ปวดหัวกับเรื่องขึ้นรับตำแหน่งแทนคุณพ่อแล้ว ยังต้องมาปวดหัวกับเรื่องผู้ชายที่คุณพ่อจะให้เธอ ‘หมั้น’ ด้วย
ถึงคุณพ่อจะยกเหตุผลทุกอย่างบลาๆมา ทว่าสุดท้ายเรื่องนี้มันก็ไม่ต่างจากการ ‘คลุมถุงชน’ สมัยนี้ยังไม่หมดวิธีโบราณพวกนี้อยู่อีกเหรอ
เคยเห็นแต่ในหนัง ในละคร นี่ชีวิต…
แถมยังเป็นชีวิตจริงของเธออีกต่างหาก
เวรกรรมจริงๆมิลินเอ๊ย
“เห้อออ” เธอเอนตัวนอนแผ่หลาบนเตียงนอนพร้อมกับถอนหายใจออกมายาวๆ
รู้สึกสิ้นหวังกับชีวิตตอนนี้สิ้นดี ไหนจะเรื่องขึ้นรับตำแหน่ง เรียนรู้งานต่างๆที่คุณพ่อก่อร่างสร้างฐานเอาไว้ให้ทั้งหมด คำดูถูกจากพวกที่กลัวเสียผลประโยชน์ หรือเรียกง่ายๆว่า พวกมือไม่พายแต่ชอบเอาเท้าราน้ำ
บ่ายนี้เธอมีเรียนรู้งาน แต่ขอลาเพราะรู้สึกปวดหัว เจอเรื่องปวดหัวใหม่เข้ามาใครจะมีอารมณ์ทำงานต่อไหว
เธอไม่ใช่หุ่นยนต์สักหน่อย…
จากคิดเรื่องพวกนี้อยู่ จู่ๆเรื่องของแขกไม่ได้รับเชิญก็พลันเข้ามาแทรก
‘ปะ…ปล่อยฉันนะ!’
‘ตอนนี้ขอให้ปล่อย ทำไมคืนนั้นยังขอให้ผมทำต่ออยู่เลยล่ะ’
‘คะ…คุณพูดเรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ’
‘ผมสามารถทำให้คุณเข้าใจทุกอย่างได้’
‘ปล่อยฉัน’
‘หรือจะให้ผมช่วยทบทวนความทรงจำเมื่อสองปีก่อนให้คุณดี?’
บ้าจริง…
จู่ๆไปนึกถึงผู้ชายคนนั้นได้ยังไงก็ไม่รู้ คืนนั้นเกิดขึ้นเพราะความเมาและความอยากทำใส่อดีตแฟนหนุ่ม แต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะ ‘ติดใจ’ เซ็กซ์ของเขาจนถึงทุกวันนี้
คนอะไรลีลาเด็ดเป็นบ้า
ติ้ง…
เสียงข้อความที่ดังขึ้นทำให้เธอคว้าโทรศัพท์มาเปิดดูว่าใครส่งมา พอเห็นเป็นชื่อคนส่งและข้อความก็รู้สึกเหนื่อยรอแล้ว
ไมอา : เย็นนี้ไปดื่มกัน
มิลิน : ตั้งแต่อกหักมาก็ไม่พักเลยนะ
คะนิ้ง : ตั้งแต่เพื่อนอกหักมา แพทย์สนามก็ไม่เคยได้พักเลย
ไมอา : รอถึงคิวพวกแกสองคนอกหักบ้างเถอะ
คะนิ้ง : ของฉันคงอีกนาน คนจะจีบยังไม่มี
มิลิน : มี แต่แกไม่เอาใคร
คะนิ้ง : สวยเลือกได้ก็งี้
มิลิน : จ้้ะ…
มิลิน : คืนนี้ไม่ว่างไปด้วยนะ มีนัดกับครอบครัวแล้ว
ไมอา : เหลือแกคะนิ้ง ต้องไปกับฉัน
คะนิ้ง : ฉันไม่ไปแล้วใครจะไปกับแก
ไมอา : ตกลงตามนั้น ไม่ต้องขับรถมา เดี๋ยวคนสวยขับปอเช่ไปรับ
คะนิ้ง : จ้าา สุดท้ายก็จบที่ฉันขับอยู่ดี คะนิ้งรับจบคนเดียว
เธออ่านบทสนทนาของเพื่อนในกลุ่มแล้วขำเบาๆคนเดียว คะนิ้งและไมอาคือเพื่อนสนิทที่ดีที่สุดสำหรับเธอแล้ว สนิทกันตั้งแต่เรียนมัธยมจนเรียนจบมหาวิทยาลัย ถึงต่างคนต่างมีหน้าที่ที่ต้องทำ ทว่าก็มีเวลาว่างมาเจอกันเสมอ
ช่วงเย็น
ณ โรงแรมหรู S.D
เธอก้าวเดินลงจากรถที่คุณพ่อส่งมารับถึงคอนโด คงกลัวเธอไม่มาเลยส่งคนมารับถึงที่ สมกับเป็นคุณพ่อจริงๆ เธอกวาดสายตามองไปรอบโรงแรมหรูแห่งนี้
ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว มองไปทางไหนมีแต่ต่างชาติ เป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมากในต่างประเทศ โรงแรมหลักอยู่ที่อิตาลี S.D ขยายจากอิตาลีไปทั่วทั้งประเทศ จึงเป็นโรงแรมที่มีชื่อเสียงมาก
แถมยังเป็นโรงแรมที่สวยมาก เดินเข้ามาให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อิตาลี ยูนิฟอร์มพนักงานแม้ดูเรียบง่าย แต่ก็ดูสวยและหรูหราอย่างไม่เคยเห็นที่ไหน
เธอมาถึงห้องอาหารหรูที่คุณพ่อและคุณแม่รออยู่ ก้าวเดินเข้าไปที่โต๊ะพร้อมกับทักทายทุกคน
“มาแล้วค่ะ” เธอบอกคุณพ่อและคุณแม่ พลางหย่อนตัวนั่งลงเก้าอี้ตัวว่าง
“ทำไมถึงเลือกโรงแรมนี้คะ” ปกติคุณพ่อชอบพาไปทานอาหารที่ร้านมากกว่าในโรงแรม
“คนที่พ่อนัดมาทานข้าวด้วยเป็นเจ้าของโรงแรมนี้ อีกทั้งอาหารยังอร่อยอีกด้วย” โรงแรมนี้ขึ้นชื่อเรื่องอาหารอร่อยมานาน แต่ไม่เคยมีโอกาสได้มาลิ้มลอง
“แล้วเขาล่ะคะ ยังไม่มาเหรอ?”
“เดี๋ยวก็มา”
“เสียมารยาท ปล่อยให้คนอื่นรอ”
“มิลิน” มิราปรามลูกสาว
“ไม่พูดแบบนั้นสิลูก เกิดเขามาได้ยินเข้าจะรู้สึกไม่ดีเอานะ”
“ก็มันจริงนิคะคุณแม่ เหมือนเขาเล่นตัวยังไงไม่รู้”
“เขาไม่ได้เล่นตัว ก่อนหน้านี้บอกคุณพ่อแล้วว่าอาจมาช้าหน่อยเพราะต้องรีบเคลียร์งานให้เสร็จ อีกสักพักก็คงมา”
ขนาดยังไม่ได้เป็นลูกเขยยังแก้ตัวช่วยขนาดนี้ ถ้าได้เข้ามาเป็นลูกเขยของบ้านจะขนาดไหนกัน ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ดูจะปลื้มว่าที่ลูกเขยมาก ไม่ปลื้มสิแปลก ระดับเจ้าของโรงแรมS.D เชียวนะ
“ขอโทษที่มาช้านะครับ”
น้ำเสียงที่ดังเข้ามาในโสตประสาททำไรขนอ่อนลุกซู่ ใบหน้าหันไปมองซ้ายมือตัวเอง เธออึ้งจนพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดีเดินเข้ามานั่งลงเก้าอี้ว่างฝั่งตรงข้าม วินาทีที่ีรู้ว่าคนที่คุณพ่อนัดไว้คือใคร โลกทั้งใบแทบหยุดหมุนลงไปชั่วขณะ
คือเขา…ผู้ชายในคืนนั้น
ผู้ชายที่เธอวันไนต์สแตนด์ด้วย
เซอร์เวย์…
“นี่ไงมิลิน คนที่พ่อพูดให้ฟังเมื่อตอนกลางวัน เซอร์เวย์” คาร์มินแนะนำเซอร์เวย์ให้มิลินรู้จัก
“สะ…สวัสดีค่ะ” ทักทายไปตามมารยาท พยายามไม่แสดงพิรุธต่อหน้าพ่อแม่ ไม่อยากทำให้พวกท่านสงสัย คาดไม่ถึงเลยว่าคนที่คุณพ่อพูดถึงคือเขา
ทำไมโลกกลมขนาดนี้
“สวัสดีครับ คุณมิลิน”
“รู้จักลูกสาวของลุงด้วยเหรอ?” คาร์มินแปลกใจ
“รู้จักสิครับ พวกเราเคยเจอกันมาก่อน…ใช่ไหมครับคุณมิลิน” ประโยคหลังเซอร์เวย์เลื่อนสายตาไปมองมิลินที่กำลังนั่งบีบมือตัวเองแน่น
อากาศรอบตัวหญิงสาวเริ่มร้อน เครื่องปรับอากาศในห้องอาหารก็ไม่ช่วยอะไร มือทั้งสองเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เซอร์เวย์มองมิลินด้วยแววตานิ่งเรียบ หากแต่ข้างในกำลังรู้สึกพอใจที่ได้เจอผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง
ให้คนตามสืบจนได้รู้ว่ามิลิน คือ ลูกสาวของคาร์มินและมิรา ผู้หญิงที่เขาต้องหมั้นหมายด้วย
ไม่ต้องเสียเวลาตามหาตัวให้ยาก เพราะหลังจากนี้เขาและเธอเจอกันบ่อยแน่นอน…
“ลูกกับเซอร์เวย์รู้จักกันเหรอ?” คาร์มินหันไปถามลูกสาวที่นั่งเงียบตั้งแต่เซอร์เวย์เดินเข้ามา
“คุณเซอร์เวย์น่าจะจำคนผิด” เธอแก้ตัวกับคุณพ่อ
“แต่เจ้าของสร้อยเส้นนี้คือคุณมิลินนะครับ”
“!!!” เธอมองสร้อยประจำตระกูลที่เซอร์เวย์หยิบขึ้นมาวางบนโต๊ะ หัวใจเต้นแรงไม่เป็นส่ำ สร้อยเส้นนั้นเธอทำหายไปเมื่อสองปีก่อน
ที่จริงแล้วไม่ได้หายไปไหน แต่อยู่กับเซอร์เวย์ต่างหาก
“ผมไม่น่าจะจำคนผิด เพราะนี่คือสร้อยประจำตระกูลของคุณมิลิน”
“…”
“ผมเอามาคืนครับ”