หลังจากส่งลัลนาถึงบ้านเรียบร้อย ขณะขับรถออกมาต่อตระกูลก็โทรศัพท์หาพี่สาว บอกว่า
“พี่ผึ้ง ถ้านานาโทร.ถามว่าคืนนี้ผมกลับไปค้างที่บ้านรึเปล่า ให้พี่บอกว่ากลับนะ...ถ้าพี่ไม่อยากให้ผมกับนานามีปัญหากันพี่ก็ต้องตอบตามที่ผมบอก...คือนานาอยากไปค้างที่คอนโดกับผมน่ะ ผมยังไม่สะดวก...”
{นี่แกยังไม่ไล่อีเด็กนั่นออกไปอีกเหรอ}
สายน้ำผึ้งแว้ดกลับมา
“ยัง...เถอะน่า ถ้าไม่อยากให้ผมกับนานามีปัญหากันก็ตอบไปตามนี้”
วางสายแล้วต่อตระกูลก็ขับรถกลับคอนโดมิเนียม เปิดประตูห้องนอนเข้าไปก็เห็นร่างบางนอนหลับอยู่บนเตียงแล้ว ร่างสูงสืบเท้าเข้ามามองเธอใกล้ ๆ ด้วยความรู้สึกหลากหลายปะปนกัน หากที่เด่นชัดขึ้นมาคือความ...เสียดาย
ก่อนจะเดินไปชำระร่างกายแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนบนเตียง อติกานต์ถูกปลุกให้ตื่นเมื่อถูกเขาก่อกวนกลางดึก อารมณ์ที่ปะทุขึ้นระหว่างที่จูบกับลัลนาถูกระบายสู่อติกานต์จนหมดสิ้น... ก่อนที่เขาจะเคลียร์เธอออกไปจากชีวิต
เช้าวันต่อมาหญิงสาวก็ลุกมาเตรียมมื้อเช้าให้ทันทีที่ตื่นในเวลาไล่เลี่ยกัน หญิงสาวแต่งกายพร้อมออกไปเรียน ส่วนเขาก็พร้อมไปทำงาน ระหว่างที่นั่งรับประทานข้าวต้มกุ้งที่อติกานต์เป็นคนทำ เขานั่งมองเจ้าตัวตักเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อย ในใจกำลังคิดตัดสินใจก่อนจะเอ่ยขึ้น
“คิดไว้รึยังว่าย้ายออกจากที่นี่แล้วจะไปอยู่ที่ไหน”
จู่ ๆ เขาก็เอ่ยประโยคนี้ ส่งผลให้อติกานต์ที่กำลังเคี้ยวข้าวชะงักก่อนจะเงยหน้าสบตาเขานิ่ง รอยยิ้มสดใสยามเช้าบนใบหน้าเลือนหายไป ดวงตาสั่นไหวระริกจ้องมองเขา
“คุณต่อพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ ไม่อยากให้เอยอยู่ด้วยแล้วเหรอ”
“เวลาของเรามีวันสิ้นสุด เธอก็รู้อยู่แล้ว”
“ค่ะ เอยรู้ แต่มันยังไม่ถึงเวลานั้นนี่คะ”
ดวงตากลมสะท้อนความเสียใจ ต่อตระกูลไม่อยากมองจึงเบือนสายตาหนีพร้อมกับทอดถอนหายใจ ทำให้หญิงสาวคิดได้ว่า
“คุณต่อไม่อยากให้เอยอยู่ที่นี่แล้ว หรือว่าคุณต่อมีใคร”
“เปล่า” เขาตอบเร็วเพื่อตัดบท
“ถ้าอย่างนั้น เอยขออยู่ที่นี่ก่อนได้มั้ย อีกไม่กี่วันเอยก็จะสอบแล้ว เอยสัญญาว่าสอบเสร็จเอยจะรีบย้ายออกไปจากที่นี่ทันทีเลยค่ะ...”
“...” ชายหนุ่มมองหน้าเธอแล้วเงียบ ทั้งสงสารและ... หญิงสาวจึงเป็นฝ่ายขอความเห็นใจจากเขา
“ตอนนี้เอยยังไม่มีที่ไป ยังไม่รู้จะไปไหน แต่สอบเสร็จแล้วเอยจะรีบออกไปจากชีวิตคุณต่อ ไม่กลับเข้ามาอีก”
“อืม” คนที่สับสนกับตัวเองตอนนี้ทำแค่ครางตอบในลำคอ ก่อนจะลุกเดินหนีออกไป
ในรายวิชาของอาจารย์ลัลนากลุ่มนักศึกษาได้ออกไปนำเสนอรายงานหนึ่งในนั้นก็มีอติกานต์ที่ออกไปพูดหน้าชั้นเรียน อาจารย์สาวนั่งกอดอกจ้องมองไปที่อีกฝ่ายบางครั้งลอบเบะริมฝีปากให้กับสีหน้าแววตาที่มุ่งมั่นของอติกานต์ เมื่อรายงานจบอาจารย์สาวก็แสดงความคิดเห็น
“กลุ่มนี้ก็ถือว่าดีนะ แต่ยังไม่ดีพอ เนื้อหาที่นำเสนอก็มีแต่ทฤษฎีที่ใครก็พูดได้ แต่จะทำได้จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ อาจารย์ว่านักศึกษาน่าจะใส่ใจการค้นคว้าข้อมูลมากกว่านี้ ไม่ควรไปสนใจอย่างอื่น งานที่ส่งแต่ละสัปดาห์จะมีคะแนน”
นักศึกษาที่ได้ฟังถึงกับอึ้งงันไป หากก็ไม่มีใครกล้าคัดค้านนอกจากก้มหน้าเงียบรับคำ
“ชั่วโมงหน้าเราไม่เจอกันนะ อาจารย์ถือว่าให้เวลานักศึกษาอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบ ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ”
พูดจบอาจารย์ก็เก็บกระเป๋า ก่อนจะลุกเดินออกจากห้อง เพื่อนสนิทของอติกานต์หนึ่งในสองจึงหันมาพูดกับเธอว่า
“นี่อาจารย์เค้าไม่ชอบอะไรแกรึเปล่าวะเอย พูดจาแรงมาก”
“เราก็ไม่รู้เหมือนกัน ช่างเถอะ”
สาวน้อยตอบอย่างไม่อยากคิดอะไรมาก
มองเห็นกลุ่มของอติกานต์นั่งติวหนังสือกันอยู่ใต้ถุนอาคารเรียนอเนกประสงค์ลัลนาก็รู้สึกหมั่นไส้คงถึงเวลาแล้วที่เธอจะประกาศให้รู้ว่าใครมันแน่กว่ากัน และทันทีที่คิดได้ดังนั้น อาจารย์สาวก็กดโทรศัพท์หาคนที่เรียกได้เต็มปากว่าแฟนให้มารับที่มหาวิทยาลัยในเย็นวันนี้
“พี่ต่อคะ วันนี้นานาไม่ได้ขับรถมา พี่ต่อมารับนานาที่มหาวิทยาลัยหน่อยได้มั้ยคะ สักสี่โมงเย็นแล้วเราค่อยไปหาอะไรทานกันต่อค่ะ นานารออยู่ใต้ตึกนะคะ...นานาจะรอค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่ต่อตระกูลจะขับรถเข้าไปในมหาวิทยาลัยที่อติกานต์เรียนอยู่ เขาผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเธอบ้างหากเป็นการขับรถไปส่งหญิงสาวแค่บางครั้งเท่านั้นยังไม่ถึงขนาดขับรถเข้าไปด้านใน ถ้าวันนี้เขาจะขับรถเข้าไปรับลัลนามันคงไม่บังเอิญขนาดที่อติกานต์จะเห็นหรอกนะ มหาวิทยาลัยก็ออกกว้างใหญ่ขนาดนั้น
“อุ๊ย นั่นอาจารย์ลัลนา เหมือนมานั่งรอใครอยู่ตรงนั้น”
จินนี่หันไปเห็นอาจารย์สาวที่เดินมานั่งที่โต๊ะว่างไม่ไกลจากกลุ่มของตน
“รอใครก็ช่างเค้าสิ เชอะ ทำตัวไม่น่ารักตอนนี้ฉันไม่ปลื้มอาจารย์คนนี้แล้วว่ะ”
ไอซ์ตอบ อติกานต์หันไปมองหน้าซื่อ ๆ ไม่ได้พูดหรือวิจารณ์อะไรออกมา เพราะไม่ใช่เรื่องของเธอจึงเรียกให้เพื่อน ๆ หันมาสนใจวิชาที่กำลังติวกันอยู่ แต่ก็มีบางขณะที่หญิงสาวหันไปมองอีกฝ่ายอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งมีรถปอร์เชสีเทาเมทัลลิกขับมาจอดหน้าตึก ลัลนาทำเป็นมองไม่เห็นคนในรถจึงลดกระจกลงมาเพื่อจะเรียกเธอ ในตอนนั้นอติกานต์ก็หันไปมองพอดีทำให้เธอได้สบสายตากับคนในรถ ในตอนแรกหญิงสาวเปิดยิ้มกว้างเพราะคิดว่าชายหนุ่มขับรถมารับเธอ แต่วินาทีถัดมาเมื่อเห็นอาจารย์สาวลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูนั่งในรถคันนั้นรอยยิ้มของเธอก็แห้งเหือด รู้สึกสับสนกับภาพที่เห็น
อีกห้านาทีต่อมาไอซ์ที่ติดตามอินสตาแกรมของอาจารย์ที่พ่วงตำแหน่งไฮโซสาวก็เห็นการอัปรูปลงสตอรี เป็นภาพของหญิงสาวที่นั่งอยู่ในรถคันหรูกับชายหนุ่มหน้าตาดี มีข้อความเขียนกำกับไว้ว่า
“วันนี้ไม่ได้ขับรถมา แฟนมารับค่ะ”
#แฟนใครก็ไม่รู้น่ารักจัง
“เฮ้ย ดูนี่ อาจารย์นานาลงรูปเปิดตัวแฟนแล้ว หล่อเชียว”
ไอซ์ยื่นโทรศัพท์ให้เพื่อนคนอื่นดู รวมถึงอติกานต์ที่เล่นโซเชียลแต่เธอไม่ได้ติดตามอินสตาแกรมของอาจารย์สาว พอเห็นหน้าตาแฟนของอาจารย์เธอก็ถึงกับอึ้ง เพราะเขาเป็นคนเดียวกันกับคนที่นอนกอดเธอทุกคืน
^
^
^
***ใครชอบแนวนี่ก็ไปต่อกันเรื่อย ๆ นะคะ มนสิเขียนแนวฟิลกู้ดมาหลายเรื่องแต่ไม่โดนใจนักอ่านเท่าไหร่ เราก็เลยไม่ค่อยชอบแนวที่มันสมูทเท่าไหร่ ชอบอะไรที่มันเจ็บ ๆ ปวด ๆ แบบนี้
ในส่วนของพระเอกขึ้นป้ายไว้แล้วว่าธงแดง ก็ตามนี้เลยค่ะ แต่จะว่าไปจริง ๆ ในความคิดมันก็ไม่แดงมากเลยนะคะ อิอิ เพราะสถานะพระนางเค้าก็ตกลงกันแล้ว ส่วนที่พระเอกยังไม่บอกนางเอกมันก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเค้า อีกอย่างเวลามันก็มีกำหนดอยู่ด้วยนิสัยพระเอกเลยไม่รู้จะรีบบอกทำไมอะไรงี้ หากถามว่าที่ทำอยู่ผิดต่อใครมั้ย ก็คิดว่าไม่ พระเอกยังไม่แต่งงานก็ถือว่าโฉด เอ้ย โสดค่ะ ในส่วนนักอ่านคิดเห็นอย่างไรก็ส่งคอมเมนต์มาคุยได้ค่า