ตอนที่ 4 ใคร

1833 Words
ศลิษานั่งเล่นอยู่นานจนเฟรเดอริคลงมาตามด้วยตัวเอง พนักงานหลายคนที่ไม่ค่อยได้เห็นผู้เป็นเจ้านายลงมาข้างล่าง ส่วนใหญ่เขาจะสั่งงานผ่านผู้ช่วยคนสนิทของเขามาเท่านั้น หญิงสาวที่ตั้งใจจะหาข้ออ้างไม่กลับขึ้นไปก็เป็นอันต้องล้มเลิกความตั้งใจ เมื่อเขาตรงมาจับข้อมือเล็กแล้วดึงเธอจนแทบจะลากให้ขึ้นไปชั้นสองด้วยกัน ธาวินมองตามร่างลูกมือของตัวเองก็ได้แต่ถอนใจ เขายอมรับว่าศลิษาสวยมาก แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะถึงขนาดที่เฟรเดอริคจะมาถูกใจ “อะไรเหรอพี่วิน” พนักงานเสิร์ฟสาวที่เห็นบาร์เทนเดอร์หนุ่มหล่อประจำร้านมองตามหลังผู้เป็นเจ้านายไป ถามเขาด้วยความสงสัย “พี่ว่านะ ยัยลิษารอดมือนายยากแล้วล่ะ” “หือ พี่ลิษาทำไมนะ” “ช่างเถอะ ไปทำงานไป คนเยอะแยะ” “ค่าๆ ขี้บ่นจัง” “ถ้าไม่ให้ฉันทำงานก็ให้ฉันกลับบ้านได้แล้วค่ะ ฉันจะกลับไปนอน” ศลิษาพูดอย่างหงุดหงิด เธอทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างแรง “กลับไม่ได้แล้วล่ะ ตึกที่เธออยู่ฉันซื้อแล้ว” “.....!!!!!” “กลับกับฉัน” “คุณจะบ้าเหรอ” หญิงสาวร้องวี้ดอย่างไม่เข้าใจ “รอเงียบๆ จะดีกว่านะ..... คุณรออยู่ในห้อง ปิดล็อกให้สนิท ถ้าผมไม่ได้เปิดเข้าไปคุณห้ามเปิดเด็ดขาด ห้องนี้เปิดได้จากข้างในกับลายนิ้วมือผมเท่านั้น” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบ เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นในกล้องวงจรปิดที่หน้าจอโชว์อยู่ ว่ามีแขกที่ไม่ได้รับเชิญกำลังเข้ามาภายในผับ ชายหนุ่มดึงให้คนตัวเล็กกว่าเดินตามเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวที่จะเปิดประตูได้จากในห้องทำงานเท่านั้น เขากำชับหญิงสาวน้ำเสียงหนักแน่น ก่อนที่จะออกไปโดยไม่ลืมหยิบปืนจากลิ้นข้างประตู “อะไรวะ” ศลิษาพึมพำเบาๆ สีหน้าไม่เข้าใจ ศลิษามัวแต่หงุดหงิดเลยไม่ทันได้มองว่าชายหนุ่มได้หยิบปืนออกไปด้วย เธอมองไปรอบๆ ห้องก็เห็นจอขนาดใหญ่จึงเดินไปกดเปิด คาดเดาว่าน่าจะเป็นหน้าจอที่ฉายภาพจากกล้องวงจรปิด แล้วเธอก็คิดถูก ภาพที่ปรากฏขึ้นจอให้เธอเห็นคือภาพของจุดต่างๆ ของผับ ดวงตากลมโตมองหน้าจอผ่านๆ แต่ก็ไปสะดุดตาตรงภาพที่ฉายภาพชั้นล่าง บริเวณหน้าบันไดทางขึ้นมายังชั้นสอง ราวกับตอนนี้กำลังมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ชายชุดดำใส่สูทหลายคนกำลังยืนอยู่เต็มบริเวณ แขกถูกกันออกไปยังอีกฝั่งของผับ ที่หน้าบันไดขั้นสุดท้าย ร่างของเขากำลังเดินลงไปด้วยท่าทางสบายๆ แต่แฝงความน่าเกรงขามเอาไว้ “อย่างกับพวกมาเฟียอย่างนั้นแหละ.....” เจ้าของเสียงหวานใสพึมพำ ก่อนจะเอะใจ มองภาพที่เห็นอย่างพิจารณาอีกครั้ง หญิงสาวลุกขึ้นเดินสำรวจภายในห้อง เธอเปิดลิ้นชักต่างๆ ตู้เสื้อผ้า ใต้เตียง จนมาหยุดอยู่ที่ลิ้นชักชั้นวางของที่อยู่ข้างประตู มือเล็กเปิดมันโดยไม่ได้คาดหวัง ของสีดำวางเรียงอยู่หลายชิ้น ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตกใจ “ปืน!!!” ศลิษามีอาการตื่นตระหนก ในสมองหวนนึกไปถึงอาการที่เขาแสดงออกและสิ่งต่างๆ ที่เขาทำ เธอคิดว่าเป็นเพราะเขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมากคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้คิดไปไกลถึงขนาดที่เขาจะเป็นมาเฟีย