ท่านอ๋อง...ข้าจะหาพระชายาให้ท่านเอง

1282 Words
เมื่อย้อนนึกถึงวันวานในวัยเยาว์ของตนเองกับผู้ที่เป็นอัครเสนาบดี ก็เริ่มจำได้ว่าพวกเขาเคยพูดเรื่องรับภรรยาในอนาคต ตอนนั้นด้วยความเป็นเด็กจึงรับปากด้วยความยินดี ซ้ำยังให้คำมั่นว่าจะไม่มีทางปฏิเสธหญิงสาวที่สหายเลือกให้อย่างแน่นอน “น่าตายนัก!” มู่เลี่ยงหรงสบถลอดไรฟัน กำหมัดแน่น หลับตาลงลอบด่าบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของสหายอย่างเจ็บแค้น เขารู้ดีว่าตกหลุมพรางเสียแล้ว และหลุมนี้ตนดันเป็นคนขุดเอาไว้เองจนเกือบลืมสิ้น เมื่อเห็นอ๋องหนุ่มหน้าซีดกล่าวอะไรไม่ออกอีก ถางซือเซินผู้ใจกล้ากล่าวต่ออีกประโยคด้วยใบหน้าฉายแววยิ้มกริ่มอย่างผู้ชนะ “ผู้เป็นอ๋องกล่าวแล้วทองพันชั่งก็ซื้อมิได้ ข้าจะหาพระชายาให้ท่านเอง” เมื่อเห็นว่าตกเป็นรองสหาย แต่ด้วยนิสัยละเอียดรอบคอบ จะให้ยอมง่าย ๆ ก็คงไม่ได้การ ด้วยตำแหน่งพระชายาเอกไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาล้อเล่นได้ สตรีนางนั้นย่อมต้องเป็นผู้ที่คู่ควร เขาต้องเห็นดีเห็นงามด้วยถึงจะถูก “ซือเซินอย่าเพิ่งได้ใจไป ข้าสัญญากับเจ้าเอาไว้ก็จริง แต่เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของข้าเชียวนะ มีเรื่องเจ้าควรรู้เอาไว้ หลายปีที่ผ่านไม่เคยนึกแปลกใจเลยหรือ ข้ามีพระชายารองอยู่ถึงสามนางแต่ยังไม่มีทายาทเสียที” “...” ถางซือเซินไม่กล้าตอบ หากพูดว่ามู่เลี่ยงหรงไร้น้ำยา เขาจะต้องถูกกระบี่เสียบเข้าหัวใจเป็นแน่แท้ “ข้าตั้งใจจะมีทายาทกับหวางเฟยเท่านั้น” มู่เลี่ยงหรงเอ่ยเสียงเข้ม พลางลูบไล้ตราหยกสลักลายพยัคฆ์สีขาวอันล้ำค่าควรเมือง “ข้าต้องรู้ก่อนว่านางเป็นใครกันแน่ หากสตรีผู้นี้ไม่คู่ควร ข้าย่อมปฏิเสธคนที่เจ้าเลือกได้ แต่ไม่ใช่จะไม่รักษาคำพูด หากครานี้ไม่ผ่านเจ้าก็ไปคัดเลือกมาใหม่ เช่นนี้จึงจะยุติธรรมกับเราทั้งสองฝ่าย อัครเสนาบดีคงเห็นด้วยกับที่ข้าเสนอกระมัง” ถางซือเซินหลุบสายตาลง รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย มู่เลี่ยงหรงไม่ใช่หมูให้เขากลืนง่าย ๆ แต่บุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่เป็นสตรีในแบบที่ท่านอ๋องชอบอย่างแน่นอน ‘ลองเสี่ยงดูก่อนก็แล้วกัน หากยังไม่สำเร็จค่อยไปวางแผนใหม่อีกครั้งกับคนผู้นั้น’ “นามของนางคือเยี่ยนเยว่ฉี บุตรีท่านแม่ทัพใหญ่รักษานครคนใหม่ มีเสียงเล่าลือกล่าวขานว่านางงดงามราวเทพธิดา กิริยามารยาทหรือก็ได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี” “แค่บุตรสาวขุนนาง ไฉนเจ้าไม่หาท่านหญิงให้ข้าเล่า” มู่เลี่ยงหรงหรี่ตา ดวงตาเหยี่ยวจดจ้องใบหน้าสหายประหนึ่งต้องการจับผิด เห็นทีเรื่องนี้ต้องมีสายสนกลใน ‘ซือเซินเอ๋ย ข้าก็รู้ใจเจ้าเช่นกัน’ “หากท่านอ๋องอยากสมรสกับท่านหญิง ซือเซินก็เห็นมีเหมาะสมอยู่ผู้หนึ่ง” อัครเสนาบดียิ้มเย็นแล้วเอ่ยชื่อสตรีผู้นั้นอย่างกล้าหาญ “ท่าน-หญิง-กุ้ย-อิน” “ซือเซิน! บ่อลับที่ท้ายจวนของข้ายังสามารถใส่บัณฑิตไม่กลัวตายลงไปได้อีกหลายคน” มู่เลี่ยงหรงคิ้วกระตุก นี่สหายล้อเขาเล่นใช่หรือไม่ ใครจะอยากแต่งงานกับผู้หญิงแบบนั้น เขายอมยกเฉิงจื่อหรูพระชายารองคนโปรดขึ้นเป็นหวางเฟยยังดีเสียกว่า “ท่านอ๋อง ซือเซินขอกล่าวอะไรสักหน่อย” “อืม...