“หมายความว่า เจ้านายจะเอา...”
“เอาสิ เอาแน่ ” เขาหัวเราะเยียบเย็นในลำคอ “พรุ่งนี้ก่อนขึ้นเครื่อง ฉันต้องเห็นมินิแบร์ตัวใหม่เข้าใจไหม”
คนสั่งไม่ได้อนาทรร้อนใจกลับยิ้มเย็นแล้วยกกาแฟหอมกรุ่นขึ้นจิบเบาๆ พักผ่อนสายตาด้วยการมองออกไปนอกผนังห้องทำงานผ่านกระจกใส เห็นวิวท้องฟ้าสีครามและปุยเมฆลอยอ้อยอิ่ง พลางยกมือขึ้นเคล้นคลึงระหว่างคิ้วเบาๆ ส่วนมืออีกข้างโบกไล่ให้ลูก้าย้ายตัวออกไปให้พ้นหน้าได้แล้ว
คนสนิทหนุ่มงานเข้า เขาสิจะทำอย่างไรให้มินิแบร์ตัวใหม่ที่เจ้านายหมายตาจะหนีบไปลิเบีย ตัดสินใจเก็บกระเป๋าอย่างเฉียบพลันและยอมเดินทางไปกับเจ้านาย แต่ในที่สุดนักเจรจาต่อรองฝีมือฉกาจอย่างลูก้าก็ทำสำเร็จ
“มาครับผมช่วยจัดการสัมภาระให้เอง” ลูก้ายื่นมือมารับกระเป๋าล้อลากของล่ามสาวสวยคนใหม่ จะว่าไปสาวน้อยคนนี้ให้ความรู้สึกยิ่งมองยิ่งน่ารัก มองไม่เบื่อ สมแล้วที่...
“ขอบคุณค่ะคุณ...”
“ผมชื่อลูก้าครับ”
“ฉันชื่อยลรดาค่ะ”
หลังจากแนะนำตัวกันแล้วลูก้าก็ส่งกระเป๋าของเธอต่อให้เจ้าหน้าที่นำไปจัดเก็บอย่างถูกที่ถูกทาง แอบลุ้นตลอดกลัวว่ายลรดาจะไม่มาตามนัดถ้าเธอไม่มา เขานี่แหละที่จะต้องไป
ไปหางานใหม่ทำ
หญิงสาวอยู่ในชุดเรียบร้อยดูดี สูทสีเข้มคัตติ้งขนาดพอดีไซซ์เหมาะสำหรับการเดินทางไกลแลดูคล่องตัว เธอเคยเดินทางด้วยเครื่องบินมาบ้างแต่นั่นก็เป็นสายการบินทั่วไปภายในประเทศแล้วยังเป็นสายการบินโลว์คอสต์ที่แข่งขันกันจัดโปร.ลดราคา แต่เครื่องบินส่วนตัวหรูหราที่จอดอยู่ตรงหน้ามีลูกเรือในชุดฟอร์มเรียบหรูยืนคอยต้อนรับ นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เธอจะได้สัมผัส
ย้อนกลับไปเมื่อวานช่วงเย็นหลังจากกินข้าวเสร็จ เสียงโทรศัพท์จากมือถือเครื่องเก่าดังขึ้น เบอร์ไม่คุ้นที่เธอไม่ได้รับถึงสามสายทำให้เธอตัดสินใจโทร.กลับ จากนั้นหญิงสาวก็กรีดร้องดังลั่นบ้านจนบิดาที่อิ่มจากการกินอาหาร แล้วย้ายตัวไปอยู่หน้าโซฟานุ่มหน้าทีวี นั่งจิ้มผลไม้ล้างปากหลังมื้ออาหารเย็นอย่างผ่อนคลายถึงกับสะดุ้ง ส่งเสียงถามดังเข้ามาถึงในครัวว่าเกิดอะไรขึ้น
ร่างเล็กวิ่งออกมาจากห้องครัวด้วยสีหน้าเบิกบานเหมือนถูกรางวัลที่หนึ่ง “พ่อคะ หนูได้งานทำแล้วค่ะ บริษัทที่หนูไปสัมภาษณ์เขาโทร.ตามให้หนูไปเริ่มงานทันที แต่ต้องจัดกระเป๋าคืนนี้แล้วเดินทางทันที แปดโมงสี่สิบห้าต้องถึงสนามบินพร้อมเดินทางไปประเทศลิเบียกับเจ้านาย”