ที่ด้านล่างของผับ หลังจากที่เฟรเดอริคเดินลงมาถึงด้านล่างก็เผชิญหน้ากับแขกที่ไม่ได้รับเชิญ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการขัดขากันอยู่ แต่เขาก็ไม่เคยไประรานอีกฝ่าย ที่สำคัญคือปกติตัวเขาจะไม่ออกหน้าเองอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน อีกฝ่ายมาบุกถึงถิ่นเขา อีกทั้งตัวของ ‘แอชตัน’ ก็มาหาเขาด้วยตัวเอง “ไง” เสียงแหบห้าวทักทายก่อนสมกับเป็นผู้มาเยือน “มีธุระอะไร” เฟรเดอริคกลอกตาเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทีของผู้มาเยือน “ไม่ได้เจอกันนาน ไม่ต้อนรับดีๆ หน่อยเหรอ” แอชตันยังคงยียวนอยู่ ชายหนุ่มถอนหายใจ แล้วโบกมือเป็นเชิงสั่งให้ลูกน้องแยกตัวกันกลับไปทำงาน ส่วนตัวเขาพยักหน้าเรียกให้แอชตันเดินตามเขาขึ้นไปที่ชั้นสอง และตรงไปยังห้องวีไอพี เมื่อเปิดประตูเข้าไป ร่างสูงใหญ่ก็ตรงไปหย่อนตัวนั่งลงบนโซฟา สายตาคมดุมองร่างสูงใหญ่ของอีกฝ่ายที่เป็นลูกครึ่งเหมือนกับเขานั่งลงแล้ววางปืนลงบนโต๊ะกระจก “ฉันมาเจรจาสงบศึก” “หืม กินยามาผิดเหรอ หรือเมียทิ้งมา” “ปากหมา ยังไม่มีเมียโว้ย” “แล้วนึกยังไงจะสงบศึก” “ฉันได้ข่าวมา ตอนนี้ทางเยอรมันมีเด็กใหม่เพิ่งเปิดตัว ห้าวจนเหยียบเท้ารุ่นใหญ่ไปหลายราย ฉันคาดเดาว่าหลังจากเด็กใหม่โดนเล่น มันจะเริ่มหันมาข้ามเส้นกันเอง เก็บกวาดเพื่อขึ้นเป็นใหญ่” แอชตันอธิบายให้เฟรเดอริคฟังด้วยความหนักใจ “ฉันไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร นายก็รู้” คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย “ฉันรู้ แต่องค์กรของนายกับฉันรวมกัน มันใหญ่พอที่จะโค่นพวกนั้น หากพวกมันคิดจะล้ำเส้น” “อ้อ เอาฉันเป็นแบ็ค ว่างั้น” เฟรเดอริคเริ่มคิดตาม แต่ก็ยังแกล้งกวนประสาทแอชตัน “นายก็คิดเยอะไป ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” “นายก็รู้ ว่าฉันไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร แม้แต่คนทางนั้นก็ตาม เวลาฉันไปก็ไปเพราะงาน พอเสร็จงานก็กลับเลย” ชายหนุ่มเอ่ยถึงใครบางคนทั้งที่ไม่อยากเอ่ยถึงเลยแม้แต่นิดเดียว “ฉันรู้ แต่ข่าวลือของนาย มันทำให้พวกนั้นไม่กล้ายุ่งไง ฉันไม่ได้กลัวปะทะ แต่ฉันไม่อยากเอาชีวิตลูกน้องฉันไปเสี่ยง” เฟรเดอริคเงียบเสียงลง แม้แต่แอชตันก็นิ่ง อเล็กเปิดเข้ามาพร้อมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วางเครื่องดื่มให้ชายหนุ่มทั้งสองแล้วก็กลับออกไป “ดื่มซะ” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบ คนที่เคยค้าขายหรือเป็นพันธมิตรกับเขาจะรู้ดีว่าการที่เขาให้ยกเครื่องดื่มหมายความว่ายังไง “ตามนั้น” แอชตันยักไหล่แล้วยกแก้วขึ้น กรอกของเหลวข้างในลงคอทีเดียวหมดแล้ววางแก้วลง “แล้วจะเอายังไงต่อ” “ก็คงไปๆ มาๆ ให้พวกนั้นสงสัย แล้วจะให้คนปล่อยข่าวว่าฉันขอจับมือกับนาย” “อย่างสร้างความวุ่นวายให้ฉันก็แล้วกัน” “ฉันรู้น่า” หลังจากการพูดคุยจบลง อเล็กซ์ถูกเรียกเข้าไปในห้องพร้อมกับลูกน้องคนสนิทของแอชตัน เฟรเดอริคพูดอะไรบางอย่างเพียงไม่กี่คำ ทั้งสองคนก็เดินออกจากห้องไป ไม่นานแก้วเครื่องดื่มหลายสิบใบก็ถูกแจกจ่ายโดยมีอเล็กซ์และเคเดนเป็นผู้นำทีมในการร่วมดื่ม ธาวินมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความเคยชิน เขาเป็นคนไทยแท้ แต่ก็ทำงานอยู่ที่นี่มานาน ที่สำคัญเขาเป็นคนที่ปิดปากสนิท เฟรเดอริคจึงมอบหน้าที่ให้เขาคอยสอดส่องที่นี่และแจ้งเขาถ้าหากมีใครมาหรือมีอะไรที่ผิดปกติ “เบื่อ” เสียงหวานใสพึมพำเบาๆ สายตายังคงมองจ้องไปที่หน้าจออยู่ ศลิษามองภาพของธาวินที่มีท่าทีเฉยเมย แสดงว่าเขารู้อยู่แล้วและเคยชินกับสถานการณ์แบบนี้ หญิงสาวถอนหายใจแล้วปิดหน้าจอ ก่อนจะบิดร่างกายไปมาแล้วเปิดประตูเพื่อออกจากห้องไปเมื่อเห็นว่าสถานการณ์ปกติ ไม่ได้มีการปะทะกันแต่อย่างใด ประตูห้องส่วนตัวถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของสตรีเพศก้าวออกมา ดวงตากลมโตมองไปรอบห้องก็ไม่เห็นร่างของเฟรเดอริค เธอจึงปิดประตูลงตามเดิมแล้วตรงไปยังประตูห้องทำงานแล้วเปิดมันออกช้าๆ ตั้งใจจะลงไปข้างล่าง ร่างบอบบางเดินมาที่บันได ขณะที่กำลังจะก้าวลงไป ประตูห้องวีไอพีก็เปิดออกพอดี “จะไปไหน” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยขึ้น เมื่อเห็นหญิงสาวอยู่ที่บริเวณหน้าบันได “ลงไปข้างล่าง” ศลิษาสะดุ้งแล้วตอบเสียงเบา “ฉันสั่งให้อยู่ในห้องไม่ใช่เหรอ” “ก็ฉันเบื่อ” แอชตันมองเฟรเดอริคด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยืนรอเงียบๆ เพื่อดูสถานการณ์ เขาคิดว่าผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดา “ช่างเถอะ ลงไปพร้อมฉัน” ร่างสูงใหญ่ขยับเดินเข้ามาใกล้ มือหนาคว้าข้อมือเล็กแล้วดึงให้เดินลงบันไดไปพร้อมกัน โดยมีแอชตันมองด้วยสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ชายร่างสูงใหญ่หลายคนที่ยังยืนอยู่ข้างล่างเพื่อรอรับคำสั่งชะงักไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาเห็นผู้เป็นนายจับจูงมือหญิงสาวลงมาด้วย พวกเขารู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยยกผู้หญิงขึ้นมาสูงกว่าเรื่องบนเตียง เมื่อกินเสร็จก็จ่ายเงินแล้วพวกหล่อนเหล่านั้นก็กลับออกไป “นายจะดื่มอะไรไหม ลูกน้องฉันฝีมือดีนะ” เฟรเดอริคพาหญิงสาวมานั่งที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ โดยมีแอชตันเดิมตามมาด้วย “แนะนำอะไรก็จัดมา” แอชตันไหวไหล่น้อยๆ “ได้ ธาวิน ขอ 3 แก้วนะ” เฟรเดอริคสั่งธาวินแล้วดึงให้ศลิษานั่งลงข้างๆ “ครับ” ธาวินที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ ขานรับคำแล้วก็เริ่มลงมือ “ว่าแต่สาวน้อยคนนี้เป็นใคร” แอชตันถามน้ำเสียงไม่จริงจัง “คนของฉัน” เฟรเดอริคพูดเสียงเรียบตามปกติ แต่เพียงเท่านั้นบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ บรรดาลูกน้องของทั้งเฟรเดอริคและแอชตันจดจำศลิษาเอาไว้ ด้วยรู้ได้โดยอัตโนมัติว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนที่พวกเขาต้องปกป้องไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย “ตามนั้น” แอชตันจบการสนทนาลงอย่างเรียบง่าย ศลิษามองเขาที่พูดออกไปแบบนั้นด้วยสายตาไม่พอใจแต่เธอเลือกที่จะเงียบเอาไว้ เพราะถึงอย่างไรเขาคือเจ้านายของที่นี่ การให้เกียรติและรักษาหน้าของเขาเอาไว้เธอก็ควรทำ อย่างน้อยก็ในสถานะพนักงานคนหนึ่งของที่นี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD