เวลา 15.00 น. @ห้องเรียน คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการ สาขาภาควิชาจิตรกรรม
“วันนี้มีใครสงสัยในเนื้อหาที่ผมสอนไปมั้ยครับ” เคนอิจิเอ่ยถามนักศึกษาที่นั่งตรงหน้าจำนวนมากก่อนจะใช้สายตากวาดมองไปยังกลุ่มนักศึกษาจนมาหยุดที่ใบหน้าของฮารูนะที่ยังคงแสดงสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่สบตากัน
“ถ้าไม่มีคำถาม ผมขอจบการสอนเพียงเท่านี้ สำหรับสัปดาห์หน้าจะมีการสอบในเนื้อหาของสัปดาห์นี้ก่อนจะทำการเข้าสู่เนื้อหาในบทเรียนต่อด้วยนะครับเพื่อเช็กความเข้าใจของแต่ละคน วันนี้มีเพียงเท่านี้ครับ ขอให้ทุกคนเตรียมตัวมาด้วย”
หลังจากที่อาจารย์พิเศษได้พูดจบลงไป เหล่านักศึกษาต่างเริ่มพากันทยอยเดินออกจากห้องเรียน โดยที่เคนอิจิซึ่งอยู่ในคราบของอาจารย์เคนตะมองดูเหล่านักศึกษาที่ทยอยเดินออกจากห้องจนหมด ยกเว้น ฮารูนะที่ยังนั่งอยู่โดยสายตาของเธอยังคงมองไปที่กระดานที่เคนอิจิได้เขียนเนื้อหาที่นอกเหนือในตำราเรียนซึ่งเป็นคำอธิบายเพิ่มเติมพร้อมการยกตัวอย่างให้นักศึกษาเข้าใจมากขึ้น
“นักศึกษาไม่เข้าใจตรงส่วนไหนสามารถถามผมได้นะครับ” เคนอิจิเอ่ยออกมาในขณะที่ภายในห้องเรียนตอนนี้เหลือเพียงสองคนเท่านั้น
“....” ไร้เสียงตอบกลับจากอีกฝ่าย
เคนอิจิยังคงอยู่ในห้องเรียนและมองไปยังฮารูนะโดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งนักศึกษาสาวทำการเก็บของเตรียมจะออกจากห้องเรียนเพื่อกลับคอนโด ในจังหวะที่ฮารูนะเงยหน้าขึ้นมามองก็ได้สบตากับเคนอิจิอย่างไม่ตั้งใจแต่ไม่มีใครหลบสายตาใครยังคงจ้องมองกันอย่างนั้นจนเสียงสั่นของโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำให้นักศึกษาสาวทำการโค้งเสมือนทำความเคารพเพื่อลาแล้วเดินออกไปจากห้องเรียนทันที ทำให้เคนอิจิที่ยืนหน้าห้องเรียนยังคงมองหญิงสาวจากทางด้านหลังจนลับสายตาไป
“ฮารูนะ” เคนอิจิเอ่ยชื่อของเป้าหมายหลังจากได้เจอตัวจริงของเธอก่อนจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างพอใจ
เวลาต่อมา @ทางเดินภายในอาคาร คณะศิลปศาสตร์และวิทยาการ
“ว่าไงฮารุ” ฮารูนะเอ่ยถามปลายสายทันทีหลังจากที่กดรับสาย
(ทำอะไรอยู่) เสียงปลายสายเอ่ยถามโดยไม่ได้คำตอบของอีกฝ่าย
“เพิ่งเลิกเรียน แล้วก็กำลังเดินไปที่ลานจอดรถ ฮารุโทรมามีอะไร”
(วันนี้เข้าไปบ้านใหญ่กัน) คำชวนของปลายสายทำเอาหญิงสาวคิ้วขมวดเข้าหากันทันที
“วันนี้น่ะเหรอ มีอะไรหรือเปล่า” ฮารูนะเอ่ยถามอย่างสงสัยเมื่อกำลังนึกว่าวันนี้เป็นวันอะไร เพราะโดยปกติแล้วหญิงสาวและน้องๆ ทั้งสามคนจะเข้าบ้านใหญ่สัปดาห์ละสามวันเพื่อไปรับประทานอาหารกับคุณปู่ คุณย่า คุณพ่อและคุณแม่ รวมถึงเป็นกึ่งการรายงานความเป็นไปของตนเองในช่วงที่ไม่ได้พบเจอกันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ซึ่งวันนี้เท่าที่หญิงสาวนึกได้มันไม่ใช่วันที่เธอและน้องๆ จะเข้าไปที่บ้านใหญ่
(คุณปู่จะเสนอให้เบนไปดูแลบริษัทที่สาขาสิงคโปร์) คำตอบของปลายสายทำเอาคนฟังถึงกับมีอาการนิ่งอึ้งไปทันที
(ฟังอยู่หรือเปล่า) ปลายสายเอ่ยถามขึ้นมาเมื่อเห็นว่าหญิงสาวเงียบไปอย่างเป็นห่วงเพราะรู้ดีถึงความสัมพันธ์ของคนทั้งสอง
“อืมม ฟังอยู่ แล้วทำไมอยู่ๆ คุณปู่ถึงเสนอให้เบนไปดูแลงานที่สิงคโปร์ เบนต้องอยู่คอยช่วยฮารุไม่ใช่เหรอ”
(ไม่รู้เหมือนกัน ถึงจะเข้าไปบ้านใหญ่วันนี้ไง จะไปด้วยกันมั้ย)
“อืมม เจอกันที่บ้านใหญ่เลยแล้วกัน” ฮารูนะวางสายก็ตรงไปยังลานจอดรถทันที
เมื่อแปดปีก่อน
“ฮานะ!! มาทำอะไรตรงนี้” ฮารุโตะเอ่ยถามพี่สาวทันทีอย่างตกใจแต่เสียงที่เปล่งออกมาเบามากแทบไม่ได้ยินเพราะเด็กหนุ่มไม่ต้องการให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่กำลังพูดคุยกันอยู่โดยไม่รู้ว่ามีเขากำลังซ่อนตัวแอบฟังอยู่ไม่ไกล
“ฮารุมานั่งหลบอะไรตรงนี้” ฮารูนะเอ่ยถามน้องชายเมื่อคลานเข้ามาใกล้จนสามารถพูดคุยกันเบาๆ ได้
“ชู่ว์ ฟังก่อน อย่าเพิ่งถาม” ฮารุโตะยกนิ้วชี้ขึ้นมาวางตรงริมฝีปากเสมือนกำลังบอกให้พี่สาวอย่าเพิ่งซักไซ้ถามอะไรตอนนี้ในขณะที่เสียงผู้ใหญ่ทั้งสองคนที่กำลังสนทนากันอยู่ดังขึ้นมา
“คุณพ่อจะให้ผมส่งเบนไปอยู่ที่อังกฤษเหรอครับ”
“ใช่แล้ว”
“คุณพ่อกับคุณปู่” ฮารูนะเอ่ยขึ้นมาเบาที่สุดในชีวิตเมื่อได้ยินเสียงของผู้ใหญ่สองคนที่ดังขึ้นมาก่อนจะเงียบฟังต่อย่างอยากรู้เมื่อบุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยถึงนั้นเป็นเสมือนพี่น้องของคนทั้งสองที่กำลังนั่งแอบฟังอยู่
“ผมไม่เห็นด้วยที่จะส่งเบนให้ไปอยู่ไกลหูไกลตาพวกเราแบบนี้ เบนอายุห่างจากฮานะและฮารุแค่สองปีเองเท่านั้นนะครับ ผมว่ามันเร็วไปที่จะให้เบนไปใช้ชีวิตคนเดียวในต่างประเทศ อีกอย่างเด็กทั้งสามคนก็เติบโตมาด้วยกัน ถ้าคนหนึ่งหายไป คุณพ่อไม่คิดเหรอครับว่าเด็กอีกสองคนต้องสงสัยและเกิดคำถามขึ้นมาว่าทำไมถึงส่งเบนไปเรียนต่อต่างประเทศเพียงคนเดียว ยังไงผมก็ไม่เห็นด้วยครับและผมคิดว่าโซ่ก็คงไม่ยอมด้วย”
“ไทโย ลูกลืมไปหรือเปล่าว่าเบนจิโร่เป็นลูกชายของใคร” คำพูดและน้ำเสียงของผู้เป็นปู่ทำเอาหลานทั้งสองคนที่นั่งแอบฟังอยู่ถึงกับมีอาการตกใจขึ้นมาทันทีเพราะไม่เคยได้ยินน้ำเสียงแบบนี้ของผู้เป็นปู่มาก่อนเลยสักครั้งเดียว
“ผมไม่เคยลืมครับ...ว่าพ่อของเบนจิโร่ได้ทำลายชีวิตแม่ของเบนจิโร่ยังไงบ้าง”
“รู้แบบนี้แล้วยังจะให้เด็กสามคนนั้นใกล้ชิดกันอีกเหรอไง ถ้าวันนึงเด็กคนนั้นรู้ว่าตัวเองเป็นลูกของใคร คิดว่าเด็กคนนั้นจะไม่กลับมาทำร้ายพวกเราเหมือนที่พ่อของเค้าเคยทำกับพวกเราไว้เหรอ”
“ไม่ครับ เบนจิโร่จะเป็นคอยปกป้องฮานะและช่วยเหลือฮารุ เด็กสามคนนี้จะคอยช่วยเหลือกันไม่มีทางทำร้ายกันเป็นอันขาด ชาติกำเนิดของคนเรามันเลือกม่ได้ แต่ผมเชื่อว่าเบนจิโร่จะเลือกในสิ่งที่ดีให้กับตัวเอง ไม่มีทางเหมือนพ่อของเค้าอย่างแน่นอน”
“พ่อพูดมาขนาดนี้แล้ว ยังไงก็จะเลี้ยงเบนจิโร่เหมือนลูกคนนึงให้ได้...”
“ครับ ผมและน้องโซ่รับปากไว้กับแม่ของเบนจิโร่ก่อนเธอจะหมดลมหายใจว่าจะดูแลลูกชายของเธอเป็นการตอบแทนในสิ่งที่เธอทำให้กับพวกเรา”