นั่นทำให้คุณภูชิตหมดอร่อยกับสับปะรดหวานฉ่ำ ความเครียดตีวนอยู่บนสีหน้า สับปะรดที่จิ้มค้างถูกวางลงทั้งที่กินไปได้ถึงสามส่วนสี่ของจานเปล
ภูชิตระบายลมหายใจยาวพรืด “พ่อไม่ให้ไป ทำไมต้องเดินทางด่วนแบบนั้นด้วย ไม่เอาละ ไม่ให้ไป”
น้ำเสียงหวานเจือความร้อนใจแล้วพาตัวมานั่งข้างบิดา สองมือเรียวเขย่าแขนกำยำ “พ่อคะ แต่งานนี้หนูอยากได้พ่อก็รู้ หนูอยากเป็นล่าม แล้วลิเบียใกล้อียิปต์มาก บางทีหนูอาจจะได้ไปเหยียบบนผืนทรายของเจ้าชายไอยคุปต์”
กว่าสองชั่วโมงที่ยลรดาอ้อนวอนผู้เป็นพ่อ จนในที่สุด ภูชิตยอมใจอ่อนเพราะไม่อยากดับฝันของลูกสาวเพียงคนเดียว เขารู้ดีว่าแม้นยลรดาจะไม่เคยทำงานมาก่อนแต่ทว่าก็เฉลียวฉลาดคล่องตัวอยู่ไม่น้อย และในเมื่อบริษัทที่ลูกสาวได้งานทำเป็นถึงบริษัทมหาชนยักษ์ใหญ่ มีมูลค่าการลงทุนนับหมื่นล้านไม่ใช่บริษัทขนาดเล็กเปิดใหม่เขาก็มั่นใจได้ในระดับหนึ่ง
“ถ้าลงจากเครื่องเมื่อไหร่ โทร.หาพ่อทันที ลูกทำได้ไหม”
“หนูรักพ่อที่สุดเลยค่ะ” ร่างเล็กเบิกบานขึ้นทันตา โผกอดผู้เป็นพ่อแล้วเขย่งตัวหอมแก้มบิดาซ้ายขวาอย่างไม่ขัดเขิน ถ้าเธอทำงานได้เงินเยอะๆ บิดาจะได้ไม่ต้องหักโหมทำงานล่วงเวลา ท่านเหนื่อยกับเธอมามาก ถึงเวลาที่ท่านจะได้พักบ้างแล้ว
“ดูแลตัวเองดีๆ นะ ทำงานกับผู้ชายระวังให้มาก ไม่มีผู้ชายคนไหนจะไว้ใจได้เท่าพ่อ เข้าใจไหม”
“ค่ะพ่อ”
ยลรดารับคำแล้วรีบจัดกระเป๋าตั้งแต่เมื่อคืน เธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่คุณ เควิน ลาซอนติ ซึ่งต่อไปนี้คือเจ้านายสายตรงของเธอจะตัดสินใจแบบนี้ การกระทำในระหว่างสัมภาษณ์ที่ทำให้เธอคิดว่าไม่มีเปอร์เซ็นต์ได้งานนี้ ที่แท้เขาคงแค่ทดสอบความอดทนอดกลั้นของเธอ ขอบคุณความอดทนอดกลั้น ถ้าหากเธอหัวเสียเดินออกจากห้องสัมภาษณ์เมื่อวานก่อนการสัมภาษณ์จบลง ถ้าเลือกทำแบบนั้นอาจไม่ใช่เธอที่มายืนอยู่ตรงนี้
หญิงสาวเห็นแผ่นหลังของคนที่ต้องทำงานด้วยวันนี้ เขาอยู่ในชุดสูทสากลสีเทาเข้ม หล่อเหลาดูเนี้ยบ เดินนำหน้ากำลังจะขึ้นเครื่อง จึงรีบเร่งเดินตามไป ริมฝีปากอิ่มยิ้มอย่างมีความสุข เธอจะทำงานที่เขายื่นโอกาสให้อย่างสุดความสามารถ
ทว่ายังไม่สิ้นความคิด ยลรดาก็ถูกเจ้าของร่างสูงที่เดินนำลิ่วไปก่อนแล้วหันกลับมามองด้วยสายตาราบเรียบอ่านยาก พร้อมส่งเสียงเข้มดังมาแต่จับความได้ว่า
“ชักช้าอยู่ได้ มัวทำอะไรอยู่”
สิ้นเสียงห้วนจัด ยลรดาก็ถูกลูก้าผายมือแล้วเร่งให้ตามเจ้านายขึ้นเครื่องไป
“รีบขึ้นเครื่องเถอะครับคุณยลรดา คุณเควินใจร้อน ไม่ชอบคนทำอะไรช้า คุณอยู่ใกล้เจ้านายต้องทำอะไรเร็วๆ”
“ค่ะ”
ลูก้าที่เดินตามไล่หลังพูดสำทับตามมาว่าเธอต้องนั่งคู่กับเจ้านายไปตลอดการเดินทาง แล้วยังย้ำอีกว่า “คุณคงเข้าใจดีที่ผมเกริ่นไว้เมื่อวาน จะทำงานให้เจ้านายถูกใจ นอกจากต้องไว และอย่าได้ปฏิเสธคำสั่งเด็ดขาด ถ้าทำได้ ผมเชื่อว่าผลตอบแทนจากการทำงานกับคุณเควินจะมากกว่าที่คุณคิดไว้หลายเท่า”
“แล้วถ้าทำไม่ได้ล่ะคะ”
หายนะ
แต่ลูก้าไม่ได้พูดออกมาเพราะกลัวว่าหญิงสาวจะเปลี่ยนใจ
“ผมเชื่อว่าคุณทำได้”
เธอหันมาพยักหน้ารับคำแล้วยิ้มให้เขาอย่างเบิกบาน “ขอบคุณค่ะคุณลูก้าที่ให้กำลังใจ ฉันจะทำงานเต็มที่ค่ะ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
ร่างเล็กที่เร่งเดินหันกลับไปก่อนจะเห็นว่าแวบหนึ่งสายตาของชายหนุ่มมีความห่วงใยแต่เขาก็ต้องทำ
ยลรดาเกือบจะเปลี่ยนจากการเดินเร็วๆ เป็นวิ่งเพื่อตามเจ้านายให้ทัน เขาขายาวแล้วเดินไวมาก แต่รองเท้าส้นสูงสีดำหนังแท้ที่เธอเพิ่งถอยมาได้ไม่นาน ยังใส่ไม่คุ้นชินเท่าไรทำให้เกิดพลาดพลั้ง ร่างเล็กรีบเร่งจึงถลันลื่นไปข้างหน้าแล้วเสียหลัก
ยลรดาอยู่ในอารามตกใจ ใบหน้าซีดขาว ทำไมนะ ทำไมเธอชอบโชว์ความเปิ่นให้เขาเห็นตลอดเวลา ร่างเล็กชนเข้ากับกำแพงมนุษย์ที่เดินนำหน้า เขาหันใบหน้าหล่อเหลาที่สุดเท่าที่เคยเจอผู้ชายบนโลกนี้มาจ้องตา
“ระวังหน่อยสิ”
ใบหน้าหล่อเหลาประดุจฉาบไว้ด้วยน้ำแข็ง ดวงตาสีฟ้ามีเสน่ห์ดูพราวระยับขึ้นแวบหนึ่งก่อนจะเลือนหายไป เขาใช้ความว่องไวของร่างกายพาแขนกำยำโอบกอดร่างนุ่มนิ่มยิ่งกว่าหมีตัวนุ่มที่เขากอดเมื่อคืนไว้ได้ทัน ก่อนที่คนตัวเล็กจะลงไปวัดความราบเรียบของพื้นเครื่องบิน
ดวงหน้าหวานน่ารักเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อด้วยความขวยเขิน ไม่กล้าสบตา จมูกของเธอสัมผัสได้ถึงกลิ่นน้ำหอมสะอาดจางๆ
“ล่ามของผม ขาแขนอ่อนแรงแบบนี้จะทำงานร่วมกันไหวเหรอ ผมชอบทำงานกับคนขาแข็งแรง” ปลายประโยคเน้นหนักอย่างแอบแฝง
“ไหวค่ะ” เธอรีบตอบเพราะกลัวถูกเขาไล่ลงจากเครื่องบิน