1

1036 Words
มือใหญ่ๆ ก็ดึงถุงหอมของนางออกมา แกะดูด้านใน จากนั้นก็หัวเราะชอบใจทีเดียว “โอ้ ปีศาจ... ข้าคือปีศาจใช่หรือไม่ แล้วนี่คงเป็นยันต์คุ้มภัยของเจ้าสินะ ซีซี...เฮ้อ แล้วมันจะปกป้องเจ้าได้จริงๆ หรือ” น่าฉงน คนผู้นี้หากไม่มีดวงตาที่สาม ก็คงวางสายลับไว้ในจวนแม่ทัพเป็นแน่! เขาว่าจบจึงวางยันต์ที่นางเขียนไว้บนริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยออ้า แล้วเป็นนางที่พยายามเป่าลมพ่นให้มันหลุดล่วงลงพื้น แต่ความพยายามดังกล่าวสูญเปล่า ด้วยริมฝีปากบางสีสดที่ชื้นจัดประกบลงมาทาบทับไว้พอดี ทั้งที่มียันต์ขวางกั้น แต่ฟ่านหรันซีสั่นสะท้านทั้งร่าง ไม่ได้การแล้วนางต้องสลัดอีกฝ่ายไปให้พ้นตัว “อื้อ...อี้ๆ ๆ อ่าส์” นางร้องประท้วงด้วยเสียงน่าละอายเหลือเกิน และดูเหมือนว่ายามนั้นลิ้นของเขากำลังผ่านเข้าไปในโพรงปากของฟ่านหรันซี ********************* ฟ่านหรันซีคือลูกสาวขุนทางสูงศักดิ์ดินแดนชิงชานซึ่งอยู่ทางใต้ เป็นหนึ่งในห้าแผ่นดินภายใต้การดูแลของแคว้นต้าอู่ โดยที่ฝ่ายฟ่านหรันซีอาสามาเป็นตัวแทนลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งก่อนที่ฟ่านจื่อรั่วจะเดินทางได้เกิดเรื่องร้ายกับอีกฝ่าย และต้นเหตุก็คือความผิดพลาดของนาง ! นับจากนั้นก็เป็นระยะเวลาเกือบห้าปี ที่ฟ่านหรันซีต้องแบกภาระยิ่งใหญ่ไว้บนบ่าเล็กๆ ทั้งสองข้างของตนซึ่งนับแต่ก้าวมายังเมืองหลวง นางไม่เคยลิ้มรสชาติความสุข โดนดูถูก กักขังและอดมื้อกินมื้อ สภาพนางหากกล่าวไปคงไม่ต่างจากสัตว์เลี้ยงที่มีไว้เพื่อให้คนกลั่นแกล้ง มิใช่เพื่อชื่นชมความงามอย่างที่ควรจะเป็น มีชีวิตอยู่ในโรงเก็บฟืน บ้างก็นอนคอกเลี้ยงสุกรที่กินอาหารจากของเสียมนุษย์ กระสุดท้าย ถูกผลักลงบ่อน้ำร้าง “พวกเจ้ารู้หรือไม่ เศษสวะตัวนั้น ยามนี้ มันถูกลงโทษขังไว้ในบ่อน้ำ สภาพน่าสมเพชยิ่งนัก อาหารแต่ละมื้อนั้นก็เป็นตะไคร่น้ำกับปัสสาวะของตนเอง โถ ไม่รู้ว่านาง ไปทำบาปกรรมไว้ตั้งแต่ชาติใด ชีวิตถึงได้ถูกสวรรค์สาปให้พบแต่เรื่องร้ายๆ” เสียงของผู้อื่นมักกล่าวถึงฟ่านหรันซีอย่างรังดูแคลน สาเหตุที่นางต้องเป็นเช่นนี้ เพราะดื้อรั้น ทั้งยังไม่ยอมเปิดปากว่า เหตุใดต้องยอมมาเป็นตัวแทนสตรีอีกคนที่องค์ชายห้าปรารถนาอย่างยกนางเป็นพระชายา ดังนั้นเมื่อเขาออกกรำศึกหนัก พระสนมเยว่ผู้เป็นมารดาเลี้ยงอีกฝ่าย มักส่งขันทีให้มาพานางไปยังเรือนพักผ่อนนอกวังหลวง เรียกว่าบังคับลากดึงนางไปก็ไม่ผิด จากนั้นในความที่ดูเหมือนคนดีแสนดีก็หาทางระบายอารมณ์ใส่ฟ่านหรันซี ด้วยพระสนมเยว่อยากได้พระชายาที่ตนเลือกให้ลูกชาย ซึ่งก็คือซู่หยวน ทว่าเขากลับปฏิเสธ ทั้งยังพยายามทำทุกวิธีทางให้ฟ่านหรันซีตั้งครรภ์สืบทายาทแก่เขา