บทที่ 1 ข้าสร้าง ‘นางมาร’ ขึ้นมา

1354 Words
บทที่ 1 ข้าสร้าง ‘นางมาร’ ขึ้นมา ไม่รับคำขอโทษ เสียงฝีเท้าก้าวย่างเข้ามาภายในห้องขัง เกอไป๋หลันจำเสียงฝีเท้านี้ได้ ไม่ใช่ใครที่ไหน ‘จ้าวหวงหลัน’ บุตรสาวของนางนั่นเอง สตรีที่นำตัวนางมาคุมขังเอาไว้บนยอดหอคอยสูงราวกับคุกเช่นนี้ บุตรเพียงคนเดียวของนางกลายเป็น ‘มาร’ ไปเสียแล้ว หวงหลันเข่นฆ่าผู้คนมากมาย อีกทั้งยังควักเอาหัวใจของมนุษย์มาดองไว้ในโหลแก้วนับพันนับหมื่นไห เพื่อเซ่นสังเวยแก่เทพมาร ความโหดเหี้ยมของจ้าวหวงหลันแพร่กระจายไปทั่วทุกแคว้นอย่างรวดเร็ว ทางการออกคำสั่งให้ทุกคนปิดประตูหน้าต่างลงกลอนทุกบานเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน และห้ามออกมาเดินเพ่นพ่านยามวิกาลโดยเด็ดขาด อีกทั้งยังส่งหน่วยสังหารออกตามล่า หมายบั่นคอสตรีผู้ฝักใฝ่ในลัทธิมารนอกรีตให้ดับสูญ เวลานี้บุตรของนางหาใช่มนุษย์ ไม่ใช่เด็กน้อยดวงตากลมสดใส แก้มยุ้ยระเรื่อแดงราวกับเจ้าก้อนแป้งนุ่มฟูอีกต่อไปแล้ว หวงเอ๋อร์เติบโตขึ้นเป็นสตรีที่เหี้ยมโหด ซึ่งนางเป็นผู้ที่ทำให้เด็กน้อยที่แสนน่ารักกลายเป็นเช่นนี้ “ท่านแม่ ข้ามาหาท่านแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงหวานปลุกให้หลุดออกจากห้วงภวังค์ความคิด ไป๋หลันก็แหงนหน้าขึ้นซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่บุตรสาวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าพอดี ดวงตาบอบช้ำแดงก่ำมองกรอบหน้าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดสีดำของบุตรสาวด้วยความเจ็บปวดใจอย่างสุดแสน เส้นเลือดเหล่านั้นบ่งชัดว่าหวงหลันไม่อาจหวนคืนเป็นมนุษย์อีกต่อไป นางได้ก้าวเข้าสู่ฝ่ายมารอย่างเต็มตัวเสียแล้ว “ท่านแม่ ในที่สุดท่านก็หันมามองข้าแล้ว ท่านกำลังมองมาที่ข้า กำลังยิ้มให้ข้า ข้ามีความสุขเหลือเกินเจ้าค่ะ...” หวงหลันเอื้อนเอ่ย ดวงตากึ่งเลื่อนลอย ในที่สุดนางก็ได้รับสิ่งที่นางโหยหามาทั้งชีวิต ความรักของมารดา รอยยิ้มของมารดา เสียงหัวเราะของมารดา และสายตาของมารดาที่จับจ้องมองมายังนางแต่เพียงผู้เดียว กรี๊ด! จ้าวหวงหลันใช้วิชามารกระชากมารดาให้ยกขึ้นสูง ก่อนจะทำให้เนื้อตัวของมารดาเจ็บปวดด้วยปราณมารที่แผ่ปกคลุมไปทั่วห้องขัง “เสียงกรีดร้องของท่านแม่เป็นของข้า ทุกสิ่งทุกอย่างของท่านแม่เป็นของข้า แม้แต่ชีวิตของท่านแม่ก็อยู่ในกำมือข้า ท่านแม่เป็นของข้า” “ละ...ลูกแม่ มะ...