนาบดีกรมพระคลัง ลู่เหมยหลงและลู่เหมยหลิน บุตรสาวฝาแฝดของเจ้ากรมอาญา
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ทำร้ายจิตใจบรรดาคุณชายทั้งหลายอย่างมาก เพราะโฉมงามทั้งสามเป็นที่หมายปองของบุรุษในเมืองหลวง เมื่อพวกเขานึกภาพฉินอ๋องโอบซ้ายโอบขวาสตรีทั้งหมดในอ้อมแขนก็พากันเคียดแค้นระคนอิจฉา
มาปีนี้ ทุกคนก็อดใจรอชมความครึกครื้นแทบไม่ไหว ฮ่องเต้จะทรงจับคู่ให้ใครอีก บรรดาโต๊ะพนันถึงกับเอาเรื่องนี้มาเป็นหัวข้อในการเสี่ยงโชค และหัวข้ออันได้รับความนิยมสุดก็คือเรื่องฉินอ๋องจะได้พระชายาเอก หรือพระชายารองคนที่สี่หรือไม่
ว่ากันว่าวงเงินพนันสูงมากทีเดียว
แต่เหมือนฉินอ๋องจะยังคงนิ่งเฉย ทำเป็นลืมตาข้างหนึ่ง หลับตาข้างหนึ่ง มิฉะนั้นแล้วคนเหล่านี้คงไม่มีชีวิตอยู่รับทรัพย์ที่หามาได้
อุทยานหลวง
มู่เลี่ยงหรงเดินเข้ามาบริเวณหน้าสวนดอกเหมย วันนี้เขาสวมอาภรณ์ชั้นกลางสีแดงขลิบทอง ชุดตัวนอกเป็นผ้าไหมสีขาวปักชายเสื้อกับแขนเสื้อด้วยแถบผ้าฉลุลายสีฟ้า คาดเข็มขัด และห้อยหยกประดับล้ำค่า ทั้งยังสวมทับด้วยชุดคลุมชินอ๋องสีดำแขนกว้างปักลายมังกรกับพระจันทร์ในหมู่เมฆด้วยไหมทองคำเป็นชั้นสุดท้าย เกล้าผมครึ่งศีรษะครอบด้วยกว้านทองบอกบรรดาศักดิ์
เขามาถึงก่อนงานเลี้ยงจะเริ่ม ใบหน้าหล่อเหลากลับดูเคร่งขรึมเย็นชา รอบกายแผ่รัศมีสูงส่งและไอเย่อหยิ่งจนยากจะเข้าใกล้ และด้วยเบื่อหน่ายจะเสวนากับบรรดาขุนนางที่หวังเพียงประจบประแจง เขาจึงตัดสินใจเดินเลี่ยงออกจากบริเวณจัดงานไปยังสวนอีกด้านหนึ่งก่อน
มู่เลี่ยงหรงย่างเท้าไปตามทางเดินในอุทยานหลวง ในที่สุดก็หยุดยืนใต้ต้นหลิวใหญ่ริมสระน้ำอันเงียบสงบ เขานึกถึงเรื่องที่คุยกับถางซือเซินเมื่อหลายวันก่อน
‘ข้าจะหาพระชายาให้ท่านเองอย่างนั้นรึ’
‘เฮอะ ยุ่งยากเสียจริง ตำแหน่งฉินหวางเฟยของข้าสุดท้ายก็ต้องยกให้กับเหตุผลทางการเมือง’
เสียงในหัวใจของอ๋องหนุ่มไม่ได้เงียบสงบเหมือนรอบข้าง
ในเมื่อไม่เคยพบสตรีนามเยี่ยนเยว่ฉีมาก่อนย่อมต้องเคลือบแคลงใจ แม้ข่าวที่ให้คนไปสืบมาจะยังไม่พบเรื่องในแง่ลบก็ตามที แต่เมืองหานจีอยู่ไกลหลายร้อยลี้ไม่มีทางที่เขาจะสืบรู้ทุกอย่างได้ภายในไม่กี่วัน
มู่เลี่ยงหรงถอนหายใจ แม้เขายินดีทำทุกอย่างเพื่อฮ่องเต้ แต่อีกใจหนึ่งก็หวังจะมอบตำแหน่งหวางเฟยให้สตรีที่พึงใจ...
‘ความรักหรือ คงมีแค่เพียงในโคลงกลอนของบัณฑิตผู้เพ้อฝัน’
คำพูดที่บอกกับอัครเสนาบดียังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึง ท่านอ๋องหนุ่มหัวเราะเบา ๆ
นั่นสินะ จะเป็นไปได้อย่างไรกัน เขาไม่เชื่ออีกแล้วว่าหลุมลึกแห่งรักจะมีอยู่จริง สตรีที่รายล้อมขณะนี้ล้วนต้องการเพียงผลประโยชน์ แม้แต่เขาเองก็แต่งงานเพื่อพระเชษฐาและความมั่นคงของบัลลังก์มังกร
“ข้าตื่นเต้นจะแย่แล้วซูจิ้ง”
เสียงสตรีนางหนึ่งดังแว่วมาในโสต
ถึงแม้รูปร่างของมู่เลี่ยงหรงจะสูงโปร่งแลดูคล้ายบัณฑิตก็ตาม แต่แท้จริงเขาคือผู้ฝึกยุทธ์จึงได้ยินเสียงนางมาแต่ไกล
แต่ในขณะที่คิดจะเดินหลบออกไปก็อดหันไปมองทางต้นเสียงมิได้ ทันใดนั้นร่างหยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหัน บุรุษผู้สูงศักดิ์ยืนนิ่งเป็นรูปปั้นหิน นัยน์ตาเรียวดุจเหยี่ยวเบิกขยายขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ผู้ที่มาเป็นสตรีแปลกหน้าในชุดกระโปรงสีชมพู เนื้อผ้าแนบลำตัวแสดงให้เห็นสัดส่วนสวยงาม นางเยื้องกรายมาทางที่เขายืนอยู่อย่างช้า ๆ ด้านหลังมีสาวใช้หน้าตาจิ้มลิ้มกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมา
ดวงตาคมกริบมองภาพนางได้อย่างชัดเจน ผิวขาวราวหิมะ โฉมหน้าสะดุดตา ร่างสูงระหง เอวองค์เต็มทุกสัดส่วน สตรีผู้นี้ช่างงดงามหมดจดราวสวรรค์สร้าง ถ้าจะบอกว่ากำลังชื่นชมเทพธิดาอยู่ก็คงไม่เกินไปนัก
ทว่าโฉมสะคราญเบื้องหน้าไม่ใช่สตรีในตระกูลใหญ่ที่เขาเคยพบมาก่อน
ภายใต้รูปลักษณ์สะกดวิญญาณบุรุษนั้น...จะมีอะไรซ่อนอยู่หรือไม่หนอ
ยิ่งเห็นนางถนัดชัดขึ้นเท่าใด มู่เลี่ยงหรงรู้สึกว่าหัวใจยิ่งเต้นระรัว ความร้อนสายหนึ่งแผ่ซ่านไปทั่วกาย
นี่เขากำลังตื่นเต้น…ตื่นเต้นเพราะสตรีตรงหน้าหรือ
เพียงรู้สึกลึก ๆ ว่านางช่างแตกต่างและน่าสนใจ
แต่ก่อนที่นางจะสังเกตเห็น บุรุษในชุดผ้าไหมสีดำตัดสินใจก้าวถอยหลังกลับไปหลบใต้ต้นหลิว กระทั่งสตรีผู้นั้นเดินใกล้เข้ามาแล้วหยุดลงตรงข้างต้นหลิวอีกฝั่งหนึ่ง
ยามนี้ทั้งสองมีเพียงลำต้นของไม้ใหญ่บดบังอีกฝ่ายเอาไว้จากการมองเห็น
“คุณหนู กลับเข้างานเถิดเจ้าค่ะ” สาวใช้เอ่ยเตือนนายหญิง
“ขอเวลาทำใจอีกสักหน่อย ข้าต้องทำการแสดงต่อหน้าพระพักตร์เชียวนะ”
“คุณหนูของบ่าวเก่งที่สุด ฮ่องเต้จะต้องทรงชื่นชมอย่างแน่นอน”
“ข้ามิได้ต้องการเช่นนั้นเสียหน่อย”
“ทำไมเล่าเจ้าคะ”
“เหตุผลจะเป็นอะไรก็ช่างเถิด ขอเพียงไม่ทำให้ท่านพ่ออับอายก็พอแล้ว”
“คุณหนู ท่านมีอะไรไม่สบายใจหรือ บอกบ่าวมาเถิดเจ้าค่ะ”
“ข้า...ก็แค่...ไม่อยากแต่งงานกับใครก็ไม่รู้” เยี่ยนเยว่ฉีอ่อนเสียงลงด้วยคิดถึงคำที่พี่ชายคนรองบอกกล่าว นางจะได้พบพานกับบุรุษที่เป็นเนื้อคู่ เขาเป็นหนึ่งในบรรดาราชนิกุล
แต่เขาจะรักนางหรือไม่เล่า
“ซูจิ้ง ท่านพ่อกับท่านพี่ไม่ได้บอกอะไรกับข้ามาก ข้ากลัวเหลือเกิน กลัวว่าอาจต้องแต่งงานกับชายแก่ สุดท้ายต้องถูกทอดทิ้งอยู่ในเรือนหลังเพียงลำพังอย่างน่าอนาถ”
ได้ยินดังนั้น ท่านอ๋องหนุ่มคิ้วกระตุก หรือบิดาของนางหมายถวายตัวบุตรสาวให้ฮ่องเต้
‘สามหาวยิ่งนักไม่กลัวตายหรืออย่างไร’