เรื่องนี้เป็นสิ่งที่เยว่ไป๋เหวินรับไม่ได้อย่างที่สุด นางไม่ต้องการคนตระกูลฟ่าน ด้วยในอดีตทำให้นางผิดหวังจนสร้างแผลในใจ พระสนมเยว่มองเศษสวะเบื้องหน้า ลูกสาวคนเล็กของแม่ทัพฟ่าน ยามนี้มีสภาพน่าอดสูโดยแท้ นางอยากให้คนผู้นั้นเห็นด้วยตาตนเองจริงๆ “หยางเอ๋อร์ ไม่ควรรับเจ้ามาแต่แรก... ฝ่ายเจ้าก็เบาปัญญา รู้ว่าต้องขุดหลุมศพฝังตนเองแท้ๆ ไฉนถึงยังบ่ายหน้ามาถึงเมืองหลวงแคว้นต้าอู่” ฟ่านหรันซีมองไปยังเยว่ไป๋เหวิน สตรีนางนี้งดงามมิน้อย แต่จิตใจบิดเบี้ยว จึงไม่น่าแปลกใจที่ลูกเลี้ยงนางจะสืบทอดความชั่วร้ายไปเต็มๆ อย่างไรเสียฟ่านหรันซี มอบชีวิตที่มีเหลือนี้เพื่อทดแทนบุญคุณบิดา และไม่ต้องการให้ผู้บริสุทธิ์อื่นต้องรับกรรมที่ไม่ได้ก่อ และเมื่อหนึ่งชีวิตที่มีนี้สามารถช่วยให้ดินแดนชิงซานรอดพ้นจากความอำมหิตของผู้เป็นสามี ก็นับว่าประเสริฐแล้ว “หยางอ๋องบอกแก่หม่อมฉันว่า อย่างไรคงไม่อาจเลือกสตรีนางอื่นมาอยู่ข้างกาย และคนตระกูลฟ่านเท่านั้นที่เขาปรารถนา” ฟ่านหรันซีกล่าวไปตามที่นางรู้ ไม่ได้ต้องการยั่วโทสะเยว่ไป๋เหวินสักนิด “เฮอะ นั่นเป็นเพราะหยางเอ๋อร์เจ้าคิดเจ้าแค้น ไม่ยอมสลัดตระกูลฟ่านออกจากแผนต่ำช้าของตน แต่เอาเถิด สักวันเมื่อเจ้าจากโลกนี้ไป ข้าคงมีลูกสะใภ้ที่ขึ้นชื่อว่าเลือกด้วยมือของตนเอง และให้นางอุ้มท้องสายเลือดบริสุทธิ์ของชายสกุลหลี่” กล่าวจบ เยว่ไป๋เหวินก็หัวเราะน้อยๆ ก่อนสั่งให้คนมอบน้ำแกงร้อนๆ แก่ฟ่านหรันซี “น้ำแกงนี้ ไม่ใช่แค่จะทำเลือดเนื้อเชื้อไขของหยางเอ๋อร์สลายไป แต่เจ้าก็ไม่อาจตั้งครรภ์ให้เขาได้ ยิ่งกว่านั้นส่วนที่มีไว้ให้เขาระบายตัณหา จะมีกลิ่นเหม็นเน่าจนทำให้เขาสำรอก ดังนั้นเจ้าคงได้แต่สมสู่กับสุนัข ไม่ก็ม้า หรือลาเท่านั้น!” วาจาของเยว่ไป๋เหวินหาได้สมควรที่จะเป็นพระสนมของฮ่องเต้ แต่อย่างไรเสีย นางก็เป็นมารดาเลี้ยงของสามี ดังนั้นฟ่านหรันซีจึงได้แต่อดทนต่อหายนะที่พุ่งตรงเข้าหาตน และเรื่องราวบัดซบเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน เยว่ไป๋เหวินคือแม่เลี้ยงของสามีนาง ที่ทำความชั่วอย่างไม่ละอายต่อบาป ส่วนมารดาที่แท้จริงเขา จากไปด้วยมีมูลเหตุร้ายจากฝีมือคนตระกูลฟ่าน ด้วยเหตุนี้ หลี่สิงหยางจึงต้องการบุตรสาวของฝ่ายนั้นมาไว้ใกล้ๆ ตัว เขาอยากเห็นจุดจบของคนสกุลฟ่าน เฉกเช่นภาพสุดท้ายของมารดาของตนถูกจับแขวนคอไว้ที่ประตูเมือง ร่างกายบอบช้ำจากการถูกข่มเหง นั่นเป็นเพราะตระกูลฟ่านผิดสัญญา ไม่ยอมยื่นมือเข้าไปช่วยนั่นเอง แค้นฝังใจในครั้งนั้น ทำให้หลี่สิงหยางไม่อาจปล่อยมือจากสตรีตระกูลฟ่าน พวกนางต้องได้รับผลกรรมหนักหนาไม่แพ้มารดาตน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD