เวลาต่อมาคนที่หลับใหลในนิทราก็รู้สึกตัวขึ้นมาจากการถูกฝ่ามือลูบไล้ไปตามร่างกาย ก่อนจะถูกเขาจับพลิกร่างขึ้นมาเผชิญหน้ากัน หากมองดี ๆ จะเห็นว่าในดวงตากลมคู่หวานมีร่องรอยแดงช้ำจากการร้องไห้ ทว่ายามนี้นอกจากความต้องการแล้วต่อตระกูลคงมองไม่เห็นร่องรอยความเจ็บปวดใด ๆ ตอนนี้เขาเพียงคิดว่าผู้หญิงคนนี้ยังเป็นของเขา เขาจะทำอะไรก็ได้เมื่อเขาต้องการ
ริมฝีปากหยักพรมจูบไปทั่วใบหน้าก่อนจะซุกไซ้ซอกคอหอม บีบนวดหน้าอกอวบอิ่มก่อนจะครอบริมฝีปากดูดยอดอกสีเรื่อ ความกระสันเสียวลามเลียไปทั่วร่างทั้งสองที่เบียดเสียดกันอย่างไร้อาภรณ์ อติกานต์อยากจะนอนแน่นิ่งหากก็ไม่อาจทำอย่างใจหวัง ร่างกายเธออ่อนระทวยเร่าร้อนทุกส่วนที่เขาสัมผัสผ่าน ช่างเถอะ มันใกล้สิ้นสุดเต็มทน ห้ามไปก็ไร้ประโยชน์
จนเขาเสือกไสแก่นกายแกร่งเข้ามายังโพรงสวาทที่ฉ่ำนองด้วยหยดน้ำ เสียงครางหวานก็ถูกปลดปล่อยออกมาเพิ่มความคึกคะนองให้ชายหนุ่มย่ามใจว่าเธอก็ชอบที่เขาทำแบบนี้
ฝ่ามือหนาประคองแก้มใสข้างหนึ่งให้เธอลืมตาจ้องมองเขา ในขณะที่อีกมือก็รวบมือเรียวทั้งสองข้างตรึงไว้เหนือศีรษะ เอ่ยเสียงต่ำในจังหวะที่ตอกย้ำสะโพกสอบเข้าหา
“จำไว้นะ ไม่ว่าต่อไปเธอจะนอนกับใครแต่ฉันคือผัวคนแรกของเธอ จำฉันไว้ ฉันชอบเสียงครางของเธอ ชอบจับตรงนี้... ชอบเลีย... ชอบเอาเธอหนัก ๆ”
เขาพ่นถ้อยคำหยาบที่ไม่เคยพ่นออกมาจากปากมาก่อน เผยความดิบที่ฝังอยู่ในสัญชาตญาณ นัยหนึ่งให้ความรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ อีกนัยก็ประหวั่นกับความรุนแรงที่เขาจะถาโถมมาใส่
“อึก คุณต่อ...อื้อ”
ต่อตระกูลก้มกัดเนินเนื้ออกอิ่มอย่างห้ามใจไม่ได้ ทุกส่วนในร่างกายของเธอเขาจดจำได้ทุกตารางนิ้ว ดอกไม้แรกแย้มดอกนี้ที่เขาเป็นคนคลี่กลีบดอกออกเชยชมเป็นคนแรก คิดอย่างเห็นแก่ตัวว่าอยากเก็บซ่อนเธอไว้
เสียงครางกระเส่าดังต่อเนื่องสลับกับเสียงหวีดร้องแหลม จนสาสมใจเขาก็จับเธอพลิกร่างให้นอนคว่ำ ไม่ทันให้เธอตั้งตัวก็ยกสะโพกเด้งขึ้นก่อนจะเสือกไสแก่นกายเข้าหาจากทางด้านหลังแล้วขยับเป็นจังหวะ
อติกานต์ใช้มือดันลำตัวขึ้นอยู่ในท่าคลาน น้ำตารินไหลเจ็บปวดที่เขาเห็นเธอเป็นแค่ที่ระบายทางอารมณ์ต้องการเมื่อไหร่ก็ใช้งานทันทีโดยไม่สนว่าเธอเต็มใจหรือไม่ เขาโน้มกายลงมาหาสอดต้นแขนเข้ามาใช้มือบดบี้ติ่งกระสันเพิ่มความเสียวซ่านให้เธอทวีขึ้น
“อื้อ...คุณต่อ สะ เสียวมาก”
แต่ถึงอย่างไรสาวน้อยก็ไม่อาจฝืนความต้องการของร่างกายได้ เซ็กซ์ช่วยผ่อนคลายความเครียดแม้เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งที่คนสองคนจะได้มีความสุข
“ชอบใช่มั้ยล่ะ จะลืมฉันมั้ย ฮึ ตอบสิ จะลืมฉันมั้ย”
“อึก...อา...คุณต่อ”
เมื่อเธอไม่ตอบเขาก็อัดสะโพกเข้าหาหนัก ๆ จนเธอแทบแตกสลาย อติกานต์ส่ายหน้าทั้งน้ำตาไม่อยากตอบอะไร หากเขาก็กางนิ้วบีบปลายคางให้หญิงสาวเอียงหน้ามอง อติกานต์สะอื้นน้ำตานองหน้าริมฝีปากหยักก็บดขยี้จูบให้อย่างสาสมก่อนจะผละออกพร้อมกับถอดถอนกายแล้วปรับเปลี่ยนให้ฝ่ายหญิงขึ้นมาคุมเกม
ไม่ใช่ครั้งแรกที่สาวน้อยนั่งคร่อมขยับโยกบนตัวเขา แต่ครั้งนี้เธอไม่อยากสบตา ไม่อยากมองหน้าคนที่ทำเธอเจ็บปวด
“ขยับสิ แรง ๆ”
สะโพกกลมบดคลึงช้า ๆ อย่างเสียวซ่าน มองใบหน้าเข้มที่ออกคำสั่ง เมื่อคนตัวเล็กยังไม่ทำตามเขาก็ส่งมือมาบีบเนื้อแน่นก่อนจะฟาดลงมาเสียงดัง เพียะ เป็นการกระตุ้น
“อาส์”
“บอกให้ขยับ แรง ๆ” เขาสั่งเสียงแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว
“อื้อ...อึก”
เธอจึงต้องขยับตาม พอไม่แรงเท่าที่เขาต้องการชายหนุ่มก็เป็นฝ่ายเด้งสะโพกขึ้นหาเธอเอง เสียงเนื้อกระทบกันดังรัวสนั่น อติกานต์ร้องหวีดแหลมจากการแตกสลาย แข้งขาสั่นอ่อนแรง ต่อตระกูลยกร่างคนตัวบางที่ยังทรงตัวไม่อยู่ขึ้นมาคร่อมอยู่ระหว่างใบหน้าของเขา จากนั้นก็ละเลงปลายลิ้นกับกลีบดอกไม้ผลิบานดูดกลืนน้ำหวานที่พรั่งพรูออกมา
อติกานต์หมดแรง ดีที่พรุ่งนี้ตารางสอบของเธอไม่มีเว้นว่างไปหนึ่งวัน ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีเรียวแรงลุกไหม มันสุขสมแต่ก็จมในความเจ็บปวด ตราบจนกระทั่งเธอรู้สึกว่าความอุ่นซ่านหลั่งไหลเข้าสู่ตัวเธอพร้อมกับกายหนาที่โหมทับลงมา พอตื่นมาอติกานต์ก็พบแต่ความว่างเปล่าข้างกาย... เธอได้อ่านหนังสือวิชาที่จะสอบในวันพรุ่งนี้ก็ช่วงเย็น
วันถัดมาสายน้ำผึ้งก็ไปดักรออติกานต์ที่มหาวิทยาลัยในวันที่เธอมีสอบโดยได้ข้อมูลสถานที่ และเวลาสอบของเธอมาจากลัลนา ครั้นเห็นหญิงสาวกำลังจะเดินขึ้นอาคารไปจึงเดินไปดักหน้า
อติกานต์หยุดชะงักเมื่อเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย ยกมือพนมไหว้ผู้หญิงที่มองเธอด้วยแววตาเกลียดชังปนดูแคลน
“ฉันมีเรื่องจะพูดกับเธอ”
“หนูต้องรีบขึ้นไปสอบค่ะ มีเวลาไม่มาก”
ร่างบอบบางในชุดนักศึกษาเบนฝ่าเท้าเตรียมเดินหนี แต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยคำพูดของอีกฝ่าย
“ถ้าไม่คุยกับฉันให้รู้เรื่อง คนทั้งมหาลัยรู้แน่ว่าแกเป็นเด็กไซด์ไลน์ และอะไร ๆ ที่แกจะได้ แกจะไม่มีทางได้ ฉันพอจะรู้จักกับผู้บริหารในมหาลัยนี้อยู่บ้าง คิดว่าไม่ยากที่จะพูดพฤติกรรมที่น่าละอายของแกให้เค้าฟัง”
อติกานต์สูดลมหายใจเข้าลึก พยายามอดทน เธอมาถึงห้องสอบก่อนเวลาครึ่งชั่วโมงพอจะมีเวลาฟังสิ่งที่สายน้ำผึ้งพูด ซึ่งเรื่องที่หล่อนจะพูดอติกานต์ก็คาดเดาไว้แล้วคงไม่พ้นเรื่องของน้องชาย
“ค่ะ คุณมีอะไรจะพูดกับหนูก็พูดมาเลยค่ะ หนูพร้อมฟัง”
ไฮโซสาวเหยียดริมฝีปากยิ้ม ก่อนหลุบสายตามองอติกานต์ด้วยสายตาเหยียดหยาม ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผู้หญิงคนนี้สวย แต่สวยแบบไม่แพง ผู้หญิงแบบนี้เธอไม่ยอมรับให้เข้ามาใช้นามสกุลร่วมกันหรอก
“รีบไสหัวออกไปจากคอนโดน้องชายฉันให้เร็วที่สุด ไม่ต้องรอให้คนอื่นเค้ามาไล่บ่อย ๆ จะไปหาผู้ชายคนไหนมารับช่วงต่อก็รีบหา ฉันจะให้เวลาไม่เกินสามวัน เก็บข้าวของทั้งหมดออกไปจากห้องน้องชายฉันเพื่อจะให้แฟนตัวจริงเค้ามาอยู่ ถ้าแกยังไม่ไป แกเจอดีแน่”
สายน้ำผึ้งก้าวเข้ามาพูดกับเธอ กดเสียงต่ำเป็นการข่มขู่ อติกานต์มีความหวาดกลัวในใจไม่น้อยกับสายตาที่เหมือนอยากบีบคอเธอให้ตายของสายน้ำผึ้ง อีกทั้งก่อนหน้าเธอก็ถูกลัลนาข่มขู่ในทำนองเดียวกันโดยหากเกิดอะไรกับเธอขึ้นมาจริง ๆ คงไม่มีใครช่วยเหลือเธอได้ แม้แต่ผู้ชายคนนั้น
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ หนูไปแน่ จะไปให้เร็วที่สุด”
“ก็ลองไม่ไปสิ”
หญิงสาวกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก คนที่ตัวคนเดียวอย่างเธอไม่มีทางไปต่อกรกับคนพวกนี้ได้หรอก
“มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่มั้ยคะ หนูขอตัวก่อน”
เมื่อสายน้ำผึ้งไม่พูดอะไรต่อ มีแต่สายตาที่มองเธออยากเชือดเฉือนอติกานต์ก็เดินจากไปโดยมีสายตาคู่หนึ่งมองตามติดไปด้วยความเกลียดชัง
“เกลียดนักอีพวกผู้หญิงขายตัวแล้วยังหัวสูง”
ตลอดชั่วโมงการสอบอติกานต์ตั้งใจทำข้อสอบอย่างเต็มที่สมาธิไม่ว่อกแว่กคิดเรื่องอื่น พอสอบเสร็จหญิงสาวก็คุยกับเพื่อนเรื่องที่จะขอย้ายมาพักอาศัยที่หอพักกับเพื่อนสักระยะหนึ่งก่อนเดินทางไปเรียนต่อต่างประเทศและให้เหตุผลว่าเธอเลิกกับแฟนที่คบหากันแล้ว ซึ่งเพื่อนก็ไม่มีปัญหาอะไร อีกแค่วิชาเดียวก็จะสอบเสร็จแล้วเป็นการสิ้นสุดการศึกษาในระดับปริญญาตรี
^
^
^
***โปรดติดตามตอนต่อไปสำหรับคนที่ชอบแนวนี้นะคะ และอยากรู้เรื่องราวที่ยังเหลือค่ะ