ภูเมฆหน้าซีดเผือด เขากลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ รู้สึกประหม่ากว่าการเจรจาธุรกิจกับต่างชาติเสียอีก ใบหน้าใสซื่อของเธอทำให้เขาพูดไม่ออก รู้สึกสงสารจับใจ
“มีอะไรเหรอคะ” แพรไหมถามย้ำ ใบหน้าของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ดี เขาทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง
“คือ...ผมเจอสามีคุณเมื่อหลายวันก่อน” ได้ยินอย่างนั้นคิ้วโก่งเรียวสวยก็เลิกสูงขึ้นอย่างคนมีคำถาม เธอมองเขาด้วยสายตาแปลกไป ไม่เหมือนก่อน
“เจอแล้ว...ยังไงคะ” เพราะเขาเอาแต่พูดไปหยุดไป จึงทำให้เธอรู้สึกหายใจไม่ออก ใจไม่ดี มันรู้สึกแปลก ๆ
“คือผมไม่มั่นใจว่าจะพูดได้ไหม แต่ว่า...”
“พูดมาเถอะค่ะ!” อดที่จะขึ้นเสียงไม่ได้จริง ๆ ท่าทีอึกอักของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่ดี การพูดถึงสามีอันเป็นที่รักนั้นทำให้สาวเจ้าหวั่นใจว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับเขา
“คือว่า...เขามาบอกกับผมว่าได้นอนกับผู้หญิงคนหนึ่ง”
“คะ?” ภูเมฆข่มตาลง เขารู้สึกไม่ดีที่ต้องพูดอย่างนี้ ไม่มีหลักฐานก็ไม่ต่างจากไปปรักปรำสามีของเธอ
“คืองี้นะครับ...ผมคิดว่าคุณกำลังถูกสามีหลอกอยู่”
“พูดบ้าอะไรคะ” หญิงสาวสวนกลับทันควัน เธอไม่เข้าใจเจตนาของภูเมฆที่พูดอย่างนี้ แพรไหมพอดูออกว่าเขาชอบเธอมาตั้งแต่แรกเห็น แต่ไม่คิดว่าจะมีความคิดเห็นแก่ตัวเช่นนี้
“จริง ๆ นะครับ ผู้หญิงคนนั้นก็ยืนยันกับผมว่ามีอะไรกันจริง ๆ ทั้ง ๆ ที่เขามีเมียอยู่แล้ว ตอนนั้นผมไม่คิดว่าเมียที่ผู้หญิงคนนั้นพูดถึงจะเป็น...”
เพียะ!
ไม่ต้องรอให้พูดจบ ฝ่ามือบางก็ฟาดใส่ใบหน้าของเขาอย่างแรงด้วยความโกรธจัด หัวใจดวงน้อยร่วงลงพื้น เธอรู้สึกเหมือนกับกำลังถูกหยามอยู่
“พูดบ้าอะไรคะ ถ้าว่างมากก็กลับไปนอน” เธอไม่รู้ว่าเจตนาของเขาคืออะไร แต่ทำไมถึงเอาเรื่องนี้มาล้อเล่นกับเธอ ดวงตาคู่สวยแดงก่ำมองใบหน้าเปื้อนรอยฝ่ามือนั้นพร่ามัว
“ผมพูดจริง ๆ นะครับ” ใบหน้าชาครึ่งซีก เธอเล่นตบกะทันหันไม่มีสัญญาณเตือนเลย ชายหนุ่มตั้งหลักไม่ทัน
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับคุณคะ หรือเป็นเพราะคุณชอบฉันเลยคิดอยากทำลายสามีฉัน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นเลย ผมแค่ไม่อยากให้คุณถูกหลอก คุณโกรธขนาดนี้แสดงว่าไม่เคยรู้มาก่อน”
“แหงสิ...พี่วินไม่มีทางทำอย่างนั้นหรอกค่ะ”
“อย่าไว้ใจคนครับ” ว่าเสียงเข้ม น้ำเสียงจริงจังนั้นทำให้เธอกะพริบเปลือกตาปริบ “คุณไม่ควรไว้ใจใคร”
“อย่างเช่นกับคุณใช่ไหมคะ”
“เอ่อ...”
“ฉันไม่ควรไว้ใจใครจริง ๆ คนที่เพิ่งเจอกัน คิดว่าคงเป็นมิตรภาพที่ดีต่อกันได้ไม่คิดว่าจะมาแทงข้างหลังกันแบบนี้ กับสามีของฉันที่ฉันรู้จักคบกับเขา เราแต่งงานกันจนตอนนี้รวม ๆ ตั้งแต่รู้จักกันมาก็สิบสามปี คุณคิดว่ายังไงคะ...ฉันควรไว้ใจใคร”
“_” ไม่ได้เหนือความคาดหมายสักเท่าไร ภูเมฆคิดว่ายังไงเธอก็ไม่เชื่อเขา และจะเชื่อสามีของตัวเอง
“ทำไมถึงพูดออกมาแบบนี้คะ...ฮึก ไม่คิดว่าคนฟังจะเสียใจ ตกใจ หรือยังไง” น้ำตาของเธอไหลออกมา คำพูดของเขาว่าสามีเธอไปเอากับคนอื่นนี้ทำเอาน้ำตาตก ไม่รู้ว่าเรื่องจริงไหมแต่คำพูดลอย ๆ นี้ก็กระทบกระเทือนจิตใจของเธอเป็นอย่างมาก
“ผมขอโทษครับ ผมแค่ไม่อยากให้คุณโดนหลอก”
“คุณนั่นแหละหลอกฉัน! กลับไปเลยนะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เราจะติดต่อธุรกิจกันผ่านตัวกลางแค่นั้นค่ะ” เธอชี้นิ้วไปที่ซุ้มประตูทางออก
“คุณแพรผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ” น้ำเสียงเว้าวอนนี้ไม่ได้เรียกคะแนนสงสารจากคนตัวเล็กได้เลยสักนิดเดียว ด่าเธอก็ได้ แต่อย่าไปแตะต้องสามีของเธอ เธอรัก...เทิดทูนเขาเหนือสิ่งอื่นใด
...ภูเมฆไม่อยากเห็นเธอร้องไห้ เพียงแค่นี้ก็รับรู้แล้วว่าสาวเจ้ารักคนเป็นสามีมากแค่ไหน เขาไม่ควรพูดเลยจริง ๆ การกระทำของตัวเองนั้นเห็นแก่ตัวมาก
“ผมขอโทษครับ ผมจะไม่ยุ่งอีก” ในตอนแรกคิดจะบอกเธอว่าตนจะช่วยหาหลักฐาน แต่ตอนนี้เขารู้ว่าตัวเองอยู่ตรงไหน และควรหรือมิควรทำอะไร
ชายหนุ่มเดินคอตกออกจากร้านกาแฟไปอย่างเงียบ ๆ เดินสวนหน้าเธอไปอย่างคนกำลังเสียใจ ได้ยินเสียงเธอร้องไห้ก็ยิ่งเจ็บปวด เจอกันไม่กี่ครั้งแต่เธอก็เข้ามาในฝันของเขาทุกค่ำคืน
“ฮึก ฮือ~” แพรไหมยกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้าย บอกตามตรงว่ามันมีเสี้ยววินาทีที่เชื่อสิ่งที่พ่อเลี้ยงพูด มันมีเสี้ยวหนึ่งอาจจะเป็นสัญชาตญาณความเป็นผู้หญิงไปว่าจริง ๆ แล้วเธออาจจะถูกคนเป็นสามีหลอกอยู่ มันเป็นความรู้สึกลึกสุดก้นบึ้งหัวใจ ที่เธอพยายามกดทับมันไว้ด้วยคำว่ารัก เขาเคยเจ้าชู้...มันแค่เคยจริงหรือ
ภูเมฆกลับออกมาขึ้นรถอย่างเงียบ ๆ ใบหน้าหล่อเหลานั้นเรียบตึงจนลุงจันทน์ผาไม่กล้าเอื้อนเอ่ยคำพูดใด ๆ สำหรับพ่อเลี้ยงภูเมฆเขาหวงหนวดเครายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ แทบไม่เคยเห็นอีกฝ่ายโกนหนวดเกลี้ยงเกลาแบบนี้มาก่อน
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ขับรถมานานจนกระทั่งติดไฟแดง จันทน์ผาจึงรวบรวมความกล้าเอ่ยถามคนเป็นนาย เขาเองก็รักพ่อเลี้ยงภูเมฆเหมือนกับเป็นลูกชายคนหนึ่ง เห็นมาตั้งแต่แบเบาะ
“คือ...” ชายหนุ่มตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้กับอีกฝ่ายฟัง ความเครียดทั้งหมดทั้งมวลเหมือนกับถูกระบายออกมา
“ถ้างั้น...เราตามหาหลักฐานแล้วก็เอาไปให้เธอดีไหมครับ ยืนยันว่าพ่อเลี้ยงไม่ได้ใส่ร้าย แล้วก็ทำให้เธอตาสว่างด้วย เผลอ ๆ พ่อเลี้ยงอาจจะได้คะแนนจากเรื่องนี้ด้วยนะ” ได้ยินอย่างนั้นเขาก็ส่ายหน้าเบา ๆ
“ไม่หรอกครับ แบบนั้นมันก็ไม่ได้เรียกความรักหรอก ถ้าเราเตะตัดขาคู่แข่งแบบนั้น” การทำลายสามีของเธอนั้นไม่ใช่เรื่องดีเลย อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องของคนสองคนอย่างที่เธอว่า เขาทำหน้าที่ได้แค่บอก ถ้าเธอจะรับไม่รับมันก็สุดแล้วแต่เธอจะเลือก เขาทำได้แค่นั้นหากพยายามมากกว่านี้จะกลายเป็นสาระแนเสียได้ ชายหนุ่มอยากให้เธอตัดสินใจเอง...
เวลาต่อมา....
แพรไหมนอนไม่หลับ เธอนำเรื่องที่ภูเมฆพูดมาคิด หญิงสาวนอนพลิกตัวไปมา ความรู้สึกนี้เป็นเพราะตัวเองก็มีลางสังหรณ์ มีความคิดเรื่องนี้ที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในใจ แผลเป็นมันเหมือนกับถูกสะกิดให้เปิดขึ้นอีกครั้ง เขามีนิสัยเจ้าชู้ตั้งแต่ก่อนที่จะรู้จักกันเสียอีก เป็นเพราะเขาหยุดแล้ว หรือเป็นเพราะเขาหลอกลวงปกปิดเธอกันแน่
“ให้ตายสิ...” เธอนอนไม่หลับ ไม่อยากจับเอาความเขามาใส่ใจ พ่อเลี้ยงภูเมฆไม่ใช่คนที่น่าจะโกหกเก่ง หากเรื่องที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องจริง เท่ากับว่าเธอโดนคนเป็นสามีหลอกมาตลอด
...แพรไหมผุดลุกขึ้นนั่ง เธอกดโทรศัพท์โทรหาเขายามวิกาล ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นกำลังทำอะไรอยู่ โทรไปล่าสุดก็ตอนอยู่ในงานเลี้ยง ซึ่งมีแค่เธอที่เป็นฝ่ายโทรหาเขา
ติ๊ด!
รอไม่นานสามีหนุ่มก็กดรับสาย
[ครับแพร...] เสียงทุ้มน้ำเสียงหวาน ๆ นี้ทำให้เธอไม่กล้าที่จะถามเรื่องไม่ดี พลอยจะทำให้เขาอารมณ์เสีย
“ทำอะไรอยู่คะ ที่นั่นกี่โมงแล้ว”
[กำลังรอลูกค้าน่ะ เวลาเหรอ...แป๊บนะ] ยามใดที่เขาเอางานมาอ้าง บอกตามตรงว่าเธอไม่กล้าพูดอะไรไม่ดี [ตอนนี้ก็สองทุ่มแล้ว แต่เอ...ที่ไทยก็ยังไม่เช้านี่ นอนไม่หลับเหรอครับ]
“อืม” เธอครางเสียงตอบแผ่วเบา ที่นั่นเวลาเดินช้ากว่าหกชั่วโมงด้วยกัน เขายังไม่เข้านอนส่วนที่นี่ก็ยังไม่เช้า “ทำไมทำงานตอนดึกด้วยคะ”
[อ้อ มากินข้าวกับลูกค้าคนสำคัญน่ะ] ยิ่งพูดว่าต้องเจอกับลูกค้าคนสำคัญก็ยิ่งไม่กล้าเซ้าซี้
“อืม...งั้น แค่นี้เนอะ แพรไม่รบกวนแล้ว”
[ไม่รบกวนหรอกสำหรับแพรแล้วไม่มีคำนั้น] เธอกระตุกยิ้มบาง ๆ หากเป็นก่อนหน้าที่พ่อเลี้ยงภูเมฆจะพูดเรื่องนั้น เธอคงดีใจยิ้มจนแก้มแทบแตก นอนหลับฝันดีไปแล้ว แต่ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย มันอึดอัดไปเสียหมด ว้าวุ่นหัวใจ
“ขอบคุณนะ”
[แปลก ๆ แฮะ]
“นอนไม่หลับเลยโทรมาหาค่ะ ไม่มีอะไร...แต่พอได้ยินเสียงแล้วคงนอนหลับแล้วล่ะค่ะ นอนแล้วนะ...ฝันดีนะคะ”
[โอเค ฝันดีนะครับแพร] เขาวางสายไปแล้ว แต่เธอยังคงมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่อย่างนั้น แพรไหมลังเลอะไรบางอย่าง เธออยากไปเห็นกับตาว่าเขาทำงานจริงหรือไม่ แต่พรุ่งนี้ต้องไปเฝ้าร้านซึ่งผู้จัดการร้านที่เธอไว้วางใจอย่างพัดลดานั้น...ยังคงเมาแอ๋อยู่อย่างไม่ต้องสงสัย
“เฮ้อ...” เขาบอกจะไปหนึ่งอาทิตย์ ยังคงมีเวลาในการสั่งงานพรุ่งนี้เช้า ค่อยออกเดินทางตอนกลางคืน แพรไหมคิดจะตามไปดูแค่วันเดียวโดยที่ไม่บอกอีกฝ่ายล่วงหน้า อยากตามให้รู้ดำรู้แดงไป หากไม่ใช่จะได้นอนหลับเสียที คิดได้อย่างนั้นก็กดจองตั๋วเครื่องบินในทันที โดยไม่ผ่านบัตรเครดิตของคนเป็นสามี หากทำอย่างนั้นเขาคงรู้ความเคลื่อนไหวของเธอ โดยเฉพาะลูกน้องอย่างภานุที่จะเอาเรื่องนี้ไปแจ้งคนเป็นนายให้ทราบโดยเร็ว เธอไม่ต้องการให้ใครรู้...อย่างที่พ่อเลี้ยงบอก เธอไม่ควรไว้ใจใคร
หลังจากวางสายคนเป็นเมีย...หัวคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากัน เขากดโทรศัพท์โทรหามือขวาอย่างภานุ ขณะที่มีสาวสวยคลอเคลียอยู่ข้างกายไม่ห่าง พอลล่าออดอ้อนเขาราวกับเป็นลูกแมวเหมียว
ติ๊ด!
[ครับนาย...]
“แพรแปลก ๆ ว่ะ” น้ำเสียงของหล่อนนั้นไม่สู้ดีนัก แพรไหมไม่มีอารมณ์นี้ หากเป็นประจำเดือนหล่อนจะบอกเขาเองว่าอารมณ์ไม่ดีเพราะมีประจำเดือน แต่วันนี้ไม่ใช่รอบเดือนของเธอที่จะมาถึง ทำไมมีน้ำเสียงแบบนั้นก็ไม่รู้
[วันนี้งานเรียบร้อยดีนะครับ ไม่มีปัญหาอะไร] ภานุไม่ได้มากับคนเป็นนาย เขาคอยตามดูแพรไหมให้กับคนเป็นนาย
“โอเค คงไม่มีอะไรหรอก”
[ผมก็ว่างั้น]
“แต่มึงตามแพรอย่าให้คลาดสายตาเชียวนะ” กระนั้นคนทำผิดก็ยังคงกลัวความผิดเช่นเดิม อนาวินสั่งลูกน้องเสียงเข้ม โดยไม่รู้ว่าตอนนี้ลูกน้องหนุ่มนั้นจองตั๋วไปเที่ยวต่างจังหวัดกับแฟนสาวเสียแล้ว ด้วยความที่ที่ผ่านมานั้นแพรไหมไม่เคยสงสัยในตัวเจ้านายเลย หล่อนมักไม่ทันคน และไม่รู้ว่าเจ้านายหนุ่มทำอะไรบ้าง ภานุชะล่าใจหนีไปเที่ยว ไม่ง่ายนักที่จะมีวันหยุด เขาทำงานถวายหัวให้กับอนาวิน แม้นอีกฝ่ายจะไปเที่ยวแต่ตนยังต้องตามเฝ้าเมียให้เจ้านายอีก บอกตามตรงว่ามันเหนื่อยสุด ๆ
[ครับนาย...] เสียงตอบรับของลูกน้องทำให้เขาวางใจลงไปบ้าง อนาวินวางโทรศัพท์ลงที่โต๊ะขนาดเล็กไม่ไกลจากตัว ก่อนจะหันหน้าไปสนใจลูกแมวเหมียวขี้อ้อนนี้
“พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนดีที่รัก”
“ตามใจวินเลยค่ะ” พอลล่าฉีกยิ้มหวาน หล่อนเอาใจเขาทุกอย่าง เช่นเดียวกับชายหนุ่มที่ตามใจเธอ ต่างคนต่างเอาใจกันไปมา นี่ก็หลายปีมาแล้วที่พบกัน พอลล่าอยากครอบครองเขาทั้งตัวและหัวใจ เธอเคยร้องขอไปแล้ว
...แต่เขาก็ไม่ยอมหย่ากับภรรยาเสียที