“แต่ผมเห็นด้วยกับคุณพิทักษ์พงค์นะ ในใบประวัติการทำงาน เธอก็ทำแบบนี้มาตลอด”
“แสดงว่าเคยด่าลูกค้ามาตลอดเหรอ”
“แบบนี้ก็แย่สิ นี่ไม่ใช่บอร์ดบริหารเดิมแล้วนะ”
“อรุณพลทำไมปล่อยให้พนักงานระดับนี้ ทำเรื่องแบบนี้มาตลอดสี่ห้าปี”
“ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กเส้นของอรุณนะ! แบบนี้ก็แตะต้องไม่ได้สิ”
เสียงพูดคุยของผู้บริหารสี่ห้าคน เริ่มลามออกไปเรื่องอื่น อิริยาที่ได้ยินทั้งหมด ได้แต่กำมือแน่น
คนพวกนี้เอาผู้มีพระคุณที่เสียชีวิตไปแล้วของเธอมาพูดในทางเสียหาย เธอไม่เคยใช้เส้นของใครในการทำงานที่นี่ กล้าพูดได้เต็มปาก ว่าผ่านทุกอย่างมาด้วยความสามารถของตัวเอง
“ไม่ใช่ว่าเป็นเมียน้อยของอรุณที่คนกำลังพูดถึง?”
เสียงผู้บริหารหญิงเพียงคนเดียว พูดพลางเหล่มองหน้าอิริยาด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน ผู้หญิงท่าทางมาดมั่นไม่เห็นหัวใครแบบนั้น ต้องมีคนใหญ่คนโตที่นี่หนุนหลังแน่ๆ ไม่งั้นคงไม่กล้าชูคอเถียงผู้บริหารร่วมฉอดๆแบบนี้หรอก
“มันจะมากไปแล้วนะคะ!”
อิริยาก้าวสามทีก็ชิดร่างผู้หญิงที่พูดคำนั้นออกมาจากปาก ตอนนี้ไม่สนหน้าที่การงานแล้ว ขอตบปากยัยป้านี่สักทีก่อนเถอะ
“หยุด!”
เสียงทรงอำนาจ ไม่สามารถลดมือที่วาดขึ้นของอิริยาได้ เธอหันไปมองตามเสียง เมื่อยังไม่เห็นคนๆนั้นหันมา ก็ยิ่งโมโห กำคอเสื้อผู้หญิงที่มีสีหน้าตกใจไว้แน่น ก่อนจะยกสูงมือขึ้น เตรียมออกแรงตบผู้หญิงปากหมาเต็มที่ และเตรียมใจลาออกจากงานด้วย
“ถ้าแกทำฉัน แกโดนไล่ออกแน่”
“ก็จะลาออกอยู่แล้วเถอะป้า”
อิริยายิ้มกว้าง วาดมือลงไปอย่างไม่ยั้งแรง ก่อนจะหันกลับไปมองคนที่คว้าข้อมือเธอไว้กลางอากาศ ใบหน้าสวยที่ถูกแต่งแต้มจนจัดจ้านดูตกใจ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง มองคนที่ก้มหน้าลงมาหาด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ
คนๆนี้มาได้ยังไง เขาควรอยู่ที่ต่างประเทศไม่ใช่เหรอ?
“อย่าทำนะอาย”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มกระซิบแผ่วเบาให้ได้ยินเพียงแค่เธอกับเขา ออกแรงดึงข้อมือเธอให้ลดลงแนบข้างลำตัว แต่เมื่อเจอแรงขัดขืน เขาจึงตัดสินใจดึงเธอไปยังตำแหน่งที่นั่งของตัวเอง ท่ามกลางสายตาสงสัยของคนในห้อง รวมทั้งสายตาไม่พอใจของเรมิตาเลขาสาว
“เอ่อ! ท่านค่ะ!”
เรมิตาเอ่ยเรียกเจ้านาย ที่กำลังพยายามบังคับอิริยาให้ยืนอยู่ข้างๆ ท่าทางขัดขืนของอิริยาทำให้เรมิตารังเกียจ แค่เจ้านายสนใจหน่อย ทำเป็นเล่นตัว แกควรไสหัวไป! ไม่ใช่เสนอหน้าอยู่ตรงนี้
“เอาล่ะ! เท่าที่ผมเปิดโอกาสให้พูดคุยกัน ตอนนี้ผมได้ข้อสรุปแล้ว”
น้ำเสียงนุ่มทุ้มดูจริงจังขึ้นมา และไม่ยอมละความพยายามในการดึงคนข้างๆให้ยืนอยู่ข้างตัว สายตาคู่คมมองหน้าผู้บริหารทุกคน และคอยมองคนข้างๆด้วยสายตาดุๆอยู่ตลอด
“ปล่อยค่ะ!”
“เงียบ! แล้วฟัง!”
กฤษฎาดุคนที่พยายามขัดขืนเขาอยู่ตลอดให้เงียบ และรอฟังสิ่งที่เขาจะพูด อิริยาที่เคยว่าง่าย ดื้อรั้นชะมัด เขาไม่เคยเห็นเธอในมุมแบบนี้มาก่อน
อิริยาเบะปาก หันหน้าไปทางอื่นเมื่อโดนดุ ปล่อยให้ข้อมือของตัวเองถูกเกาะกุม ก่อนจะหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลา ของคนที่กำลังประสานนิ้วมือเข้ากับนิ้วของเธอ
“ผมตัดสินใจแล้ว ในเมื่อมีคนทำผิดกฎของทางโรงแรม ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร เราก็ต้องลงโทษแบบไม่มีข้อยกเว้น ผมไล่คุณอิริยาออกจากตำแหน่งผู้จัดการโรงแรม!”
กฤษฎากระชับมือมากขึ้น ไม่ให้คนที่อยู่ข้างๆดึงมือออก มองใบหน้าผิดหวังด้วยใบหน้าเรียบเฉย ก่อนจะหันกลับไปมองทุกคนที่มีสีหน้าหวาดกลัว กับการลงโทษขั้นเด็ดขาดของเขา
“และผมขอแจ้งให้ทุกท่านทราบ ว่าต่อไปนี้อิริยาจะเข้ามาเป็นผู้บริหารสูงสุดร่วมกับผม ในฐานะภรรยา”
กฤษฎาหันมายิ้มให้ภรรยา ที่เพิ่งแต่งงานกันเมื่อสองเดือนก่อน ด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนเช่นทุกที แม้ตอนนี้เธอจะดูตกใจและโกรธอยู่ก็ตามที
“หมายความว่ายังไงค่ะท่าน!”
เรมิตาถามอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เป็นไปไม่ได้ที่ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นภรรยาของเขา เพราะเธอทำงานอยู่กับเขามานานถึงสามปี ไม่เคยรู้เลยว่าเขาแต่งงาน ซ้ำเธอยังเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนพิเศษของเขาอีกด้วย
“อิริยาเป็นภรรยาของผม เธอมีอำนาจในที่แห่งนี้เหมือนที่ผมมี และแน่นอนเธอมีสิทธิ์อย่างถูกต้อง เพราะเป็นผู้ถือหุ้นร่วมกันกับผม เอกสารอยู่ตรงนี้ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวนะ”
กฤษฎาลากภรรยา ที่ยังคงมีสีหน้าตกใจออกไปจากห้องประชุม อย่างรวดเร็ว แม้จะโดนเธอขืนตัวไว้สุดแรง เขาก็ไม่ย่อท้อ ออกแรงดึงกึ่งลากข้อมือเล็ก ไปยังห้องทำงานที่ทางนี้เตรียมไว้ให้ ห้องที่เขาเพิ่งจะเคยไปเมื่อชั่วโมงก่อน ก่อนที่จะเข้าประชุม
“ปล่อยอายค่ะพี่ก๊อต”
อิริยาพยายามดิ้นรนหนีจากการดึงลากของคนที่ได้ชื่อว่าสามี มองในห้องด้วยความหวาดกลัว ยิ่งตอนที่เขาหันไปปิดประตู เธอถึงกับสะดุ้ง
ปึ่ง!
“เอาล่ะ! ได้อยู่ลำพังสักที”
ใบหน้าหล่อเหลาแย้มยิ้มอ่อนโยน อย่างเช่นทุกครั้งที่เจอหน้าภรรยา ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ทำงานด้วยความเหนื่อย เขาเพิ่งเดินทางกลับมาถึงประเทศไทยเมื่อสองชั่วโมงก่อน ยังไม่ได้นอนและยังพักได้ไม่นาน ก็ถูกเลขาลากเข้าห้องประชุม
“พี่ก๊อตคือผู้บริหารคนใหม่?”
“ใช่ครับ”
เปลือกตาหนักอึ้งปรือขึ้นมองภรรยาขี้สงสัย ที่ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับเขาเลย และเขาก็ไม่เคยบอก แต่ต่อไปคิดว่าจะบอกเธอทุกอย่างแบบไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น
“แล้วที่บอกว่าไปดูงานต่างประเทศ โกหก?”
“ก็เพิ่งมาถึง พี่ไม่ได้บอกไว้เหรอว่าจะกลับวันนี้?”
“อาย…”
“ทำงานจนลืม!”
“ค่ะอายลืม”
อิริยาทบทวนเสร็จก็ตอบออกไปเสียงเบา ใช่แล้ว เขาบอกว่าจะกลับมาวันนี้ และเธอก็ลืมจริงๆ ยังนึกว่าเขาทำงานอยู่เลย ไม่นึกเลยว่าทุกอย่างจะกลายมาเป็นแบบนี้