ตอนที่ 5

1582 Words
ยายรังหงส์ตัวแสบ.. วันนี้ไม่มาอยู่เสนอหน้ากับคุณน้องล่ะสิ.. ฮึ่ม ..เลยจัดการยายคุณหนูคนน้องนี้เสียแล้ว ค่าที่ฝากฝีปากดูถูกลูกชายชาวนาอย่างเขามาหลายครั้งแล้ว มันไม่มีอะไรหรอกมันก็แค่การเอาคืนเท่านั้นล่ะ ประภารัศศิน้องสาวของเธอก็แสนจะปากมากไม่น้อย.. แต่ผู้พี่ฤทธิ์เยอะกว่า อย่างรังหงส์มันจะต้องเจอกับเขา ทั้งเขาและอมาตภูร์เพื่อนรักมีความสนใจรังหงส์และประภารัศศิเท่าเทียมกันคอยดูสิว่า..ใครจะชนะ มันมีเหลี่ยมคูระหว่างความเป็นชายชาญสุภาพบุรุษที่สัญญาให้แก่กันและกันว่า ถ้าใครจีบชนะคนนั้นเอาไปครอง เอ่ยกล่าวโดยที่เจ้าตัวทั้งสองไม่รู้ด้วยซ้ำ.. มันเป็นเรื่องลับ.. หากคุณหนูสองนางมาทราบเรื่องเข้าสิ..แผนจะได้แตกปะไร ไม่รู้น่ะดีแล้ว เขาจะได้เล่นเล่ห์ตีเหลี่ยมใส่หล่อนนานๆ แล้วมันจะได้มีเรื่องพูดมีเรื่องตอแย..นานๆไปนั้นความสนิทสนมอาจจะเกิดขึ้นเองโดยปริยายโดยที่เขาไม่ได้ต้องการผลักไส.มันน่าจะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติตามภาวะอารมณ์ของความผูกพันของความเป็นเพื่อนและชายหญิง “ ว้าว ด่าเก่งนี่ คุณหนู” เตลานเอ่ยออกไป ท่าทางประภารัศศิเอาเรื่องต่อเขา แต่เขาไม่สนใจหรอก งัดคำด่าหาว่าเขาเป็นพวกโรคจิตด้วย แรงไปมั๊งคุณนาย.. ถึงกับอุทานกับตัวเอง “ อย่ามาตอแยฉัน.. ฮึ นี่พี่หงส์ไม่อยู่อีกคน ถ้าพี่หงส์อยู่นายเละแน่นายเตน ลูกชาวนา” แหมขยันด่าประชดเหลือเกิน หนุ่มหล่อลูกชาวนาก็ยอมรับข้อที่หล่อนพยายามเน้นคำว่าลูกชาวนา.. ลูกชาวนามันผิดตรงไหนวะ เขาก็คนเหมือนกัน ถึงอย่างไรก็เก่งขนาดสอบเอ็นท์เข้าคณะดังได้โดยไม่เสียเงินติวข้อสอบเหมือนคนรวยแล้วกันน่า แค่อ่านหนังสือจดจำก็ทำได้ หัวของเขามันสมองระดับกะทิ.. ไอคิวต่างกันยายคุณหนู เฮอะมาว่าเป็นลูกชาวนา ถ้ารังเกียจมากก็ไม่ต้องกินข้าวที่ชาวนาปลูก ไปกินขนมปังแทน ฮึ เดี๋ยวพ่อเล่นสั่งสอนซะเลย “ เป็นลูกชาวนามันไม่ใช่คนหรือไงคุณ คิดจะดูถูกใครให้ดูตาม้าตาเรือบ้างนะประภารัศศิ.ง ถ้าไอ้ลูกชาวนาอย่างผมเอากลับคืนคุณจะหนาว” เตนหรือเตลานกัดฟันกรอดพูดผ่านริมฝีปากและก็ชวนทำให้ประภารัศศิหนาวสั่นได้เหมือนกันกับคำขู่ที่ฟังแล้วดูน่ากลัวของเขา แต่สาวสวยมาดคุณหนูในชุดนิสิตสาวสะบัดหน้าหนี “ จริงสินะ แหม..ไม่ได้เจอหัวหน้าแก๊งค์ รังหงส์น่าจะเป็นแนวร่วมกับคุณด้วย วันนี้ไปหลบมุมอยู่ที่ไหนครับ ถึงไม่มาช่วยน้องสาว” ครุ่นคิดเงียบไปแล้วจึงเอ่ยเสียงเข้มหยัน ฝ่ายสาวสวยเหยียดปากหยันเบะออกมา “ ไม่อยากพูดกับนายหรอก ไร้สาระไปดีกว่า.. ลูกชาวนากลับไปไถนาเลี้ยงควายที่บ้านโน่น” โอ้โหเจ็บเข้าทรวงถึงกระดองใจจริงกับคำที่สาวลูกผู้ดีกระแทกด่าแล้วเดินจากไป เตลานถึงกับกัดฟันกรอดตามหลังทันที ฮึ...คอยดูคุณหนูจะทำให้หลงรักลูกชายชาวนาคนนี้ให้ได้ จีบแล้วสลัดทิ้ง..คอยดูซิ จะร้องไห้ขี้มูกโป่งมั๊ย.. ***** เตนหรือเตลานหน้าหงิกกลับไปที่คณะของตนเองหลังจากที่พอเย้าแหย่สาวสวยผู้ดีมาดคุณหนูพอหอมปากหอมคอเกือบประจำเพราะจำเป็นต้องวนเวียนมาพบเจอกันเกือบทุกครั้งสิน่า แม่สาวตัวดี...ปากเก่งนักนี่ชอบอวดด่าฝากเขาด้วยคำเหน็บแนมประชดว่า..เป็นพวกลูกชาวนากระดูกสันหลังของชาติ..ไถนาเลี้ยงควาย ไม่เข้าใจ..ทำไมหล่อนถึงอคติกับชาวนาทั้งประเทศอย่างนี้.. บ้าที่สุด ดูถูกใครแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เขาอยากจะสั่งสอนนิสิตสาวอวดดีคนนี้เหลือเกิน เตนกลับขึ้นมาที่ห้องร่วมกับเพื่อนสนิทที่เริ่มลงเรียนในภาคเช้า..เป็นจังหวะพอดีกับออดสัญญาณการเข้าเรียนดังขึ้น ทั่วบริเวณชั้นล่างเงียบ..เมื่อเกือบทุกคณะได้เวลาเรียน เตนไม่ได้นึกถึงแต่ตัวเองเพียงอย่างเดียว น้องชายของเขาล่ะ เจ้าแต๊งค์.. แต๊งค์ขอเงินเขาไปทำรายงานกับเพื่อน มีเงินเท่าไหร่..เตลานหรือเตนควักให้น้องมันหมดแล้ว แต่ก็แอบยิ้มให้แก่ตัวเองแอบไถมาจากน้องสาวตัวดีได้แทน เอ๊ะไม่ใช่ไถนี่..แต่เป็นเงินของน้าสาวที่ให้หยิบยืมไว้ก่อน แล้วจะใช้ทีหลังส่วนมากไม่ได้ใช้หรอก มักจะลืม..แต่น้าสาวเขาก็ไม่เคยทวงถามกลับ พอมีตังค์ทีจำนวนหนึ่งเอาไปส่งคืน..ก็บอกว่าไม่ต้องหรอก น้าให้เพราะเป็นห่วงกลัวไม่มีกินทำนองนี้ น้าของเขาก็ห่วงและรักพวกเขามากทีเดียวเรื่องเงินทองไม่มีปัญหาเลย น้าสาวของเขาคนนี้ เพ็ญผ่อง คณะของเขาในช่วงเกือบสิบโมงมีการเข้าห้องแล๊บหรือห้องปฏิบัติการ จำเป็นที่ต้องตามเพื่อนฝูงและอาจารย์ในคณะที่สอนประจำใช้เวลาขลุกอยู่ที่นั่นจนเกือบสิบเอ็ดโมงครึ่งใกล้เที่ยงพอดี ภาระของเขาเตนต้องไปสอนหนังสือน้องสาธิตที่รับสอนประจำเหมือนเดิม ยิ้มสู้กับชีวิตนี้..มันก็สนุกเหมือนกัน.. เตนเป็นนิสิตที่ยังต้องหารายได้มาจุนเจือตัวเอง ช่วงปิดเทอมเขาเองเคยสมัครทำงานพาร์ทไทม์พวกร้านอาหารฟาสท์ฟู๊ด แถวสี่แยกราชประสงค์..สุขุมวิท ไม่ได้ปล่อยเวลาให้ว่างเหมือนคนอื่น.. เพราะมีความรู้สึกว่าเงินแต่ละบาทแต่ละสตางค์ที่ได้มาคือหยาดเหงื่อแรงงานที่ถูกใช้งานจนคุ้มค่านายจ้างเหลือเกินใช้งานจนคุ้มค่ากว่าจะได้เงิน..พ่อแม่เขาสอนในเรื่องนี้ด้วยว่ากว่าที่จะได้มันมาเลือดตาแทบจะกระเด็น เจ้าวัตถุเงินทองที่คนเราแสวงหากอบโกยมันเหลือเกิน.. มันกลับมีอิทธิพลเหนือจิตใจมนุษย์นอกเหนือสิ่งใดด้วยซ้ำ.. เขาไม่ปฏิเสธหรอกยิ่งชีวิตของตนเองมาตกอยู่ในวังวนของสังคมเมืองใหญ่ดงคอนกรีตที่มีแต่ความเจริญศิวิไลซ์ทางด้านวัตถุทุกสิ่งทุกอย่างมีเกิดและรวมอยู่ที่นี่ มันหล่อหลอมเลี้ยงชีวิตของหนุ่มสาววัยรุ่นบางคนให้เคยตัวจำใจจำเจกับการเพาะนิสัยเอาเปรียบเห็นแก่ตัว เพื่อสนองรสนิยมสิ่งที่ตนเองโปรดปรานเหมาะสมหมดไปกับข้าวของที่สิ้นเปลือง..โทรศัพท์ที่เข็นออกมาแต่ละยี่ห้อสองเดือนเปลี่ยนสไตล์รูปแบบใหม่อีกครั้ง ทั้งๆที่ใช้งานแค่เปิดรับโทร.เข้าออก เล่นเกมส์ต่ออินเทอร์เน็ต ดูหนัง ถ่ายรูปก็วนเวียนซ้ำซากแบบนี้ แต่ก็ขยันหาเรื่องให้หนุ่มสาวพากันถลุงเงินของผู้ปกครอง..เพื่อตอบรับสนองต่อเทคโนโลยีที่บานระบาดไปหมดเพื่อความทันสมัยทันยุคไม่ให้ตกยุคเท่านั้น เอ..เขาเคยไต่ถามตัวเอง..ถ้าทำงานเรียนจบแล้วเขาจะมาสนองตอบสิ่งเล่านี้หรือไง ข้าวของที่กลาดเกลื่อนเหมือนสิ่งไร้ค่าฟุ่มเฟือยโดยใช่เหตุ แน่นอนไม่ลืมหรอกว่าตนเองก็หนึ่งหนุ่มที่เผอิญมาใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสังคมที่นอกจากมีความผันผวนแปรเปลี่ยนเรื่องเศรษฐกิจปากท้อง ยังก่ายเกี่ยวเรื่องการเมืองปัญหาสังคมนานัปการ ยิ่งเมืองหลวงเป็นเมืองที่มีความเจริญอาชญากรก็ยิ่งเพิ่มเป็นเงาตามตัว ความชั่วช้าเห็นแก่ตัวเอาเปรียบของมนุษย์ก็ยิ่งเพิ่มหนักมากกว่าเดิม ไม่แปลกเลยที่คนในสังคมทุกวันนี้กลางเมืองใหญ่เจอกันจะทักทายหรือไม่ทัก อยากรู้จักหรือไม่อยากรู้จัก.. เพราะแต่ละคนมีอิสรเสรีของชีวิต อยากจะทำอะไรก็ได้ กลายเป็นว่าเป็นสังคมที่ไม่สนใจคนอื่นแล้วนอกจากตนเอง..คนอื่นจะเป็นอย่างไรช่างหัวมัน..ขอให้ตนเองโดดเด่นดีเด่คนเดียวก็เพียงพอ อันนี้มิใช่หรือสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่หรือที่ปลูกฝังสร้างความเห็นแก่ตัวไร้เอื้ออนาทรที่ควรมีต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมกัน แน่ล่ะมันเป็นกลียุค เตนอดคิดไปเรื่อยเปื่อยไม่ได้ ระหว่างช่วงเที่ยงที่ทรุดกายนั่งอยู่ในกลุ่มของเพื่อนใต้ร่มเงาดอกจามจุรีและกิ่งคูณรวมทั้งชมพูพันธ์ทิพย์ ต้นไม้ทั้งสองแผ่กิ่งก้านดาษดื่นให้ร่มเงาทาบทับแสงแดดจนส่องลอดเข้ามาไม่ถึง.. ถกเถียงคุยกับเพื่อนไปต่างๆนาๆทั้งเรื่องส่วนตัวสังคม..สุดแท้แต่ว่าใครอยากวิจารณ์ในเรื่องใด ก่อนที่จะมีเรียนอีกทีก็บ่ายสามโมง มีความรู้สึกว่าในกรุงเทพอยู่ตรงไหนไปทางไหน มีแต่ทางเสียเงิน..แต่ที่ชนบทของเขาไม่ใช่อย่างนั้น เงินมีแต่รู้จักใช้พอประมาณ..ไม่ค่อยใช้จ่าย เพราะอยู่กับบ้านก็กินนอนเล่น เที่ยวก็บางครั้ง เลยหวนคิดถึงอดีตของตนเอง.. หากเปรียบเทียบในปัจจุบันมันแตกต่างอย่างแน่นอน เตนและน้องชายมาใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่เรียกว่าเจริญศิวิไลซ์ และเย็นของวันนี้เขามีนัดที่จะต้องสอนพิเศษเหมือนเคย..เตนตั้งใจที่จะกลับจากมหาวิทยาลัยให้เร็วที่สุด วิถีชีวิตของเขาในวันนี้คงไม่แตกต่างไปจากวันอื่นนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD