ผู้หญิงสวยขาว หน้าตาออกหมวย รูปร่างสูง แต่เตน มองเห็นว่า เจ้าหล่อนมองดูเขาแล้วผ่านเลย
ริมฝีปากบางคล้ายรูปกลีบกุหลาบอมชมพูธรรมชาตินั้นเหมือนจะมองหยามเยาะ
ซึ่งเตนคอแข็งขึ้นมาคราวนั้นเอง สายตาไล่จ้องตามหลังหล่อนไป
แบบนี้เข้าข่าย
“สวยแล้วเย่อหยิ่ง น่าหมั่นไส้เป็นบ้า”
เตนคิดในใจตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ก่อนที่จะได้ทราบชื่อจริงจากปากเพื่อนรุ่นพี่ที่ชื่อ อมาตภูร์
เป็นใครกันนะ ชื่ออะไรกัน แม้จะรู้สึกชื่นชอบ แหม อยากจะพาตัวเองเข้าไปสะเออะจีบหล่อนซะแล้ว แม่ดอกฟ้าดอกนี้
แต่ชักทำให้เขานึกขุ่นมัวในใจขึ้นมาตหงิดๆ ที่ตัวเองโดนดีเข้าแล้ว ด้วยหางตาหล่อน แม่สาวสวยที่เขาไม่รู้จักชื่อ แต่หน้าตาพิมพ์แบบนี้จำได้แน่นอน ถนัดตาจดจำแม่น
ลงมาจากรถเบ๊นซ์คันโก้ซะด้วย ผมเผ้า หน้าตา ในชุดนิสิตเสื้อกระโปรงขาวสะอาดดูหรูมีราศี กลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจาย ดูยังไง๊ ก็เหมือนไฮโซ ทายาทลูกเศรษฐี รวย ร้อยล้าน พันล้าน หมื่นล้านแน่ๆ
เด็กหนุ่มจากต่างจังหวัดคิดอย่างนั้น
เตนคิดไปเรื่อยเปื่อย เขาแต่งกายมาในชุดนิสิตหนุ่ม ที่ผมเผ้าตัดเรียบร้อยด้วยซ้ำ ดูสุภาพ และมันดูดี แม้ว่าเขาจะมาจากต่างจังหวัด
แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขาหล่อเหลาลงน้อยกว่าคนในเมืองกรุง หรือลูกหลานเศรษฐีหรอก
มีคนเคยบอกว่า หน้าตาอย่างเขา ถ้าลองเข้าไปประกวดนายแบบหรือไปแคสติ้งงานเกี่ยวกับพวกถ่ายละครทีวี ก็อาจจะได้รับการทาบทามจากพวกโมเดลลิ่งแมวมอง ให้เข้ามาในวงการ อย่างที่เป็นกันเกร่อในปัจจุบัน
ซึ่งเตนก็ไม่เคยลิ้มลองงานแบบนี้เหมือนกัน และเขากลัวว่าจะถูกหลอกมากกว่า
เขามีข้อเสียอย่างเดียว คือเกิดมาบนความยากจน
และแล้วเตนก็เพ่งสายตาหมั่นไส้แกมเยาะหยันส่งฝากไปที่ผู้หญิงสาวสวย ที่เห็นเบื้องหน้า
ที่หล่อนมองเขาด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตร
และท่าทางของหล่อน เหมือนคนที่สุขสบาย มาตั้งแต่เกิด และคงจะ เกิดมาสบายมากเกินไป
ต่างจากเขา
หล่อนคงไม่รู้จักการใช้ชีวิตแบบชนชาวรากหญ้า
แต่เวลานี้ เหมือนว่า มองไปทางไหน ก็เหมือนเขานั้นเกะกะสายตาหล่อนไปหมด
นี่หรือนิสัยลูกสาวเศรษฐีในเมืองกรุง ชอบใช้สายตาดูถูก เหยียดหยามคนที่ต้อยต่ำกว่า
“คอยดูเถอะ ผมจะจับหงส์อย่างคุณมาคลุกฝุ่นเล่นอยู่หับกองเลนโคลนตม ให้ได้เลย ประภารัศศิ ”
เขารู้จักชื่อของหล่อน แม่นักเรียนสาวไฮโซ
น้องสาวของรังหงส์ คนนี้มีชื่อ ว่า ประภารัศศิ เปรี้ยว เที่ยวเก่ง และเรียนเก่งด้วยไม่แพ้พี่สาวนัก
แต่หล่อนชอบมีสายตาที่ดูแคลนดุถูกคนที่ต่ำต้อยกว่าตัวเอง
รังหงส์เย่อหยิ่ง เหมือนนางหงส์ที่หลงตัวเองว่าสูงเทียมฟ้า
และมีใครหลายคน ที่หมั่นไส้ในความเย่อหยิ่งของหล่อน จนอยากจะกลั่นแกล้ง และแก้เผ็ดเอาคืนให้สาสมใจ
และเวลานี้เดือนชมพู น้องสาวจอมซน ก็เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่ง
นี้เช่นกัน
เธอต้องมุ่งมั่นไปตามฝันที่รอคอยนั้นให้ได้
มีกำลังแรงใจแล้วล่ะ จากพี่ชายทั้งสองแล้วก็พ่อแม่ไง สักช่วงบ่าย เดือนชมพูหรือพู่รับโทร.มาจากทางบ้านอีกครั้งมารดาบอกว่า อาการของบิดากลับจากโรงพยาบาลแล้ว หมอให้ยามากินและพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เดือนชมพูค่อยเบาใจอีกคน
และเมื่อกลับไปถึงบ้าน เย็นวันนี้ ซึ่งคุณเพ็ญผ่องผู้เป็นน้าสาว หยุดงานอยู่กับบ้าน เพื่อจัดบ้านและจัดข้าวของให้เป็นระเบียบ
และเดือนชมพูหลานรักเอ่ยทักคุณเพ็ญผ่อง
“พู่เพิ่งกลับมาถึงค่ะน้าเพ็ญ”
หลานสาวบอก สีหน้ายังดูเหนื่อย
เพ็ญผ่องยิ้มทักหลานสาว
“จ้ะ”
แล้วเดือนชมพูเอ่ย จำได้ว่า น้าสาวบอกว่า น้าเขยที่มีไฟล์บินอูยู่ต่างประเทศมาแล้วเป็นเดือน กำลังจะกลับมาที่บ้าน
“ เอ้อ น้าเพ็ญ บอกว่า วันนี้น้าเขยจะบินกลับมาจากฝรั่งเศสนี่คะ”
เพ็ญผ่องขมวดคิ้ว
“ใช้จ้ะ แต่ว่าเกิดเหตุขัดข้อง น้าโทร.ไปถามแล้ว เครื่องจะดีเลย์”
เดือนชมพูพยักหน้า เมื่อทราบความจริง
ไหนน้าเพ็ญว่าจะไปรับน้าเขยล่ะคะ”
“ เครื่องจะลงช้าประมาณสองชั่วโมงจ้ะ และน้าเขยของเธอ เขาโทร.มาบอกแล้ว”
เดือนชมพูพยักหน้า ก่อนที่จะขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
แล้วจึงลงมาอีกครั้ง ในอีกสิบนาทีต่อมา
เอ่ยทักน้าสาวอีกครั้ง
“โอ้โฮ จัดบ้านใหม่สวยจังค่ะ น้าเพ็ญ แต่พู่ มาไม่ทัน อยากจะช่วยจัดค่ะ แล้วเป็นวันหยุดของน้าเพ็ญด้วย ก็แทนที่จะได้พักผ่อน แต่น้าเพ็ญ กลับต้องมาเหนื่อยทำงานบ้าน”
หลานสาวเอ่ยด้วยคำพูดที่เป็นห่วงเป็นใยคุณน้า
จนเพ็ญผ่องยิ้มละไมให้หลานสาว
“ ขอบคุณจ้ะ พู่ ที่พู่ห่วงน้า น้าทำ ได้ เอ้อ ว่าแต่เราเหอะ นี่เรียนหนังสือ เป็นไงบ้าง และท่าทางดูจะเหนื่อยเหลือเกิน”
“โอ๊ย เหนื่อยสุดๆเลยค่ะ กับการเรียน น้าเพ็ญ แต่ว่า พู่ขอสู้ค่ะ สู้เต็มร้อย”
ว่าพลางชูนิ้วทั้งสองยืนยัน
“ต้องอย่างนั้นสิจ้ะ หลานรักของน้า และว่าที่คุณหมอคนเก่งในอนาคต ถ้า ขาดเหลืออะไร ก็บอกน้าได้นะ เพราะ น้าจะช่วย เรื่องค่าเทอม หรืออุปกรณ์ .. เพราะรู้หรอกจ้ะ ว่าเรียนแพทย์ต้องพึ่งพาเงินเยอะ.. พอเธอเรียนจบแล้ว น้าจะได้เป็นฝ่ายขอพึ่งเธอบ้าง”
เพ็ญผ่องกระเซ้าหลานสาวเล่น
“พู่ ให้สัญญาค่ะ”
อีกชั่วโมงครึ่งต่อมา
บนถนนสายอ่อนนุช และลาดกระบัง ซึ่งตัดไปสู่สนามบินสุวรรณภูมิ
สองน้าหลาน เข้าไปในสนามบิน ที่ลานจอด
จากนั้นสจ๊วตหนุ่มหรือกัปตันรูปหล่อผิวขาวรูปร่างสูงใหญ่มาดแมน โกนหนวดเคราเกลี้ยง และ เป็นหวานใจของเพ็ญผ่อง ก็เดินเข้ามาทักทั้งสอง
“เครื่องเพิ่งจะลงคุณ ดีใจที่ได้กลับมาหาคุณอีกครั้ง”
สามีหนุ่มเอ่ยเพราอยู่ต่างประเทศ รู้สึกเหงาใจไม่น้อย
ยิ่งได้พบหน้าผู้เป็นภรรยา ก็ดีใจ
“เพ็ญก็ดีใจค่ะ ที่คุณกลับมา”
“ หนูพู่ ชอบใจมากที่มารับน้าเหมือนกัน”
ส่งรอยยิ้มบางให้กับหลานสาวของภรรยา ที่เขานึกเอ็นดูเหมือนน้องนุ่งคนหนึ่ง
และจากนั้นเพ็ญผ่องก็ขับรถพาสามีกลับบ้าน
ใน ระหว่างทางนั้น น้าสาวเอ่ยถามหลานสาวถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในครอบครัว และทำให้กัปตันหนุ่มได้รับรู้เช่นกัน
“อา เด่น เป็นยังไงบ้าง พู่ น้าได้ข่าวว่า แกพลัดตกจากคันนา”
“ค่ะ น้าเพ็ญ แต่ว่าตอนนี้ แม่ได้โทร.มาบอกว่า พ่ออกจากโรงพยาบาลแล้วค่ะ และกลับมาอยู่ที่บ้านตามเดิม ก็คงไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่เคล็ด”
คุณเพ็ญผ่อง นึกถึงหลานชายอีกสองคน ซึ่งเป็นพี่ชายของเดือนชมพูทั้งคู่
เพราะหลานชายที่เรียนเก่งกันทั้งคู่ และเป็นคนหัวดี
และเพราะเป็นหลาน
ซึ่งพ่อแม่ของเดือนชมพู ซึ่งเป็นอาเขยกับอาสาวนั้น ได้ฝากฝังหลานทั้งหมดไว้กับเพ็ญผ่อง