ว่ามา แต่คิดให้ดีก่อนพูดนะ ข้าเองก็ยังไม่อยากหาผู้อื่นมาเดินหมากเป็นเพื่อนแทนเจ้า” ฉินอ๋องทำเป็นพูดข่มขวัญ แต่แท้จริงกลับแอบหัวเราะอยู่ในใจ “ท่านอ๋องชอบท่านหญิงคนใดเป็นพิเศษกัน ให้ไล่ชื่อไปทุกตระกูลท่านก็ปฏิเสธอยู่ดี หรือจะค้านสิ่งที่ซือเซินพูด” อัครเสนาบดียังคงไม่ยอมแพ้ มู่เลี่ยงหรงเรื่องมากขนาดไหนทำไมเขาจะไม่รู้ “ก็จริง แต่สตรีที่เติบโตในเมืองชายแดนจะมีอะไรให้ข้าตื่นเต้นกัน คนลือว่างดงามแล้วอย่างไร นางอาจจะดูหน้าตาดีสำหรับชาวชนบทเท่านั้นก็ได้” “ซือเซินหวังว่าท่านอ๋องจะนำเรื่องนี้ไปไตร่ตรอง หากท่านไม่พึงใจก็ไม่มีอะไรเสียหาย กระหม่อมจะไปคัดสรรสาวงามมาให้ใหม่” อัครเสนาบดีกล่าวเสียงเรียบ “แต่ถ้าหากท่านอ๋องต้องตาต้องใจนางแล้วล่ะก็ จงไปขอพระราชทานสมรสด้วยตนเองนะพ่ะย่ะค่ะ” “หือ…ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจ” มู่เลี่ยงหรงจ้องหน้าสหาย ดูเหมือนว่าอัครเสนาบดีจะถอดใจไม่อยากตื๊อเขาอีกแล้ว ‘ไม่สนุกเลยซือเซิน วันนี้ทำไมเจ้าไม่เถียงข้าให้มาก ๆ หน่อยเล่า’ “มิได้” ถางซือเซินพูดเสียงเบา แล้วก้มลงมองกระดานหมากตรงหน้าอีกคราหนึ่ง “ก็ได้...ก็ได้ ข้าจะไตร่ตรองเรื่องนี้ อย่างน้อยจะหาทางไปพบหน้านางก่อนเวลาสักหน่อย หากบุตรสาวท่านแม่ทัพใหญ่งดงามต้องตาต้องใจ ข้าจะแต่งนางเป็นหวางเฟย เท่านี้เจ้าคงพอใจแล้วกระมัง” “ขอบพระทัย...” ถางซือเซินรับคำเสียงเฉื่อย “เจ้าเป็นบุรุษไฉนทำนิสัยสตรีใส่ข้าเล่า” มู่เลี่ยงหรงเห็นถางซือเซินทำท่าเหมือนแง่งอน จึงอดคิดถึงถางซือเซียนมิได้ สองพี่น้องชอบทำหน้าแบบนี้เวลาไม่ได้ดั่งใจ ถางซือเซินไม่พูดไม่จาอะไรอีกทั้งสิ้น บัณฑิตหนุ่มแห่งราชสำนักเพียงขยับนิ้ววางตัวหมากลงบนกระดานที่ตนบอกว่ายอมแพ้ไปแล้วหนึ่งตัว จากนั้นคนเหลี่ยมจัดจึงส่งยิ้มให้ผู้เป็นอ๋อง พร้อมกล่าวสั้น ๆ “รุกฆาต” “เจ้ามันช่าง…น่าตายนัก!” “ขอบพระทัยท่านอ๋อง” รอยยิ้มบางเบาปรากฏบนใบหน้าของอัครเสนาบดีในที่สุด การเดินหมากจบลงเพียงเท่านี้ แต่มู่เลี่ยงหรงยังคงติดใจอยู่ หากไม่มีสายสนกลในสหายคงไม่ออกปากเป็นแน่ พระเชษฐาคงมีแผนการแต่ไม่อยากบอกกับเขาโดยตรง ‘หวังว่าจะไม่ใช่แผนชายงาม หรือข้าต้องแต่งงานการเมืองอีกแล้ว’ มู่เลี่ยงหรงเหมือนพอจะรู้ชะตากรรม แต่หากเขาไม่เอ่ยปาก ฮ่องเต้ก็มิอาจพระราชทานสมรสได้ ด้วยเหตุนี้กระมังพระเชษฐาจึงส่งถางซือเซินมาจัดการเรื่องนี้ มู่เลี่ยงหรงนั่งไตร่ตรอง พลางเคาะนิ้วเรียวบนตั่งเป็นจังหวะ ‘ข้าจะเล่นด้วยก็แล้วกัน ท่าทางตระกูลเยี่ยนคงมีอะไรน่าสนอกสนใจกว่าที่เขาคิด เป็นเขยท่านแม่ทัพใหญ่รักษานครอีกสักตำแหน่งคงไม่เป็นไร แต่จะให้ข้าอ้อนวอนขอพระราชทานสมรสง่าย ๆ ก็ไม่สนุกน่ะสิ’ ถางซือเซินมองกิริยานี้ก็ลอบยิ้มในใจ แต่กลับทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ ท่านอ๋องกำลังวางแผนเรื่องตระกูลเยี่ยนแล้วเป็นแน่ ชายผู้นี้หากบังคับโดยตรงย่อมไม่มีทางยินดี เช่นนี้มีแต่ต้องใช้เล่ห์กล ซึ่งเรื่องนี้ได้เตรียมการไว้ทั้งหมดแล้ว จะเหลือแค่เพียงผู้สูงศักดิ์จะพร้อมใจกระโดดลงหลุมพรางที่เขาเพียรขุดเอาไว้เท่านั้น ต่างคนก็ต่างคิดแผนอยู่ในใจ จนตะวันใกล้จะลับฟ้า อัครเสนาบดีจึงกล่าวลาแล้วรีบออกจากจวนฉินอ๋องทันที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD