“ฮานะล่ะ คิดว่ายังไง” ไทโยหันไปถามลูกสาวคนโตเพื่อสังเกตอาการของลูกสาวว่าจะรู้สึกยังไงหากเขาจำเป็นต้องส่งคนที่กำลังพูดถึงไปอยู่ไกลจากสายตา
“ฮานะเห็นด้วยกับฮารุค่ะคุณพ่อ ถ้าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มันเป้นผลดีต่อเบน ฮานะพร้อมสนับสนุนค่ะ เบนไม่ควรเป็นเงาของใคร ความสามารถของเบนควรเป็นผู้นำมากกว่าเป็นผู้รับใช้ค่ะ” ฮารูนะบอกออกไปอย่างที่คิดมาถี่ถ้วนในขณะที่ฟังผู้เป็นพ่อและน้องชายพูดคุยกัน
“อืมม พ่อจะถามเจ้าตัวอีกทีว่าพร้อมจะโตขึ้น หรืออยากจะอยู่ที่นี่มากกว่า” ไทโยสรุปการสนทนาอย่างเป็นกลางโดยให้เจ้าตัวเป็นคนตัดสินใจเองโดยไม่มีการบังคับฝืนใจ เพราะอยากให้คนที่เขาส่งเสริมมีความสุขกับการเติบโตในหน้าที่การงานมากกว่าต้องมาทนแรงกดดันอย่างไม่มีความสุข
“ฮานะเข้าใจพ่อใช่มั้ย”
“ค่ะ ฮานะเข้าใจคุณพ่อ” อารูนะยิ้มให้กับผู้เป็นพ่ออย่างเต็มใจพร้อมกับบอกตัวเองว่าถึงเวลาที่เธอต้องเติบโตขึ้นแล้ว
สามวันต่อมา @ร้านอาหารในเครือยูกิโอะ
“ทำไมต้องให้หลับตาเข้าร้านล่ะครับ” เบนจิโร่เอ่ยถามฮารูนะที่ถือผ้าปิดตาอยู่ในมือหลังจากบอกอีกฝ่ายว่าต้องปิดตาก่อนเดินเข้าไปในร้าน
“ก็บอกว่าจะเซอร์ไพรส์ ก็ต้องปิดตาสิ” ฮารูนะบอกออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะยิ้มหวานให้คนตรงหน้าเห็นเหมือนกำลังอ้อนอีกฝ่ายอยู่
“ก็ได้ครับ ปิดตาก็ปิดตา” เบนจิโร่ยอมทำตามอีกฝ่ายก่อนจะหันหลังแล้วย่อตัวลงเพื่อให้หญิงสาวเอาผ้ามาปิดที่ตาของเขา
“เดินตามมาดีๆ นะ ถึงแล้ว นั่งลงตรงนี้” ฮารูนะบอกตลอดทุกย่างก้าวที่เบนจิโร่ก้าวเข้ามายังร้านอาหารที่ฮารูนะได้ทำการเหมาร้านมีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เป็นลูกค้าในร้าน
“เปิดผ้าปิดตาได้หรือยังครับ” เบนจิโร่เอ่ยถามหลังจากที่ตัวเองนั่งลงบนเก้าอี้ที่หญิงสาวบอกให้นั่งลง
“ฮานะแกะผ้าปิดตาให้นะ” ฮารูนะบอกออกไปก่อนจะค่อยๆ แกะผ้าปิดตาให้กับชายหนุ่ม
หลังจากที่แกะผ้าปิดตาออก ภาพตรงหน้าที่เบนจิโร่ได้เห็นทำเอาชายหนุ่มถึงกับขมวดคิ้วอย่างสงสัยขึ้นมาทันที เมื่อเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษตรงหน้าเวที Congratulations to new Director.
“อะไรครับ” เบนจิโร่เอ่ยถามหญิงสาวอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้เห็น
“ก็ยินดีกับไดเรกเตอร์คนใหม่ประจำสาขาที่สิงคโปร์ไงคะ” ฮารูนะบอกออกไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแต่แววตาเศร้าอย่างเห็นได้ชัด
“ผมปฏิเสธไปแล้ว ยังไงผมต้องอยู่ช่วยฮารุ” เบนจิโร่บอกออกไปทันที
“เบน วันนึงฮารุก็ต้องโต แล้วคนที่จะอยู่เคียงข้างฮารุจริงๆ คือ นากิและนาโตะ”
“ผมถึงต้องอยู่ช่วยฮารุจนกว่านากิและนาโตะพร้อมไงครับ อีกอย่างผมจะได้ดูแลฮานะไปด้วย” คำพูดท้ายประโยคของเบนจิโร่แสดงออกมาทางดวงตาด้วยยิ่งทำให้ฮารูนะที่พยายามมาตลอดว่าต้องไม่แสดงความอ่อนแอให้อีกฝ่ายได้เห็นเพื่อให้เขาได้ไปเริ่มต้นใหม่อย่างไม่ต้องเป็นกังวลกับเธอ
“เบน ฟังฮานะนะ การไปประจำที่สาขาสิงคโปร์มันเป็นโอกาสที่เบนจะเติบโตและไม่ต้องอยู่เป็นเงาของใครอีก ทุกคนจะได้เห็นความสามารถของเบนจริงๆ”
“คุณหนูหมายความว่ายังไงครับ” เบนจิโร่ใช้สรรพนามเรียกคนตรงหน้าเปลี่ยนไปทันทีเมื่อรู้สึกว่าอีกฝ่ายกำลังผลักไสให้เขาไปอยู่ไกลเธอ
“ฮานะอยากให้ทุกคนเห็นความสามารถของเบน คุณปู่จะได้ยอมรับเบนไง แล้วถึงตอนนั้น...เรื่องของเรา...ถ้าเบนรู้สึกเหมือนกับที่ฮานะรู้สึก”
“ฮานะ....” คำพูดของฮารูนะทำให้เบนจิโร่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้ยินอีกฝ่ายเหมือนกับว่ากำลังบอกความในใจออกมาให้เขาได้รู้
“ช่วงเวลาที่เราสองคนห่างกัน ให้เป็นช่วงเวลาพิสูจน์เพื่อได้ถามใจตัวเองว่า...รู้สึกต่อกันเหมือนที่คิดไว้...มาตลอดหรือเปล่า” ฮารูนะพูดออกมาก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนตรงหน้าอย่างสื่อความในใจให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ฮานะไม่รู้ว่าจริงๆ ว่าตัวเองรู้สึกกับเบนยังไงกันแน่ รู้สึกแบบพี่ชาย รู้สึกแบบเพื่อน หรือว่ารู้สึกแบบ...คนรัก เพราะว่าทุกครั้งที่ฮานะมีปัญหาหรือมีเรื่องไม่สบายใจ ในชีวิตของฮานะก็จะมีเบนอยู่ตลอด หรือแม้กระทั่งอยากได้อะไรหรือไปที่ไหนก็จะมีเบนทำให้อยู่เสมอ มันเลยทำให้เกิดเป็นความเคยชิน จนแยกไม่ออกว่าความรู้สึกตัวเองมันสามารถเป็นมากกว่านั้นได้มั้ย”
“สำหรับผม ฮานะคือชีวิตและหัวใจของผม...ผมจะไม่ยอมให้อะไรมาทำลายความสุขของฮานะเป็นอันขาด”
“งั้นเบนต้องรับตำแหน่งที่สาขาสิงคโปร์นะ เพื่อวันข้างหน้าของตัวเบนเอง” ฮารูนะพูดออกมาทันทีเมื่อได้โอกาส
“แต่ว่า...” เบนจิโร่พูดออกมาอย่างลังเลเพราะไม่อยากอยู่ห่างจากหญิงสาว แต่คำพูดของเธอก็ถูก หากความสามารถของเขาเป็นที่ยอมรับต่อทุกคนรวมถึงคุณปู่ของหญิงสาวด้วย จะเป็นการง่ายหากว่าวันหนึ่งเขาจะขอเธอแต่งงานเมื่อวันนั้นมาถึง
“ช่วงเวลาที่เราสองคนห่างกัน ทั้งฮานะและเบนจะได้รู้คำตอบด้วยไงว่า...มันคือความรักคือแค่ความเคยชิน”
“ฮานะ...จะรอผมใช่มั้ย”
“แน่นอนสิ...เพราะเบนคือคนที่อยู่ในนี้ของฮานะตลอด” ฮารูนะบอกออกไปพร้อมกับเอามือมาวางที่หน้าอกข้างซ้ายให้คนตรงหน้าได้เห็นว่าเขาคือคนที่นั่งอยู่ในหัวใจของเธอ
“รอผมนะ...ผมจะทำทุกอย่างเพื่อเรา”
“ค่ะ...ฮานะจะรอเบนคนเดียว” หลังจากที่ฮารูนะพูดจบลงไป เบนจิโร่ก็ดึงร่างหญิงสาวเข้ามาสวมกอดอย่างหวงแหนและห่วงใยยิ่งกว่าชีวิต