แม่ขอ ขะ...ขอโทษ” ไป๋หลันพยายามเค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ดวงตากร้าวของบุตรสาวมองมายังนางอย่างเลื่อนลอย ฉายชัดว่าคำขอโทษของผู้เป็นมารดาไม่อาจส่งไปถึงหัวใจที่แสนบอบช้ำของบุตรสาว ทว่าจังหวะนั้นเองประตูห้องขังถูกเปิดผาง ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้าวเข้ามาแล้วเงื้อดาบจ้วงแทงเข้าที่อกข้างซ้ายของจ้าวหวงหลันอย่างแม่นยำโดยที่อีกฝ่ายยังไม่ทันระวังตัว “ละ...ลูก! ไม่!” ทันทีที่บุตรสาวถูกผู้เป็นบิดาสังหาร ร่างของไป๋หลันที่ลอยกลางอากาศก็ตกลงสู่พื้น นางเบิกตากว้างมองสามี เป็นครั้งแรกที่นางได้มองเขาเต็มสองตา เขาชราลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัย แววตาของเขาแดงก่ำราวกับเจ็บปวดสุดแสน “ทะ...ท่านพ่อ” หวงหลันล้มฟุบลงไปกับพื้นเมื่อถูกบิดาสังหารด้วย ‘ดาบเทียนเหอ’ ดาบที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้เพื่อปราบมารโดยเฉพาะ ดาบที่สามารถดูดกลืนไอมารออกจากร่างพร้อมๆ กับคร่าชีวิตของผู้ถูกครอบงำให้ดับสูญ ใบหน้าของจ้าวหวงหลันซีดเผือด เส้นเลือดสีดำที่ปูดโปนค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้า ไอมารที่ปกครองจิตใจถูกดูดซับไปแทบหมดสิ้น นางฝืนยิ้มน้อยๆ มองบิดาด้วยความรัก “ขอบคุณนะเจ้าคะท่านพ่อ ขอบคุณที่ฆ่าข้า ขะ...ขอบคุณ” “ไม่ต้องทรมานแล้วนะหวงเอ๋อร์ พ่อจะพาเจ้ากลับบ้านของเรา” จ้าวซีฮั่นทรุดกายลงก่อนจะค่อยๆ ประคองร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวราวกับทะนุถนอม ดวงตาคมอาบไปด้วยหยาดน้ำตา กัดข่มสันกรามเข้าหากันจนปูดโปน “สาสมใจเจ้าแล้วสินะไป๋หลัน นี่สินะสิ่งที่เจ้าต้องการ!” ตะคอกเสียงห้วนโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามองภรรยา เขาเองก็มีส่วนผิดที่แทบไม่มีเวลาดูแลบุตรสาว เขาเอาแต่ทำงานและไม่ค่อยกลับจวนเพราะเกลียดชังภรรยาต่ำช้าจนไม่อยากเห็นหน้า จึงไม่เคยระแคะระคายเลยว่าบุตรสาวได้ฝักใฝ่ฝ่ายมารจนไม่อาจหวนกลับ เขาจึงต้องลงมือสังหารบุตรสาวด้วยตนเอง ดีกว่าให้นางถูกไล่ล่าแล้วถูกตัดหัวเสียบประจานที่กำแพงเมือง ให้นางได้หวนคืนสู่สวรรค์ในอ้อมกอดของผู้เป็นบิดาเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้ว “ข้าขอโทษ ขอโทษ” ไป๋หลันเอ่ยคำขอโทษพร้อมๆ กับเลือดที่กระอักออกมาไม่ขาดสาย ซีฮั่นไม่รับคำขอโทษ เขาอุ้มร่างไร้วิญญาณของบุตรสาวหันหลังกลับออกไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย ปล่อยให้ภรรยานอนหายใจรวยรินอยู่เบื้องหลังราวกับไม่สนใจว่านางจะมีชีวิตอยู่หรือตาย เกอไป๋หลันนอนจมกองเลือดที่กระอักออกมา นางค่อยๆ หลับตาลงช้าๆ ยอมรับความตายที่กำลังมาเยือนในไม่ช้า ทว่าจู่ๆ กลับมีแสงสว่างเจิดจ้าจนนางต้องเบิกตาขึ้นมองด้วยความงุนงง พบว่ามีหญิงสาวรูปงามดั่งเทพเซียนปรากฏกายขึ้น รอบกายเต็มไปด้วยหมอกขาวราวกับหมู่เมฆหาใช่ห้องขังอับชื้นบนหอคอยสูง ฝัน! หรือว่า ข้าตายไปแล้ว! “ไป๋เอ๋อร์ลูกรัก” เซียนสาวผู้นั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวานใสราวกับระฆังแก้วดังเสนาะหูจนรู้สึกเคลิบเคลิ้มราวกับอยู่ในห้วงแห่งนิทรารมย์ “ลูกงั้นหรือ...” ดวงตาไม่อาจสู้แสง ยิ่งพยายามเพ่งยิ่งไม่อาจมองเห็นเซียนสาวตรงหน้าได้อย่างถนัดถนี่ จนเมื่ออีกฝ่ายโน้มใบหน้าลงมา ไป๋หลันจึงได้เห็นว่าอีกฝ่ายมีใบหน้าละม้ายคล้ายนางตอนที่ยังเป็นสาวเหลือเกิน “แม่จะให้เจ้าได้หวนคืนกลับไปแก้ไข เจ้าต้องการหรือไม่เล่าลูกรัก” “หวนคืนหรือเจ้าคะ” เกอไป๋หลันย้อนถามเสียงหลง ประกายตาแห่งความดีใจไหววูบ หากนางได้หวนคืนนางจะไม่เดินบนเส้นทางที่ผิดพลาดอีก นางจะทำทุกอย่างเพื่อให้บุตรสาวเติบโตขึ้นอย่างมีความสุข และจะหย่าขาดคืนอิสระให้แก่สามีเพราะนางแอบรู้มาว่าเขามีสตรีที่พึงใจ เป็นศิษย์ร่วมสำนักเดียวกัน แต่จำต้องแต่งงานกับนางทั้งที่ไม่ได้รัก เร็วกว่าความคิดเกอไป๋หลันรีบพยักหน้าตอบรับทันที ขอเพียงได้แก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดในอดีต ต่อให้ต้องแลกด้วยอะไรนางก็พร้อมจะยอมแลก “ได้โปรด ข้าขอโอกาสหวนคืนเจ้าค่ะ” “เช่นนั้นข้าจะให้พรแก่เจ้าหนึ่งประการ เจ้าจะสามารถใช้ ‘สัจจะซ่อนเร้น’ ได้สามครั้ง เพียงมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่ายแล้วเอ่ยคำว่าสัจจะซ่อนเร้น เจ้าจะสามารถล้วงความจริงของอีกฝ่ายที่มีต่อเจ้าได้ภายในระยะเวลาครึ่งเค่อ[1] จงจำไว้ให้ดีว่าเจ้าจะใช้ได้เพียงสามครั้งเท่านั้น” “สะ...สามารถล้วงความจริงได้งั้นหรือเจ้าคะท่านเซียน” หญิงสาวทวนถามด้วยความงุนงงกว่าเดิม นางกำลังอ้าปากคล้ายจะถามอีก ทว่าแสงสว่างกลับเจิดจ้าขึ้นจนภาพเบื้องหน้าทั้งหมดเลือนหายก่อนที่สติสัมปชัญญะจะดับวูบเหลือทิ้งไว้เพียงความมืดมิด [1] 1 เค่อ เท่ากับ 15 นาที / ครึ่งเค่อ เท่ากับ 7-8 นาที
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD