บทที่ 5 ตรวจตราเรือใหญ่

1372 Words
            ร่างสูงใหญ่ที่ดูโดดเด่นกว่าทุกคนเดินนำหน้าเขามาในอู่ต่อเรือตามด้วยขบวนชายฉกรรจ์ที่แต่งกายดูน่าเกรงขามถือกระบี่ติดมือมาทุกคน นายช่างและช่างที่ทำงานง่วงกันอยู่ล้วนหันไปมองขบวนคนเหล่านั้นแล้วทำหน้าเลิ่กลั่ก ไต้กงเรือที่ยืนอยู่หน้าสุดรีบเดินเข้ามาต้อนรับ “ข้าน้อยคารวะคุณชายใหญ่”             ไต้กงไฉช่างล่างเห็นหน้ากากที่คุณชายใหญ่ใส่มาก็จำได้ รวมทั้งองครักษ์ที่ติดตามคุณชายใหญ่ล้วนเป็นคนคุ้นหน้า เขาเป็นคนเดียวในอู่ต่อเรือแห่งนี้ที่รู้ฐานะที่แท้จริงคุณชายใหญ่ ซึ่งต้องระมัดระวังความปลอดภัยเป็นพิเศษ คราวก่อนที่เขาติดตามคุณชายใหญ่ล่องเรือไปแคว้นเหลียนกับแคว้นผิงก็ได้รู้ว่านอกจากคุณชายใหญ่จะเป็นผู้มีวิทยายุทธ์สูงส่งแล้ว ยังเป็นคนดุมากจนไม่กล้ามีผู้เข้าใกล้โดยง่าย             หน้ากากที่สวมใส่ในคราวล่องเรือเป็นหน้ากากรูปอสูรเห็นแล้วดูดุร้ายยิ่งนัก ทว่าคราวนี้เป็นหน้ากากที่ดูไม่ดูโหดเหมือนครั้งก่อนทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น ‘น่าแปลกที่คุณชายใหญ่ไม่เคยถอดหน้ากากให้ผู้ใดเห็นเลย หรือว่าจะมีใบหน้าอัปลักษณ์เสียจนไม่ต้องการให้ผู้ใดได้เห็น’             “ซ่อมแซมเรือที่ครั้งก่อนถูกลอบยิงเสร็จหรือยัง?”             “ยังขอรับ! เสียหายหนักนัก คงต้องใช้ระยะอีกสักพัก”             “อืม....โจรสลัดพวกนั้นร้ายกาจเสียจริง หากแคว้นเหลียนยังไม่คิดจะจัดการปัญหานี้อย่างจริงจังล่ะก็เห็นทีเราอาจจะต้องจัดเตรียมอาวุธให้เรียบร้อยก่อนออกเดินเรือคราวหน้า             “คุณชายใหญ่ได้ส่งจดหมายไปแคว้นเหลียนหรือยังขอรับ?” ไต้กงหมายถึงพระราชสาส์นที่ทรงต้องการส่งไปขอความช่วยเหลือจากแคว้นเหลียนให้กำจัดโจรสลัดในน่านน้ำบริเวณใกล้ทางเข้าเมืองเป่าจู             “ข้าให้ท่านพ่อส่งไปแล้ว หวังว่าจะได้รับคำตอบโดยเร็ววัน”             ไต้กงเรียกให้ฉงจินเค่อนายช่างใหญ่ประจำอู่มารายงานความคืบหน้าในการซ่อมแซมเรือที่ถูกปืนใหญ่ยิงในคราวนั้น ท่านอ๋องใหญ่ภายใต้หน้ากากยังรู้สึกเจ็บแค้นที่โจรสลัดพวกนั้นคล้ายจะรู้ว่าพระองค์ประทับอยู่เรือลำใด ภายหลังจึงมารู้ว่าเกิดเหตุกบฏโดยพระปิตุลา เคราะห์ดีที่เหตุการณ์นั้นสงบลงได้เพราะน้องเขยของเขา จวิ้นอ๋องจากแคว้นหมิงมีส่วนช่วยให้ยืมกองทัพเข้ามาช่วยระงับเหตุ แม้การยืมกองทัพของแคว้นอื่นจะเป็นเรื่องไม่ควรเพราะอาจเป็นชนวนในการชักศึกเข้าบ้าน จึงต้องไตร่ตรองให้รอบคอบ             “คุณชายใหญ่ขอรับ เชิญทางนี้ ข้าน้อยอยากให้ท่านได้ชมปืนใหญ่ที่เพิ่งติดตั้งใหม่อานุภาพดีกว่ารุ่นเดิมที่เราใช้มากนัก เพิ่งส่งมาจากแคว้นเหลียนเมื่อเดือนก่อน”             คุณชายใหญ่พยักหน้าแล้วเดินตามฉงจินเค่อไป องครักษ์ซ่งและองครักษ์     หร่วนคอยสอดส่องซ้ายขวาเพราะเหล่าคนงานในอู่ต่อเรือแห่งนี้มีหลายคนที่พวกเขาไม่คุ้นหน้าจำนวนมาก ฉงจินเค่อชี้ให้คุณชายใหญ่ชมปืนใหญ่บางส่วนที่ติดตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว             “หากเสร็จสมบูรณ์เราคงจะต้องล่องเรือออกไปลองทดสอบประสิทธิภาพกันสักหน่อย” คุณชายใหญ่พยักหน้าให้รู้ว่าพึงพอใจ             “ขอรับ ข้าน้อยจะเตรียมคนไว้ให้พร้อม”             “อีกไม่นานที่นี่จะมีค่ายทหารเกิดขึ้นใหม่ เพราะแคว้นเรามีเรือรบแล้วจะขาดทหารที่จะมารบทางทะเลไปไม่ได้”             นายช่างจงได้ยินเช่นนั้นก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากมีกองทัพเรือขึ้นในแคว้นจินจริงเขาก็ย่อมกลายเป็นนายช่างต่อเรืออันดับหนึ่ง คราวนี้ชื่อเสียงของเขาจะต้องเลื่องลือไปทั่วคาบสมุทร ไต้กงไฉที่เดินตามมาสมทบได้ยินดังนั้นก็หูผึ่ง             “คุณชายใหญ่ขอรับ แสดงว่าที่ท่านมาครั้งนี้ก็เพื่อเตรียมการเรื่องค่ายทหารหรือขอรับ?”             “ใช่! ข้าได้รับมอบหมายให้มาดูที่ดินจัดสร้างค่ายทหารเรือ พวกเจ้ามีที่ดินบริเวณใดจะแนะนำบ้างหรือไม่?”             “ข้าน้อยว่าคุณชายใหญ่จะไปสอบถามท่านเจ้าเมืองดูนะขอรับ เพราะท่านผู้นี้กว้างขวางและรู้จักพื้นที่ดีกว่าทุกคน” ไต้กงไฉเห็นว่าเจ้าเมืองเหลียงเป็นผู้ใจซื่อมือสะอาด รู้จักผู้คนกว้างขวางหลายระดับ เหมาะที่จะให้คำปรึกษาที่สำคัญระดับแคว้น             “อืม...เห็นทีข้าจะต้องเชิญเจ้าเมืองเป่าจูไปคุยกับข้าเสียหน่อย” จินเสวี่ยหลงไม่อยากจะไปปรากฏตัวที่จวนของเจ้าเมืองเพราะเกรงจะมีผู้พบเห็นตนมากไป เขาคงต้องทำเหมือนคราวก่อนคือให้คนไปเชิญเจ้าเมืองเหลียงผู้นั้นไปพบที่คฤหาสน์เงียบๆ เพื่อป้องกันมิให้ตัวตนของเขาถูกเปิดเผย             ท่านอ๋องใหญ่ให้องครักษ์ซ่งนำตราส่วนพระองค์ไปยืนยันกับเจ้าเมืองเป่าจู ครั้นเหลียงฮุ่ยฟู่เห็นตราประจำตัวองค์ชายใหญ่ก็รีบตามองค์รักษ์ซ่งออกไปพร้อมผู้ติดตามอีกสองคนโดยมิได้บอกกล่าวสิ่งใดแก่ฮูหยินของตน             “ซินเอ๋อร์เจ้ามาก็ดีแล้ว ท่านพ่อของเจ้าหายออกจากจวนไปไม่ได้บอกแม่เลยว่าจะไปที่ใด? ถามพวกองครักษ์ที่จวนก็ไม่มีผู้ใดรู้เห็น บอกเพียงว่ามีคนผู้หนึ่งมาถามแล้วก็ออกไปด้วยกัน เจ้ากับเสี่ยวเหวินช่วยไปตามหาให้แม่หน่อยเถิด”             เหลียงเจินซินได้ยินดังนั้นก็ดีใจยิ่ง น้อยครั้งที่แม่ของนางจะบอกให้นางออกไปนอกจวนด้วยตนเอง “เช่นนั้นบ่ายนี้ข้าไม่ต้องเรียนท่องโคลงกลอนแล้วใช่หรือไม่?”             “เอาเถอะๆ แม่จะบอกอาจารย์เจ้าให้กลับไปก่อน” ไป๋ฮูหยินโบกไม้โบกมือไล่ลูกสาวให้ออกไปตามหาสามี นางกังวลใจนักเมื่อได้ยินว่าคนที่มาเชิญสามีออกไปเป็นชายร่างใหญ่รูปร่างน่ากลัวแถมยังถือกระบี่มาอีกด้วย             “ขอบคุณท่านแม่ ข้าจะไปตามเสี่ยวเหวินเดี๋ยวนี้เลย”             ไป๋ฮูหยินมองตามบุตรสาวที่แต่งกายเป็นชายวิ่งออกไปนอกจวนอย่างกลุ้มใจนิดๆ ปีนี้เหลียงเจินซินอายุสิบหกปีแล้ว นางเลยวัยปักปิ่นมาเล็กน้อยแต่เพราะความกระโดกกระเดกจนกระเดียดจะกลายเป็นบุรุษทำให้คนทั้งเมืองเรียกบุตรสาวของนางว่า ‘นายน้อยเหลียง’ หรือไม่ก็ ‘คุณชายน้อยเหลียง’ ซินเอ๋อร์ของนางเพราะเรียนวิชาแมวเก้าชีวิตจึงชอบแต่งกายอย่างบุรุษตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วงหนึ่งที่สามีของนางโมโหเพราะอยากให้บุตรสาวแต่งกายอย่างสตรี ไป๋ฮูหยินจึงไปวัดแล้วเอาแผ่นกระดาษกลับมาหนึ่งแผ่นอ้างว่าเจอกับหมอดูตาบอดที่ดูแม่นยำมาจากเมืองหลวง ทำนายทายทักว่าบุตรสาวของตนจำต้องแต่งกายอย่างบุรุษ “ท่านพี่หมอดูบอกกับข้าว่าดวงของซินเอ๋อร์นั้นในช่วงเยาว์วัย หากนางแต่งกายเป็นบุรุษจะวาสนาดีในเรื่องคู่ครองและแคล้วคลาดจากอันตรายทุกสิ่ง ท่านดูสิ! นี่คือสิ่งที่หมอดูท่านนั้นเขียนไว้ให้ข้าก่อนจากไป” เมื่อเจ้าเมืองเหลียงได้อ่านกระดาษแผ่นนั้นที่เต็มไปด้วยลวดลายยันต์และคำทำนายจึงเลิกบ่นเรื่องที่บุตรสาวแต่งกายเป็นบุรุษ แต่ก็ยังต้องปวดหัวกับเรื่องทะโมนของนาง ดีที่ซินเอ๋อร์เป็นหัวไวเรียนรู้ได้เร็วไม่ว่าจะบังคับให้นางเรียนสิ่งใด แม้ว่านางจะไม่ชอบแต่เรียนรู้ไปสักพักกลับทำได้ดียิ่ง ‘ซินเอ๋อร์เอ๋ย! แม่ก็หวังว่าสักวันเจ้าจะพบบุรุษที่ทำใจรับได้ที่เจ้าเป็นเช่นนี้ บุตรสาวที่แปลกประหลาดของข้า บุรุษเช่นใดหนอจะพึงใจเจ้า?’    *************************
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD