นางก็เพียงเช็กเรตติ้งเท่านั้น

3078 Words
แล้วจากนั้นไม่ถึงครึ่งชั่วยามนักบวชศีรษะโล้นโล่งเตียนแต่ดวงตานั้นกลับหลุกหลิกกับคนแต่งกายดูรุงรังหากคาดเดาตามประสาหญิงไทยสมองใสแสนจะชาญฉลาดว่าเหล่าบุรุษสี่คนท่าทางแปลกประหลาดนี้คงเป็น’ หมอผี’ เวอร์ชัน’ จีนโบราณ’ อย่างแน่นอนแล้วก็พลันกลอกตามองบนพร้อมเท้าเอวมองทั้งสี่ด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์  ...เอาวะข้ามภพทั้งทีขอเล่นใหญ่สักยกจะเป็นอะไรไปเล่าหึ!...นี่ใคร? ...คุณหนูพันซ์ห้างแตกนะจะบอกให้!...  คิดตกแล้วคนตัวเล็กกายอรชรราวหยกสลักก็กระโดดขึ้นไปนั่งอยู่กลางเตียงยกเข่าขึ้นหนึ่งข้างพยายามนึกท่าทางเวลาตนเองเคยดูละครคนทรงเจ้าแล้วก็จัดท่าทางให้คล้ายที่สุดได้...อยากไล่ผีเดี๋ยวแม่จะจัดให้วิ่งจีวรบินเลยเชียว!  ...ฉาด!...  “พวกเจ้ามาทำอันใดกันไอ้โล้นไอ้พวกคนหลอกลวงไอ้พวกหลวงจีนเก๊ไอ้พวกมิตร...ฉาชีพ!?”  ตบเข่าไปหนึ่งฉาดแล้วต้องคลำป้อยๆ เพราะลงแรงสมจริงไปนิดจึงทำให้กายนี้ผิวบางเลยแสบจนน้ำตาแทบร่วงส่วนกายที่สั่นงันงกน่ะบอกเลยนางสั่นจริงเพราะตนเองหนาว  “อาการก็เป็นเช่นนี้แหละเจ้าค่ะท่านหลวงจีนนับจากฟื้นขึ้นมาคุณหนูของข้าก็มีท่าทางแปลกไปจนผิดไป”  เป็นฟางหรูที่เข้าไปกระซิบกระซาบให้คนหูไวต่อการนินทาได้ยินชัดเจน นางเอกซีรีส์ในยามข้ามภพเขานั้นมีแต่เจอพ่อแม่หรือคนในจวนเรียกหมอมาตรวจอาการแล้วบอกว่าความจำเสื่อมจากตกน้ำหรืออะไรก็ว่ากันไปแต่ดูนางพันซ์ข้ามภพเสียก่อน...  ท่านพ่อท่านแม่สามีที่เคารพดันไปตามหมอผีตามท่านนักบวชมาปราบกัน นางพันซ์อยากจะบ้าให้รู้แล้วรู้รอด นางอยากกรีดร้องนางด่าสวรรค์ภายในใจไปสิบยกเห็นจะได้จากนั้นก็ตั้งอกตั้งใจเล่นบท’ คนผีเข้า’ อย่างสมจริงสมจังต่อไปก็น่ะ...ท่านพ่อท่านแม่สามีของนางนั้นอุตส่าห์จัดใหญ่มาให้ซึ่งนางเป็นสะใภ้ขวัญย่อมต้องสนองให้ถึงอกถึงใจกันไปข้าง  “มิต้องกังวลไปหรอกแม่นางท่านหลวงจีนฟ่านเฉิงของเรามากความสามารถปราบมาแล้วแม้แต่นางมารแห่งหุบเขาหลุนฉือ”  ...โปรโมทเก่ง...  ขนาดนางปกติดีไม่ใช่ผีใช่สางที่ไหนยังแยกแยะไม่ออกแล้วยังจะมาโม้อีกว่ากำราบแม้แต่นางมารเหอ...มารดาพวกเจ้านะสิ!  “เอาละอย่าได้กล่าวมากความไปเร่งนำยันต์เหล่านี้ไปติดเอาไว้ให้รอบเรือน”  คนศีรษะโล้นออกคำสั่งผู้ติดตามทั้งสามทำตามด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่ชีวิตสิบแปดปีที่ผ่านมาในยุค2022การหลอกลวงทุกรูปแบบที่ตนเองได้เห็นและผ่านการพิสูจน์ว่าอันไหนจริงอันไหนเท็จทำให้สาวน้อยเช่นนางกล้าที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า’ ไอ้โล้น’ ได้อย่างไม่ละอายใจและละอายปากหรือกลัวบาปกลัวกรรมก็เพราะเจ้าคนพวกนี้นี่แหละตัวน่ารังเกียจหากินบนความทุกข์ของชาวบ้าน อย่างสกุลมู่หรงร่ำรวยนั้นก็ช่างเถิดแต่ชาวบ้านอีกไม่น้อยที่เงินแต่ละอีแปะของเขามีค่าเท่ากับอาหารหนึ่งมื้อนั่นต่างหากที่เด็กสาวคิดว่าตนเองจะไม่ยอมปล่อยผ่านเจ้าพวกทำนาบนหลังคนเหล่านี้ไปเด็ดขาด  ...เหอ...นางมีสามีเป็นรองเจ้ากรมอาญาเชียวนะมีสามีดีแล้วยังจะมากอำนาจมันก็ต้องรู้จักนำมาใช้มิใช่ทำตนสนิมสร้อยเช่นจ้าวเล่อเยียนในอดีตที่เอะอะก็ร้องไห้เอะอะก็จะฆ่าตัวตายเพราะสำหรับนางชีวิตแมร่งโคตรจะมีค่าได้มาต้องใช้ให้คุ้มให้สุดแค่ผู้ชายคนเดียวกับเพื่อนชั่วหากเป็นนางที่จะตายบอกเลยไม่มีทางเป็นตนเองแน่!  “เจ้าเอาอ่างน้ำมนต์มาให้อาตมา”  ...โอ้โห...  เมืองไทยแค่เป็นขันแต่ที่นี่เขามาเป็นอ่างเลยวุ้ย คนนั่งชันเข่ามองหลวงจีนปลอมกับลูกสมุนทำพิธีไปอย่างใจเย็น สายตาคู่งามก็กวาดออกไปดูคนภายนอกว่าในบรรดา’ จีนมุง’ นั้นมีสามีหรือน้องสามีกับยายสหายพิฆาตหรือไม่ แต่สายตาของนางก็ยังเห็นเพียงพวกสาวใช้กับเหล่าอนุภรรยาของสามีนางและของพ่อสามีกับของน้องสามีแล้วก็ระบายลมหายใจเล็กน้อยตลอดชีวิตสิบแปดปีของพันวารีชิงชังรังเกียจและเบื่อหน่ายที่บิดาของตนเองมากภรรยาเป็นที่สุด  มิคาดพอได้ชาติภพใหม่ตนเองจะตกลงมาอยู่ในสังคมศักดินาไม่พอยังมาอยู่ท่ามกลางสังคมที่การมีอนุภรรยาหรือเมียน้อยได้มากกว่าสี่เป็นเรื่องปกติทั่วไปและเหมือนการมีภรรยายิ่งมากจะยิ่งบ่งบอกว่าบุรุษผู้นั้นประสบความสำเร็จในทุกด้านอีกด้วย  ...สวรรค์มีภพชาติใดที่นางไปเป็นชู้รักของเทียนโฮ่วของท่านหรือ สองชาติภพนี้นางจึงมิอาจหลุดพ้นไปจากกรงกรรมกรงเกวียนนี้ไปได้สักครา...  …ขวับ!…ซ่า!...  “โอ๊ย!”  เพราะมัวแต่นั่งเหม่อลอยไปหน่อยนิวส์จ้าวเล่อเยียนจึงเสียทีเจ้าหลวงจีนปลอมถูกอีกฝ่ายฟาดดาบไม้เข้าใส่สีข้างโดนต้นแขนเรียวกลมกลึงไปหนึ่งเผียะไม่พอยังเจอน้ำมนต์ทั้งอ่างทองเหลืองจนคนที่หนาวจนแข็งไปถึงเครื่องในกรีดร้องออกมาสุดเสียง  “ออกไปนะนางปีศาจร้าย...เจ้าเป็นปีศาจร้ายจากที่ใดจงเร่งกลับลงไปยังขุมนรกที่เจ้าหนีมาเดี๋ยวนี้นะ!!!”  หลวงจีนเก๊หวดนางจนต้นแขนขึ้นแนวเป็นรอยดาบไม่พอยังสาดน้ำเย็นเจี๊ยบแล้วยังมาด่านางว่าเป็นปีศาจไล่กันไปลงนรกทำเอานางพันซ์นี่ขึ้นยิ่งกว่ามีองค์ใดมาลงประทับเสียอีก  “พวกแกนะสิปีศาจร้าย!”  ...ตึง!...  ตะโกนก้องออกไปแล้วคนที่ทั้งเจ็บทั้งหนาวก็กระโดดลงจากเตียงแล้วยืนจังก้าโมโหจนหน้ามืดพอหลวงจีนเก๊ยกดาบไม้เตรียมจะฟาดลงมาที่กายของนางอีกเท้าเรียวจึงไม่รอช้าถีบอีกฝ่ายไม่เกรงใจจีวรหรือศีรษะอันโล่งเตียนกับหนังหน้าที่มากวัยกว่าบิดาสามีของนางอย่างเต็มกำลังทันที!  ...ตุ๊บ!...ผลัวะ!...ตึง!...ผลัวะ!...ตุ๊บ!...ตุ๊บ!...ซ่า!...โครม!...  “เช่นไรหนาวหรือไม่ในยามถูกน้ำมนต์จอมปลอมนี่สาด แล้วเจ็บปวดหรือไม่ในยามถูกไอ้เจ้าดาบไม้นี่ฟาดไปตามเนื้อตามตัวออกไปเลยนะไอ้พวกหัวโล้นยอมต้มตุ๋น เด็กๆ ผู้ใดอยู่ด้านนอกจับกุมให้พวกสี่คนนี้มัดรวมกันเอาไว้ที่ลานหน้าเรือนของข้าหากท่านพี่ของข้ากลับมาจงเร่งให้เขามาจับพวกมันไปขังคุกให้หมด!”  คนตัวเล็กบอบบางกลับถีบหลวงจีนเก๊ที่ตัวโตไม่ธรรมดาลงไปนอนกับพื้นไม่พอนางยังตรงไปยื้อแย่งเอาดาบไม้ท้อในมือของอีกฝ่ายมาถือแล้วทุบตีไปทั่วกายของอีกฝ่ายไม่ยั้งเป็นผลให้ศีรษะโล่งเตียนปูดบวมบางแห่งก็แตกจนโลหิตซึม เหล่าลูกสมุนอีกสามคนที่เห็นเช่นนั้นก็ต่างตกตะลึงยิ่งกว่าต้องมนต์ปีศาจเสียอีก  “สะใภ้ขออภัยท่านพ่อสามี ขออภัยท่านแม่สามีเจ้าค่ะที่เมื่อครู่ใหญ่เล่อเยียนแสดงกิริยาแปลกไปเพราะสะใภ้นั้นสลบหมดสติไปหลายวันจึงจดจำหรือกระทำบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สมควรออกไปเจ้าค่ะ”  นางเอามือสองข้างมากุมกันไว้ที่เอวด้านขวาแล้วย่อกายด้วยกิริยาทำความเคารพบิดาและมารดาสามีดังเคยงดงามมิผิดเพี้ยนไปสักนิด ก็กล่าวไปแล้วนางเพิ่งฟื้นจะให้กลายเป็นจ้าวเล่อเยียนคนเดิมชนิดเหมือนราวกับคนเดิมผู้ใดมันจะไปทำได้อย่างไรกัน นางมันสาวไทยจิตใจห้าวหาญจะหลงยุคหลงสมัยไปบ้างก็สมควรจะให้อภัยกันบ้างมิได้หรือไรนี่อันใดกันดันไปตามหลวงจีนเก๊หรือนักบวชอะไรมาก็ไม่รู้มาสาดน้ำเย็นใส่กันไม่พอยังเอาดาบไม้มาทุบตีนางอีก  ...เฮ้อ!...สะใภ้ใหญ่นี่เซ็งหนักเบอร์ห้าเลยนะเจ้าค่ะท่านแม่สามี!...  “อะ...อาเยียน...นี่อาเยียนจริงใช่หรือไม่?”  เป็นหลวนชิวเหนียงที่ใจกล้ากว่าสามีอีกแล้วซึ่งขยับเข้ามาจับตามแขนตามมือของลูกสะใภ้คนโปรดแล้วก็ดวงตาวาววับที่เห็นรอยดาบไม้ท้อทิ้งรอยเอาไว้บนต้นแขนเรียวสวยราวแท่งหยกของสะใภ้ใหญ่เข้าไปเต็มตา  “พ่อบ้านจวงให้คนจับกุมพวกหลวงจีนกับนักบวชเหล่านั้นมัดเอาไว้เช่นที่สะใภ้ใหญ่ของข้าสั่งการเดี๋ยวนี้!”  “ฮาดชิ้ว!...ท่านแม่สามีเจ้าค่ะอาเยียนหนาวมากขอเปลี่ยนอาภรณ์สักครู่จะได้หรือไม่”  “ย่อมได้สิ เอ๊าเร็วเข้าฟางหรูเสี่ยวชุ่ยมาช่วยสะใภ้ใหญ่เปลี่ยนอาภรณ์โดยเร็ว”  จากนั้นประตูเรือนของนางจึงปิดลงกั้นความสอดรู้สอดเห็นของคนภายนอกเหลือเพียงนางกับสองสาวใช้เท่านั้นทำให้จ้าวเล่อเยียนคิดว่าตนเองต้องตำหนิฟางหรูที่มากวัยที่สุดก่อนเป็นอันดับแรกก็มีอย่างที่ใดเจ้านายฟื้นคืนสติแทนที่จะไปตามท่านหมอมาตรวจอาการดันไปตามนักบวชปลอมกับหลวงจีนเก๊มารักษานางหึ!จะมารักษาหรือจะนำมาสังหารนางให้ตายอีกรอบกันแน่  “พี่ฟางหรู วันนี้ท่านทราบความผิดของตนเองหรือไม่”  ในขณะที่อีกฝ่ายนำเสื้อตัวนอกที่หนาและนุ่มมาสวมให้แก่จ้าวเล่อเยียนก็ใช้สายตา’ พิฆาต’ กวาดมองไปที่สาวใช้รุ่นท่านน้าทันทีจนฟางหรูเข่าอ่อนอย่างไม่ทราบสาเหตุ เพราะอดีตคุณหนูของนางมิเคยมีสายตาเช่นนี้มองผู้ใดมาก่อนเลยนะสิ  “มะ...มิทราบเจ้าค่ะ...”  นิวส์จ้าวเล่อเยียนที่จะขอยึดความเป็น’ คุณหนูพันซ์’ ให้ตายตนเองก็จะไม่ยอมกลับไปทนฝืนเป็นอดีตจ้าวเล่อเยียนผู้ที่ตายแล้วไปอย่างแน่นอนเพราะนางจะถือว่าบัดนี้ตนเองกำเนิดใหม่แล้ว ชีวิตนี้เป็นของตนเองอันใดที่ดีของอดีตจ้าวเล่อเยียนนางก็จะยังคงเอาไว้ส่วนอันใดที่ไม่ได้ความนางจะกำจัดทิ้งไปให้สิ้นรวมไปถึงการที่จะไม่ยอมปล่อยให้คนรับใช้ของตนเองกระทำผิดแล้วไม่สั่งสอนเด็ดขาด  “ข้าเพิ่งฟื้นเจ้าไม่ทราบจริงหรือว่าต้องไปตามผู้ใด?”  น้ำเสียงเรียบนิ่งนั้นมิได้ดุดันเกรี้ยวกราดดังในยามเมื่อครู่ที่นางเอ่ยขับไล่เหล่าหลวงจีนเก๊ ทว่ามันกลับให้ทั้งฟางหรูและเสี่ยวชุ่ยถึงกับขาสั่นพลันทรุดลงไปคุกเข่าที่พื้นตรงหน้าของจ้าวเล่อเยียนในอาภรณ์สีเขียวปีกแมลงทับซึ่งนั่งหัวไหล่ตั้งตรงลำคอเชิดขึ้นแต่พองามมือทั้งสองข้างยังคงวางซ้อนทับกันอยู่บนตัก กับสีหน้าและแววตาเรียบนิ่ง หากแต่กลับดูมีอำนาจและน่ายำเกรงอย่างที่อดีตคุณหนูรองสกุลจ้าวมิเคยมีมาตลอดวัยสิบเจ็ดปีที่ผ่านมาเลย  “ข้าจมน้ำลงไปตลอดเวลาเป็นเหล่าหลวงจีนและนักบวชเหล่านี้ที่รักษาข้าหรือว่าเป็นท่านหมอเจ้ามิแจ้งใจจริงหรือฟางหรู? ...หนาวนี้เจ้าสามสิบหนาวแล้วตลอดมาข้าเจ็บป่วยข้าหายได้ด้วยท่านหมอหรือพวกนักต้มตุ๋นเหล่านี้!?”  คำกล่าวที่แฝงการด่าทอโดยไร้คำหยาบคายแม้เพียงครึ่งคำนั้นมิใช่มีเพียงฟางหรูและเสี่ยวชุ่ยเท่านั้นที่ได้ร่วมฟังด้วยแต่ ท่านอัครมหาเสนาบดีกับบุตรชายทั้งสองและนางหลวนซื่อหรือฮูหยินเอกของใต้เท้ามู่หรงเองก็ได้ร่วมได้ยินไปด้วยเพราะพวกเขาต่างยืนรออยู่ด้านหน้าเรือนนั่นเอง  “เห็นที่ข้าคงต้องทบทวนเรื่องส่งตัวเจ้ากลับไปรั่วหยางดูเสียทีกระมังเพราะดูแล้ววัยเพียงสามสิบเจ้ายังเลอะเลือนไร้สติได้ถึงเพียงนี้”  อย่าได้กล่าวเพียงฟางหรูที่สะดุ้งเฮือก ทว่าสองผู้เฒ่าด้านนอกก็ต่างเก็บอาการอันแสนละอายใจเอาไว้ไม่อยู่เช่นกันเพราะพวกตนแทนที่จะให้ท่านพ่อบ้านใหญ่ไปเรียกท่านหมอซ่งหมอประจำตระกูลมาตรวจอาการของสะใภ้ใหญ่ทันทีที่ทราบว่านางฟื้นกลับเรียกหาหลวงจีนซินแสและนักบวชไปเสียได้ นี่ดีเท่าใดที่จ้าวเล่อเยียนนั้นฟื้นขึ้นมาแล้วแข็งแรงหาไม่หากนางอ่อนแออาจจะตายได้ด้วยการถูกดาบไม้ท้อฟาดและน้ำมนต์ปลอมจนหนาวตายจริงก็เป็นไปได้  “ท่านพ่อบ้านเร่งจัดรถม้าไปรับท่านหมอซ่งมาเดี๋ยวนี้”  เป็นอัครมหาเสนาบดีใหญ่หันไปกระซิบบอกแก่ท่านพ่อบ้านใหญ่  “เห็นทีจะช้าไปแล้วขอรับท่านพ่อ พี่ใหญ่ให้อาต๋าไปรับตั้งแต่ทราบข่าวว่าต้าซ้อฟื้นแล้วขอรับ” เป็นมู่หรงฮ่าวหรานบ้างที่หันไปกระซิบกับบิดา ส่วนเสียงภายในห้องบัดนี้ได้ยินแต่เสียงของฟางหรูที่ร้องห่มร้องไห้ฟูมฟายวิงวอนอ้อนขอว่าอย่าให้จ้าวเล่อเยียนส่งตนเองกลับรั่วหยางเลย  ...ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก...  “เล่อเยียนนี่พี่ฮ่าวเฉินเอง พี่พาท่านหมอซ่งมาดูอาการของเจ้าด้วยตนเองช่วยเปิดประตูให้พี่ด้วย”  พอเสียงด้านนอกดังมาเช่นนั้นนางจึงใช้หางตาบ่งบอกให้เสี่ยวชุ่ยเร่งไปเปิดประตู ซึ่งเด็กสาววัยสิบสี่ก็เข้าใจเร็วไวลุกขึ้นจากพื้นแล้วพุ่งกายไปเปิดประตูทันควัน  “ท่านพ่อ ท่านแม่สามี พี่ฮ่าวเฉิน พี่ฮ่าวหราน ท่านหมอซ่ง”  นางลุกขึ้นยืนและนำสองมือไปกุมทับที่ช่วงเอวด้านขวาพลางย่อเข่าลงแต่พองามแล้วจึงหันใบหน้าแย้มยิ้มส่งให้ทุกผู้หลังจากเอ่ยทักนามทุกคนอย่างถูกต้องมิผิดเพี้ยนไปแม้เพียงหนึ่งคน  “เจ้านอนลงให้ท่านหมอซ่งตรวจอาการดูหน่อยเถิด”  เป็นมู่หรงฮ่าวเฉินที่ทำหน้าที่สามีต่อหน้าทุกคนได้อย่างไม่ขาดตกหล่นด้วยการเดินตรงเข้ามาประคองให้กายของฮูหยินเอกของตนทรุดลงไปนั่งและทอดกายลงนอนอย่างระมัดระวังและทะนุถนอม จากนั้นเขาก็ถอยห่างไปให้ท่านหมอซ่งกับผู้ช่วยของเขาเข้ามาตรวจอาการของจ้าวเล่อเยียนอย่างละเอียด  “ยินดีด้วยท่านอัครมหาเสนาบดี ฮูหยิน ใต้เท้ามู่หรง บัดนี้อาการและร่างกายของสะใภ้ใหญ่ล้วนแข็งแรงดีราวกับมิเคยเจ็บป่วยมาก่อนเลยขอรับ นับว่าสวรรค์เมตตายิ่งนัก”  “ท่านหมอกล่าวผิดแล้ว ที่เล่อเยียนนั้นหายดีกลับมาแข็งแรงอีกครั้งล้วนเป็นฝีมือของท่านหมอซ่งทั้งสิ้นเจ้าค่ะ เล่อเยียนขอคารวะท่านหมอซ่งจากใจที่ช่วยชีวิตนะเจ้าค่ะ แล้วก็ท่านพี่ฮ่าวเฉินด้วย...หากวันนั้นน้องมิได้ท่านพี่มาช่วยเอาไว้ทันเวลาย่อมต้องไปนอนในสุสานแล้วเป็นแน่”  เรียกว่าพอนางถูกสามีในนามประคองขึ้นลุกนั่งได้ นิวส์จ้าวเล่อเยียนก็เริ่มโปรยเสน่ห์ตั้งแต่ท่านหมอประจำตระกูลไปจนถึง’ พี่ฮ่าวเฉิน’ จนนางแอบเห็นใบหูของเขาแดงก่ำขึ้นมาทันควัน  ...หึ...หึ...หึ...  เรื่องเต๊าะหนุ่มนางพันซ์นับว่าไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ดังนั้นจะพี่ฮ่าวเฉินผู้เย็นชาที่ขยันไปเยือนแต่เรือนอนุภรรยาทั้งสามหรือจะเป็น’ พี่ฮ่าวหราน’ จงเตรียมตัวเตรียมใจรับมือกับฝีมือการ’ เต๊าะ’ ของนิวส์จ้าวเล่อเยียนได้เลย เพราะนางจะ’ เต๊าะ’ จนพวกเขาระทวยจนลืมอนุเรือนฮูหยินกันให้ถ้วนหน้าจากนั้นนางก็จะขอหย่าขาดแล้วไป’ เต๊าะ’ หนุ่มที่’ โสด’ และพร้อมจะมีนางเป็นภรรยาเพียงคนเดียวแทน บุรุษที่เห็นสตรีเป็นเพียงที่ระบายอารมณ์ใคร่ กับมองว่าสตรีเป็นเพียงไม้ดัดประดับจวนบอกเลยว่านางขอเลื่อนผ่านเพราะไร้คุณค่าสำหรับนางมาก  หนึ่งชีวิตจบไปอีกหนึ่งชีวิตเริ่มใหม่จะเป็นพันวารีหรือจะเป็นจ้าวเล่อเยียนแต่ที่นางมีเต็มเปี่ยมก็คือการเห็นคุณค่าของชีวิตตัวเอง หนึ่งชีวิตของนางมีค่าพอ นางจะรักคนที่รักนางมิใช่ทุ่มเททั้งชีวิตให้แก่คนที่ปลายเล็บเท้าเขายังไม่เคยมองเห็นว่านางมีคุณค่าว่านางงดงามคู่ควรทะนุถนอมเช่นที่มู่หรงฮ่าวหรานทำเอาไว้กับจ้าวเล่อเยียนในอดีต  “สะใภ้ใหญ่ช่างกล่าวเกรงใจไปแล้ว”  อย่าได้กล่าวถึงเพียง’ พี่ฮ่าวเฉิน’ เลยที่ถูกนางโปรยคำหวานหยอดใส่สำเร็จแม้แต่ท่านหมอซ่งผู้แก่ชราวัยเข้าเจ็ดสิบยังยิ้มแย้มโค้งกายแล้วโค้งกายอีก นางเลยเปิดเรียวปากงดงามเลยไปถึงท่านผู้ช่วยที่คงจะอ่อนวัยกว่าสองพี่สองสกุลมู่หรงอยู่ราวปีหรือสองปีจนอีกฝ่ายเสียกิริยาปล่อยใบสั่งยาหลุดมือใบหูกับลำคอแดงแปร๊ดอย่างยากจะปกปิด จนมู่หรงฮ่าวเฉินไอออกมาหลายครั้งแล้วตวัดสายตาขุ่นเขียวมอง’ แรง’ จนนางแทบจะเผลอหัวเราะออกมาเพราะคิดว่านี่ขนาดกล่าวหนักแน่นสัมพันธ์สามีภรรยาเพียงมารยาส่วนภายในระหว่างเขาและนางคือพี่ชายน้องสาวชัดเจนตั้งแต่ก่อนวันแต่งงานนะเนี่ยถ้านางและเขาเป็นสามีภรรยากันจริงสงสัย’ ท่านผู้ช่วย’ อาจมิได้ตายดีเป็นแน่  ...ก็นะ!...นางก็เพียงอยากจะทดลองเช็กเรตติ้งเท่านั้นว่าชาติใหม่ยังแซ่บอยู่เช่นเดิมหรือไม่...อิ...อิ...อิ...   
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD