อติกานต์นั่งกอดเข่าเหม่อมองออกไปยังผนังกระจกภายในห้องนอนกว้าง หัวใจรอคอยการกลับมาของเจ้าของห้องที่เดินทางไปประชุมต่างประเทศเป็นเวลากว่าสิบวัน เขาจะถึงเมืองไทยราวตีสองของคืนนี้
คิดถึงเขาจัง ไม่เจอกันตั้งหลายวัน
รู้อยู่แก่ใจว่าอีกไม่นานก็คงจะต้องจากกันแต่ใจก็ยังเฝ้ารอ
และรู้ ว่าที่อยู่ตรงนี้อยู่ในสถานะอะไรก็ยังจะรัก เผลอรักเขาไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเหมือนกัน พอรู้ก็รักเขาจนหมดใจแล้ว
ทว่าถึงวันที่ต้องจากลาอติกานต์ก็เตรียมใจกับตัวเองแล้วว่าต้องเดินออกจากชีวิตเขาอย่างเข้มแข็ง คนอย่างเธอไม่มีค่าคู่ควรอะไรกับนักธุรกิจระดับเขาหรอก
เข็มของนาฬิกาเคลื่อนผ่านไปทุกขณะ หญิงสาวในชุดเสื้อสายเดี่ยวกางเกงขาสั้นจู๋อวดเรียวขาและทรวดทรงสมส่วนเดินไปต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ใส่ไข่และเนื้อสัตว์ที่มีในตู้เย็นก่อนจะเดินยกชามมานั่งที่โต๊ะรับประทานอาหารเงียบ ๆ คนเดียวพลางไถโทรศัพท์ดูอะไรไปเรื่อยเปื่อย กินเสร็จเธอก็ล้างชามคว่ำเรียบร้อยจากนั้นก็มานั่งเปิดซีรีส์ กึ่งนั่งกึ่งนอนเล่นโทรศัพท์ไปพลางอยู่บนโซฟา ให้อาหารที่รับประทานเข้าไปย่อยก็เข้าไปชำระร่างกายในห้องน้ำแล้วออกมารอชายหนุ่มที่โซฟา
เธอจะรอรับเขาที่ห้องจนกว่าเขาจะกลับมา... จนกระทั่งผล็อยหลับไปที่โซฟาตัวใหญ่มีความอ้างว้างคอยโอบกอด แล้วก็ต้องสะดุ้งตื่นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกที่เจ้าตัวตั้งไว้ในโทรศัพท์มือถือเผื่อตนเองเผลอหลับ
อติกานต์งัวเงียขึ้นมาตอนตีสามกว่า ๆ นั่งรอจนถึงเวลาเขาบอกว่าจะกลับมาถึงทว่าก็ยังเงียบงัน เธอนั่งรอต่อไปอย่างมีความหวังจนกระทั่งเริ่มเห็นแสงรำไรจากพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นขอบฟ้า
“จะหกโมงแล้ว คุณต่อยังไม่ถึงอีกเหรอ”
เสียงเล็กพึมพำกับตัวเอง อยากโทรศัพท์หาแต่ก็หวาดระแวงในคำตอบที่จะได้รับมาเหมือนก่อนหน้านี้
“ฉันกลับตอนไหนก็ตอนนั้น ไม่ต้องโทร.ตาม เข้าใจมั้ย”
“หรือคุณต่อจะไปค้างที่บ้าน”
หญิงสาวคิดสะระตะด้วยความห่วงหา ก่อนจะสั่งให้สมองหยุดคิดฟุ้งซ่านเสียที วันนี้เธอมีเรียนตอนแปดโมงครึ่งถ้าจะให้หลับต่อก็ไม่รู้สึกง่วงแล้ว จึงลุกขึ้นอาบน้ำเตรียมตัวไปเรียนที่มหาวิทยาลัยดีกว่า พอส่องกระจกเห็นหน้าตัวเองอติกานต์ก็ทำหน้าบู้บี้กับสภาพใต้ตาของเธอตอนนี้
“โห ขอบตาดำปี๋เลย เฮ้อ”
อติกานต์ทอดถอนหายใจให้กับความหวังลม ๆ แล้ง ๆ ของตัวเอง ช่างเถอะแต่งหน้าหนาหน่อยแล้วกัน พอเจ็ดโมงเช้าหญิงสาวก็ขับรถไปมหาวิทยาลัย ด้วยความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าเธอกลับมาจะพบเขาอยู่ในห้อง
คิดถึงเหลือเกิน
อติกานต์ขับรถมาเรียนในมหาวิทยาลัยเทอมนี้เป็นเทอมสุดท้ายที่เธอจะเรียนจบแล้วต้องออกไปใช้ชีวิตทำมาหากินด้วยตัวเองจริง ๆ สักที ก่อนหน้านี้นอกจากจะได้รับการเลี้ยงดูจากเขา เธอยังรับงานพริตตีแต่งตัวสวยเดินแจกของตามห้างสรรพสินค้า หรือริมถนนย่านแหล่งชอปปิงเป็นงานที่มีรายได้เสริมเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างเรียน ล่าสุดในวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้เธอก็มีงานเข้ามาอีก
เพิ่งเปิดเทอมได้ไม่กี่วันวิชาแรกที่เรียนวันนี้คือวิชาเกี่ยวกับด้านการตลาด อาจารย์ที่มาสอนเป็นอาจารย์คนใหม่ หน้าตาสวยงาม บุคลิกสง่า อายุยังน้อยคงมากกว่านักศึกษาไม่กี่ปี นามสกุลที่พ่วงมาเป็นที่รู้จักของคนระดับประเทศ เพราะเป็นนามสกุลของตระกูลนักธุรกิจดังที่ทำธุรกิจด้านสินค้าทั้งอุปโภคบริโภคครอบคลุมแทบทุกอย่างของคนในประเทศด้วย อาจารย์คนนี้ก็เป็นหนึ่งในลูกหลานของคนตระกูลนี้ ได้ข่าวว่าเพิ่งเรียนจบกลับมาจากต่างประเทศแล้วได้รับเชิญมาเป็นอาจารย์สอนพิเศษในมหาวิทยาลัย
อติกานต์เข้าเรียนในรายวิชาด้านการตลาดจึงได้เห็นหน้าอาจารย์ลัลนา หรืออาจารย์นานา
อาจารย์สาวแนะนำตัวกับนักศึกษาในคลาสเรียนทั้งนี้สายตาของลัลนาก็สะดุดเข้ากับใบหน้าสวยสะอาดตาของนักศึกษาสาวที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดคนหนึ่ง เธอรวบผมตึงปล่อยเป็นหางม้าไว้ด้านหลังทำให้เห็นโครงหน้าและเครื่องหน้าพอเหมาะพอดีอย่างชัดเจน จะว่าเป็นคนสวยขนาดละสายตาไม่ได้ก็ไม่เชิงนัก แต่เป็นใบหน้าที่มองแล้วทำให้คนมองรู้สึกสบายตา มีความน่าเอ็นดูอยู่ในนั้น
นักศึกษาหญิงคนนั้นชื่อ อติกานต์ หรือ เอย ตามที่ได้ยินเพื่อนที่นั่งข้าง ๆ ของเธอเรียกขาน
ออกจากคลาสเรียนอาจารย์ลัลนาขณะที่กำลังไปเรียนที่คลาสอื่น จินนี่เพื่อนหนึ่งในสองคนที่อติกานต์สนิทด้วยก็เอ่ยชมอาจารย์ลัลนา
“อาจารย์นานาสวยจังเลยเนาะ ฉันเห็นเค้าตามหน้าโซเชียลไม่คิดว่าเค้าจะมาเป็นอาจารย์สอนเรา”
“อืม ฉันก็ว่าสวย เก่งด้วยสอนรู้เรื่อง”
ไอซ์ที่มีบุคลิกห้าว ๆ หน่อยเสริม อติกานต์ก็พยักหน้าเห็นด้วยกับเพื่อนสองคนที่กล่าวชื่นชมอาจารย์อย่างไม่ขัดข้อง ก่อนแววตาจะดูซึมลงเพราะความคิดถึงคนไกลที่ยังไม่กลับมา
พอเลิกเรียนในบ่ายวันนี้เพื่อนของเธอชวนไปเดินชอปปิงต่อที่ห้างสรรพสินค้า หญิงสาวก็เอ่ยขอตัว เพราะอยากกลับไปรอเขาที่คอนโด
หวังว่าเขาจะกลับมาถึงแล้วนะ