เคยไหม...ตอนเป็นเด็ก กับคำถามประเภท ’โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไรจ๊ะ?‘
ตอนนั้นคำตอบจากเด็กผู้หญิงส่วนมาก ก็คงหนีไม่พ้น...
‘อยากเป็นพยาบาลค่ะ’
‘อยากเป็นแอร์โฮสเตสค่ะ’
แต่ถ้าแก่แดดหน่อยก็คง...
‘หนูอยากเป็นเจ้าสาวค่ะ ^-^’
แล้วเคยไหม? ที่อุตส่าห์สงบปากสงบคำ ไม่ตอบคำถามบ้าบอไร้สาระนั่น แต่ก็ถูกบังคับให้ตอบจนได้ มันก็ใช่ที่ความฝันอาจสร้างอนาคต... แต่การสักแต่ว่า ‘อยากเป็น’ แต่ไม่ ‘ลงมือทำ’ มันก็ไม่มีทางทำให้ฝันเป็นจริงขึ้นมาได้หรอก
‘หนูล่ะจ๊ะ โตขึ้นอยากเป็นอะไร?’
‘...’
‘เอฟา?’
เด็กหญิงตัวน้อยก้มลงมองตุ๊กตาหมีสีชมพูนุ่มนิ่มในอ้อมแขน พอดีกับเด็กผู้ชายที่นั่งข้างๆ เธอกระแอมไอออกมาเบาๆ เพราะอาการของไข้หวัด เพียงเท่านั้นคำตอบก็ทอวาบในหัวใจ
เสียงเล็กๆ ที่เอ่ยตอบอาจารย์ไปจึงหนักแน่น มั่นคง ไม่ใช่อยากเป็น...แต่เธอให้คำสัตย์กับตัวเองว่าจะทำมันให้ได้ในอนาคต!
‘เอฟาจะเป็นหมอ แล้วปกป้องคนที่เอฟารักด้วยชีวิตค่ะ’
ประกายแดดยามเช้าทอดทอเป็นลำส่องเข้ามาในห้องกว้างโทนสีดำเทาที่ติดจะรกไม่เบาของ ‘พวกผม’ จนสว่างจ้า
ปิดเทอมนี่ดีจังเลยน้า ได้นอนตื่นสายๆ โดยไม่ต้องได้ยินเสียงประเภท...
ก๊อกๆ!
“Wake up now! Esso!! (ตื่นได้แล้วเอสโซ่!)”
ใช่ๆ เสียงแบบนั้นละ -w- ว่าแต่แม่จะปลุกผมทำไมวะเนี่ย ยังไม่เปิดเทอมซะ...
เฮ้ย! จะว่าไปวันนี้เปิดเทอมวันแรกนี่หว่า!!
ผมผุดลุกพรวดพราดเกือบจะก้าวขาลงจากเตียงแล้วเชียวถ้าไม่ติดว่าแกว่งเท้าไปพบอากาศว่างเปล่าซะก่อน ฮู่ว...เกือบไป นอนเตียงชั้นบนมาสิบกว่าปี ยังหวิดเล่นกายกรรมทุกเช้าได้อีก! พอชะโงกหน้าลงไปดูเตียงนอนชั้นล่างก็พบว่าที่ตรงนั้นถูกปูทับด้วยผ้าห่มนวมสีขาวเรียบตึง ราวไม่เคยถูกใช้งาน
หน็อย... หมอนั่นหนีไปโรงเรียนก่อนไม่ยอมปลุกผมอีกแล้ว ไอ้ปูโน่! ไอ้หล่อ! (เพราะมันหน้าเหมือนผม) ไอ้เลว! ไอ้แฝดทรยศ!
“Hurry up! You’re late for school (เร็วหน่อยลูก เดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ)”
แม่ตะโกนเรียกอีกครั้งด้วยภาษาบ้านเกิดของท่าน แม่ผมเป็นผู้ดีชาวอังกฤษเชียวนะ รูปตอนสาวๆ งี้สวยปิ๊งอย่างกับนางฟ้า และถึงตอนนี้ก็ยังมีเค้าความสวยอยู่ แบบที่ผมเองก็งงๆ อยู่เหมือนกันว่าแม่มาตกหลุมรักหนุ่มไทย... (ไม่กล้าวิจารณ์ T_T) แบบพ่อผมได้ไง
“I’m getting ready to leave (กำลังจะออกไปแล้วฮะ)”
ผมตะโกนตอบแม่ พร้อมกับกระโดดลงจากเตียงนอนชั้นสองพุ่งตรงเข้าไปวิ่งผ่านน้ำแล้วออกมาแต่งหล่อเรียบร้อยภายในเวลาไม่กี่นาที -_-+ ก่อนจะคว้าเป้สะพายหลัง ออกจากบ้านมาขึ้นคร่อมเจ้าฟิกซี่ออกสู่ถนนใหญ่ ฟิกซี่ของผมคือจักรยานฟิกซ์เกียร์ (Fixed Gear) ถ้าถามว่ามันพิเศษยังไงน่ะเหรอ?
พิเศษตรงที่มันไม่มีเบรกยังไงละครับ ^ ^
เพราะฟิกซ์เกียร์เป็นจักรยานแบบไดเร็คต์ไดรฟ์ ที่ล้อจักรยานจะหมุนเมื่อเท้าปั่น และหยุดหมุนเมื่อหยุดปั่น มันท้าทายมากๆ เลยใช่ม้า! ปูโน่เองก็มีอยู่คันนึงเพราะเวลาป๊าซื้ออะไรให้เราจะมาแบบเพ็คเกจคู่ แต่เห็นมันเอาไปต่อสายเบรก ใส่ที่นั่งคนซ้อนท้ายซะจนกลายเป็นจักรยานแม่บ้านไปแล้ว
ยังไงก็เจ๋งได้ไม่เท่าแบบออริจินัลที่ผมปั่นอยู่นี่หรอก!
ห่างออกไปสองกิโลเมตร...
ถนนสายนั้นรกครึ้มด้วยหมู่เงาไม้ใหญ่ข้างทางยาวไกลสุดสายตา และอาจเพราะเป็นถนนสายเล็กที่รถยนต์แทบจะวิ่งสวนกันไม่ได้ ยามเช้าตรู่เช่นนี้จึงมีเพียงรถจักรยานคันเดียวที่เคลื่อนไปด้วยความเร็วธรรมดาเท่านั้น เพราะมีร่างบางในชุดเครื่องแบบโรงเรียนเดียวกับคนปั่นนั่งซ้อนท้าย และในมือเด็กสาวคือหนังสือเรียนเล่มใหญ่ที่เปิดค้างไว้ระดับสายตา
“The sign ‘No trespassing.’ can be seen in front of___.”
เรียวปากบางเฉียบสีโอลด์โรสเอ่ยถามด้วยสำเนียงราวเจ้าของภาษา และพลปั่น (จักรยาน) ก็เลือกตอบช้อยส์จากห้าตัวเลือกที่เจ้าหล่อนบอกมาด้วยสำเนียงเดียวกัน
“A construction site.”
“Yes, all right. ข้อต่อไปนะ...”
“ย้าก!!”
ฟิ้ว~!!
“ฮ่าๆๆ แพนดี้ลายน้องหมีไม่เหมาะจะซ้อนท้ายหมาขี้แพ้หรอกนะจ๊ะเบบี๋~ ♥”
ผู้ทำลายความสงบที่ปั่นจักรยานแซงไปด้วยความเร็วสูงนั้น สะบัดมือเพียงครั้งก็ทำให้กระโปรงสีเทาสั้นเหนือเข่าของเด็กสาวลอยค้างในชั่วพริบตา... และในวินาทีที่ทุกอย่างกลับสู่ความสงบ เงียบงัน หนังสือในมือบางก็ปิดฉับ! พร้อมเอื้อมแขนโอบเอวคาปูชิโน่ไว้มั่น ก่อนออกคำสั่งเสียงเรียบ
“เก็บ มัน ซะ!”
ผู้ได้รับคำสั่งยิ้มมุมปากนิดๆ ก่อนเพิ่มความเร็วของรถคันสวยให้พุ่งตัวตามน้องชายฝาแฝดไปด้วยความไวราวพายุ!