คนจะโดนทิ้ง…4/2

914 Words
วันเสาร์...ลัลนาจะนัดเขาอีกวันเสาร์ หัวคิ้วหนาค่อย ๆ ขมวดเข้ามาชิดกัน หลุบตามองศีรษะทุยที่วางอยู่บนอกตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจ วันเสาร์สุดท้ายของเดือนเวียนมาถึง โชคดีที่รถไฟไม่ชนกันเพราะลัลนานัดเขาในตอนหกโมงเย็นเพื่อไปตีเทนนิส ช่วงกลางวันชายหนุ่มจึงสามารถพาอติกานต์ไปทานโอมากาเซะได้โดยไม่ต้องผิดนัดกับเธอ วันนี้อติกานต์แต่งตัวสวยด้วยเดรสพลิ้วสีทองเนื้อผ้ามีประกาย สายเสื้อหนาพาดบนไหล่แต่มีตัวอักษรเล็ก ๆ บนเนื้อผ้าทั้งตัวทำให้ดูน่ารักไม่เรียบจนเกินไป ปล่อยผมยาวสลวย สวมรองเท้ารัดส้น เลือกสะพายกระเป๋าคล้องไหล่ใบเล็กเข้ากับชุด ส่วนชายหนุ่มก็แต่งกายด้วยเชิ้ต กางเกงชิโน สวมรองเท้าหนังคู่โปรดกับนาฬิกาเรือนหรู แค่เครื่องประดับไม่กี่ชิ้นประกอบกับเสื้อผ้าที่ดูก็รู้ทันทีว่าเป็นการตัดเย็บอย่างประณีตบ่งบอกถึงฐานะการเงิน สำหรับต่อตระกูลเขาไม่ต้องแต่งตัวอะไรมากเรียกว่าลุกจากเตียงก็สามารถออกไปข้างนอกได้เลย เพราะฟ้าประทานรูปร่างหน้าตาที่เพียบพร้อมมาให้แล้ว อติกานต์เดินควงแขนชายหนุ่มเข้ามาในร้านตามรอบที่จองไว้ ต่อตระกูลปล่อยให้หญิงสาวควงแขนเขาได้ตามสบาย สายตาคนภายนอกที่เห็นก็คิดไปในทางเดียวกันว่าทั้งคู่คือคู่รักคู่หนึ่ง อติกานต์ยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายอาหารทุกคำก่อนป้อนเข้าปากตัวเอง เก็บไว้เป็นที่ระลึกว่าครั้งหนึ่งเธอเคยเข้ามาทานอาหารหลักหมื่น วัตถุดิบพรีเมียมในร้านแบบนี้ที่หากว่าเธอได้ทำงาน มีเงินเดือนก็คงไม่กล้าเข้ามาในร้านแบบนี้หรอก อย่างมากก็ซูชิชิ้นละห้าบาทสิบบาทในตลาด “อร่อยมากเลยค่ะ ว้าว คำนี้ น่าทานจัง” อติกานต์พึมพำเบา ๆ คนเดียว อย่างตื่นตา แต่ละคำมีซิกเนเชอร์ทุกคำทานแล้วรู้สึกดีมาก ๆ มีการพูดคุยกับเชฟที่ทำด้วย บรรยากาศดีกว่าที่คิดไว้เสียอีก หญิงสาวใช้ตะเกียบคีบอาหารเข้าปากเคี้ยวช้า ๆ ให้วัตถุดิบคลุกเคล้ากันในปาก เบิกตาโตกับรสชาติที่แสนหวาน หันมายิ้มตาหยีกับชายหนุ่มก็เห็นว่าเขาทำหน้าเฉย เขาอาจจะมารับประทานของแบบนี้นับครั้งไม่ถ้วนจึงไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเหมือนเธอ ทว่าถึงเขาจะไม่ได้ตื่นเต้นเหมือนเธอหากแต่หญิงสาวก็ถ่ายรูปอัดวิดีโอการทานโอมากาเซะอัปลงโซเชียล โดยไม่ให้ติดหน้าเขาแม้แต่เสี้ยวเดียว กฎข้อหนึ่งที่บัญญัติไว้คือ เดินควงได้ แต่ห้ามเปิดตัวในโซเชียล “ขอบคุณที่ทำให้วันนี้เป็นวันพิเศษของเอยนะคะ” อติกานต์เดินควงแขนเขาออกมาจากร้านด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ หน้าบานยิ่งกว่าจานดาวเทียม ต่อตระกูลยกมือยีหัวเธอเบา ๆ แล้วบอกสั้น ๆ ว่า “ทำยังกะว่าฉันเลี้ยงเธอแบบอด ๆ อยาก ๆ” อติกานต์ยังคงยิ้มอยู่ ใช่ เขาไม่เคยเลี้ยงเธอแบบอด ๆ อยาก ๆ เลย อาหารดี ๆ ก็เคยพาไปกินอยู่หลายครั้ง แค่ยังไม่เคยพามากินโอมากาเซะที่เพิ่งเข้ามาเป็นที่นิยมนี่ “ค่ะ คุณต่อเลี้ยงเอยได้สบายมาก สบายจนเอยชักติดใจ ไม่อยากจะไป” หญิงสาวเอ่ยประโยคหลังกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่นทำให้สายตาที่มองเธออย่างเอ็นดูเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเข้มขึ้น อติกานต์รู้ในทันทีว่าเขาไม่พอใจ เขาไม่ได้ต้องการเธอตลอดไปเหมือนที่เธอต้องการเขาเลยสักนิด “เอยแค่พูดเล่นน่ะค่ะ ตอนนี้คุณต่อไม่มีใครนี่นา เรายังอยู่ด้วยกันได้ เอยสัญญาเอยเรียนจบเมื่อไหร่ เอยไปจากชีวิตคุณต่อแน่นอนค่ะ จะไม่กลับมาทำให้คุณต่อลำบากใจเด็ดขาด” “รู้ตัวก็ดีแล้ว อย่าคิดหรือพูดอะไรที่มันเป็นไปไม่ได้เลยเอย” เขาย้ำเสียงหนัก “ค่ะ” จากบรรยากาศสว่างสดใสเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นอึมครึมทันที เพราะเธอเองที่ทำให้บรรยากาศเสีย เพราะเธอเองควบคุมความรู้สึกไม่ได้ ตอนมีความสุขก็คิดอะไรฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อ จนภาพฝันที่วาดเอาไว้แตกสลายออกเป็นเสี่ยง ๆ “เราจะกลับกันเลยมั้ยคะ” ต่อตระกูลคิดนิดหนึ่ง หยุดชั่งใจว่าจะพาเธอไปชอปปิงอะไรสักหน่อยไหม ตอนนี้เวลาบ่ายสองเขามีนัดกับลัลนาตอนหกโมงยังมีเวลาอีกพอสมควร ทว่าพอคิดดูแล้วการใจดีกับเธอมากไปทำให้อติกานต์นิสัยเสียคิดหวังเกินตัว เขาจึงบอกว่าจะกลับ “กลับ” “ค่ะ กลับก็กลับ” ระหว่างทางที่เดินกลับออกมายังลานจอดรถ ทั้งสองคนก็ได้เดินผ่านรถปอร์เชสีเหลืองที่จอดอยู่ในโซนจอดรถซูเปอร์คาร์ติดฟิล์มดำ คนที่นั่งอยู่ในรถรู้สึกตัวชาเมื่อเห็นภาพคนสองคนที่รู้จักเดินผ่านไป ก่อนจะรีบยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิปไว้ได้ทันแล้วกดส่งไปให้ใครอีกคนดู ^ ^ ^ ***โปรดติดตามต่อไปนะค้า เป็นกำลังใจให้มนสิด้วยน้า ขอบคุณค่า
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD