ตอนที่สอง ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่าย 3

1159 Words
แต่จนแล้วจนรอด สิ่งที่ศลิษาวิงวอนขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายก็เหมือนไม่เป็นผล พอถึงวันที่กำหนดเธอมีเงินติดตัวเพียงเก้าพันบาท! โรงแรมไม่ได้ตัดสินใจสั่งซื้อของล็อตใหญ่แต่เพียงแค่ซื้อไปหกขวดเพื่อแจกผู้บริหารไปลองใช้ก่อนตัดสินใจสั่งล็อตใหญ่ เท่านั้นไม่พอสิ่งที่ทำให้เธอต้องล้มทั้งยืนคือเธอต้องจ่ายเจ้าหนี้มารดาอีกประปรายเพราะพวกเขารวมตัวเอาทนายมาจะฟ้องมารดาเธอว่าไม่จ่ายหนี้ตรงกำหนดในสัญญากู้ยืม เธอเลยต้องนำเงินที่ขายของได้ตลอดอาทิตย์ไปจ่ายเจ้าหนี้เฉลี่ยทุกคนให้ได้รับความพึงพอใจเพื่อลดการฟ้องร้อง หนี้มารดาไม่ถูกฟ้องท่านก็สบายใจ เหลือเพียงแต่หนี้ของเธอที่ท่านไม่รับรู้ เธอก็เครียดอยู่คนเดียว โชคดีว่าขายผลิตภัณฑ์ชงดื่มสำหรับดูแลสุขภาพผิวลดริ้วรอยทำให้มีสินค้าไว้กิน ไม่อย่างนั้นด้วยความเครียดขนาดนี้ เธออาจจะหน้าเหี่ยวหัวหงอกนำหน้ามารดาไปแล้วก็ได้ พอครบอาทิตย์ที่แสนเหนื่อยโดยที่ไม่มีเงินให้เทวินท์ เธอพยายามเอารถไปเข้าไฟแนนซ์ แต่ก็ไม่ได้เพราะเหลือผ่อนอีกหกเดือนไม่สามารถเอาเล่มไปเข้าไฟแนนซ์ได้ แม่ทีมซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธอก็ไม่พร้อมช่วยสำหรับเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้ สุดท้ายแล้วเธอก็ทำได้เพียงยกเงินให้มารดาไว้ใช้สอยห้าพัน แล้วเดินตัวเปล่าบากหน้าไปหามณีวรรณ เพื่อที่จะบอกว่าเธอทำไม่ได้ตามที่กำหนด “พี่เดาอยู่แล้วว่าเราอาจจะแก้ปัญหาไม่ได้ ญาติพี่อีกคนหนึ่งที่แม่เรายืมเงินบอกว่าจะรวมตัวกันฟ้องแม่เราพี่ก็ห่วงอยู่ว่าเราคงรับมือยากอยู่ เสียดายที่เราปฏิเสธนายวันก่อนไม่อย่างนั้นคงไม่เครียดมาจนถึงวันนี้ เพราะถึงยังไงก็ต้องจ่ายด้วยวิธีเดิมอยู่ดี วันนี้คุณวินท์ท่านไม่ยอมเลื่อนอีก ไม่ยอมรับเงินที่มูลค่าไม่ถึงจำนวนยอดหนี้ด้วย” “ษาเข้าใจค่ะ ษาขอโทษนะคะ” หญิงสาวน้ำตาคลอ เอ่ยบอกเสียงสั่นเพราะความอดสู เธอพูดคำนี้บ่อยเหลือเกิน บ่อยจนนับไม่ได้ว่าพูดไปกี่ร้อยครั้งกับบรรดาเจ้าหนี้... เธอทำงานหนักมาตลอด เหนื่อยกว่าคนอื่นตลอด แต่ไม่เคยสัมผัสกับความสุขเลย โดนด่าโดนตราหน้าพร้อมๆ กับมารดาจนละอาย เธอไม่ต้องการความสุข ไม่ต้องการความรวย แต่ขอมีศักดิ์ศรีเหมือนคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่ต้องคอยกราบกรานขอโทษใคร เธอพยายามแล้ว แต่ความพยายามของเธอคงยังไม่มากพอ เลยต้องเผชิญกับสิ่งเหล่านี้อยู่แม้ว่าจะทำงานหนักจนสายตัวแทบขาดแล้วก็ตาม “อย่าร้องไห้เลยนะษา เราสู้มามากขนาดนี้แล้ว เราบอกเองไม่ใช่หรือว่าหนี้แม่หมดไปเกินครึ่งแล้วรถกำลังจะผ่อนหมด งานแบรนด์สบู่อันใหม่ก็กำลังไปได้ดี อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไป” มณีวรรณให้กำลังใจมา อีกฝ่ายรู้เรื่องเธอทั้งหมดเพราะเธอติดต่อและเล่าเรื่องนี้ให้ฟังอยู่เสมอเพราะรู้สึกผิดที่ไม่ได้จ่ายหนี้เทวินท์ “ชดใช้คุณวินท์ให้หมด แล้วก็สู้ต่อไปนะ พี่เชื่อว่าเราทำได้” “แล้วเขาจะให้ษาชดใช้เหมือนเดิมหรือคะ ถ้าเขาไม่ยอมเลื่อนเดธไลน์หรือว่าเอาเงินจำนวนน้อยกว่ายอดหนี้” เธอกลั้นสะอื้นแล้วเอ่ยถามรู้จากมณีวรรณว่าสำหรับเทวินท์แล้วคำไหนต้องเป็นคำนั้น ดูจากที่เขาบอกว่าจะเอายอดหนี้ที่เธอค้างไว้ทั้งหมดปะไร คนของเขาวิ่งพล่านจัดการตามคำสั่งเขาให้ได้ มาวันนี้เธอทำตามที่เขาต้องการไม่ได้เขาจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไรก็ต้องยอมทั้งนั้น แม้แต่ต้องตัดคอเธอแลกหนี้ถ้าเขาสั่งลูกน้องเขาก็ทำตามอย่างเด็ดขาดไม่มีข้อแม้ใดๆ นั่นทำให้เธอหวั่นใจยิ่งนัก “ข้อแม้มันมีเปลี่ยนนิดหน่อยน่ะ” มณีวรรณบอกอย่างลำบากใจ “นายพี่เพิ่มดอกเบี้ยนิดหน่อย เขาบอกมาว่าผ่านมาหลายวัน ออกดอกเบี้ยเป็นว่าให้เรามาอยู่กับเขาสามวัน แล้วจะจัดการเรื่องหนี้ให้” คราวนี้ศลิษาหายสะอึกสะอื้น และเปลี่ยนมาเป็นอ้าปากค้าง “วันนี้คุณวินท์อารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถ้าไม่รีบตกลงว่าสามวัน เขาเปลี่ยนใจให้เป็นเดือนเป็นปี เราจะลำบากนะษา พี่ว่ารีบตกลงแล้วไปหาที่โรงแรมดีไหม” มณีวรรณเสนอ ศลิษาไม่มีทางเลือกชีวิตที่ดีกว่าจะตกลงกับเขาอย่างรวดเร็ว เพราะไม่อย่างนั้นจากสามวันคงจะเพิ่มมากกว่านี้... เมื่อเธอยินยอมมณีวรรณส่งข้อความไปจัดการอะไรอยู่ครู่เดียวก็เดินกลับมาบอกเธอ “คุณวินท์ให้ษาไปรอที่โรงแรมวิมานฟ้า สาทร ห้องเดิม วันนี้พี่ไม่ได้ไปส่งเรานะเพราะติดงาน ไปเจอคุณวินท์ที่นั่นได้เลย” มณีวรรณเดินมาตบไหล่ปลอบใจเธอ “สู้ๆ นะษา ถือเสียว่าคุณวินท์ช่วยแก้ปัญหาให้เราเปลาะหนึ่งนะ เขายกหนี้ให้ก้อนโต เราหาเงินมาก็จะได้ใช้คนที่จะฟ้องแม่เราแทนเสีย ษาจะได้ผ่านปัญหาของษาไปไวๆ พี่เอาใจช่วยนะ เชื่อว่าสักวันเทวดาจะเห็นความดีของษาและเมตตาเราบ้าง” “ขอบคุณมากนะคะพี่มินนี่...” เธอบอกขอบคุณอีกฝ่ายด้วยปากสั่นระริก ในแววตาของมณีวรรณนั้นเต็มไปด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี หลายคนที่รู้ว่าเธอต้องเหน็ดเหนื่อยกว่าวัยที่แท้จริงเพราะเรื่องนี้ก็มักจะเห็นใจเธออย่างนี้ทั้งนั้น เธอขอบคุณที่มินนี่ขอพรให้เธอ ศลิษาก็อยากขอให้ตัวเองผ่านมันไปเร็วๆ เช่นกัน โรงแรมวิมานฟ้า สาขา สาทร ศลิษาเลี้ยวหัวรถยนต์ญี่ปุ่นของเธอเข้ามาจอดในโรงแรมห้าดาวสุดหรู เธอได้ยินมาว่าเทวินท์มีหุ้นที่นี่เกินครึ่งและเป็นหนึ่งในทีมบริหารโรงแรมในเครือนี้ เขารวยมากเพราะโครงการบ้านของเธอที่เขาเป็นเจ้าของก็เจ็ดร้อยกว่ายูนิตมูลค่าโครงการเดียวก็หลายพันล้านไปแล้ว วูบหนึ่งนั้นนึกน้อยใจอยู่บ้างว่าคนรวยมากๆ อย่างเขาทำไมลงมาจี้กับยอดหนี้เพียงเท่านี้ เขาน่าจะใจดีกับเธอบ้างอีกสักเดือนก็ยังดี แต่แค่คิดเพียงแวบหนึ่งก็สะบัดออกไป บอกกับตัวเองว่าอย่าตัดพ้อมีหนี้ก็ต้องจ่าย เจ้าหนี้อยากได้ก็ต้องจ่ายให้ได้ อย่ามีข้อแม้ใดๆ เลย ควรจะเห็นใจเจ้าของเงินด้วยเช่นกัน...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD