“พี่คริสจะทำหน้าบึ้งแบบนั้นทำไม น้องแค่มาขอกินข้าวเอง” น้องชายฝาแฝดหรี่ตาจับผิดพี่ชาย ตั้งแต่เห็นอชิวาระมองมาริษาไปจนลับสายตา สงสัยขึ้นมาตงิด ๆ ไหนบอกไม่รักเมีย และไม่คิดที่จะรัก แต่ดูจากอาการแล้วไม่น่าจะเป็นอย่างที่พูด
“เปล่า ใครหน้าบึ้งไม่มี คิดมาก” เขาปฏิเสธเสียงแข็งพลางเอามือขึ้นมาโบก ก่อนจะคว้าแก้วน้ำตรงหน้าขึ้นมาดื่มแก้กระหาย ดวงตาทั้งสองข้างไม่กล้ามองน้องชายตรง ๆ ราวกับมีเรื่องกำลังปิดบัง
“ก็พี่ไง เห็นอยู่ชัด ๆ เต็มสองตา ใช่ไหมครับหลานสุดที่รักของอาครูซ”
“ช่ายยยยยยยคับ ปาป๊าทำหน้าดุเหมือนยักษ์เลย แบบนี้”
เด็กน้อยแสดงสีหน้าเลียนแบบบิดาได้เหมือนเป๊ะทำให้คุณอาหัวเราะร่วน ชอบใจที่หลานชายมีนิสัยทะเล้น เข้ากับตนเองเป็นปี่เป็นขลุ่ย
“ฮ่า ๆ ๆ ๆ น้องรักทำได้เหมือนมากเลยครับ เอาไปเลยรางวัล”
อชิระกรี๊ดกร๊าดด้วยความชอบใจที่โดนคุณอาเดินมาหาแล้วจับฟัดพุงป่อง ๆ ประจวบเหมาะกับที่มาริษาถือจานข้าวกลับมาพอดี
“โดนคุณอาจับฟัดอีกแล้ว หัวเราะชอบใจใหญ่เลยนะเรา นี่คะพี่ครูซ ข้าวสวยกับไข่เจียวร้อน ๆ พร้อมรับประทาน”
มาริษาวางถาดที่มีข้าวสวยกับไข่เจียวลงตรงหน้าผู้ชายที่ตนเองนับถือเป็นพี่มาตั้งแต่เด็ก ก่อนจะเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ตามเดิม หาได้สนใจใบหน้าบึ้งตึงของสามีที่กำลังมองมา
“ขอบคุณครับ น้องริรู้ใจพี่เสมอเลย” อธิวราห์ยิ้มรับพลางเหลือบไปมองใบหน้าของพี่ชาย
“หึงเมียแน่นอน แบบนี้ พวกปากกับใจไม่ตรงกัน”
เขาคิดในใจไม่ได้พูดออกมา พลางคิดว่าเรื่องนี้ต้องถึงหูมารดาคนสวย มุมปากของชายหนุ่มจึงยกยิ้มเล็กน้อย โดยที่อชิวาระไม่เห็นเพราะมัวแต่สนใจภรรยา
จากนั้นห้องรับประทานอาหารก็มีแต่เสียงพูดคุยของมาริษา อธิวราห์ และอชิระอย่างสนุกสนาน ต่างจากเจ้าบ้านที่นั่งนิ่งฟังภรรยาและน้องชายคุยกันด้วยความรู้สึกแปลก ๆ หัวใจของเขาเริ่มคันยุกยิก ๆ เมื่อได้เห็นใบหน้าสดใสของมาริษาเวลาคุยกับอธิวราห์ ต่างจากตอนที่เธอคุยกับตนเองอย่างสิ้นเชิง
จวบจนเวลาผ่านไปสักพัก หลังจากย้ายกันมานั่งคุยกันในห้อง ที่เต็มไปด้วยของเล่นของเด็กน้อย คุณอาสุดหล่อก็ขอตัวกลับก่อน เพราะมีธุระต้องไปทำต่อ เด็กชายอชิระถึงกับหน้าหงอยเมื่อรู้ว่าอธิวราห์จะไปแล้ว ลำบากมารดาต้องเกลี้ยกล่อมอยู่นานสองนาน
“เอาไว้วันหลังอามาเล่นด้วยอีกนะ วันนี้อาต้องไปทำธุระก่อน”
“สัญญานะคับอาครูซ”
“สัญญาครับ พี่ไปก่อนนะน้องริ มีอะไรโทรหาพี่ได้เสมอ”
“ค่า ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ริโตแล้ว”
“ผมไปก่อนนะครับพี่คริส”
“อืม”
หลังจากน้องชายเดินออกไป อชิวาระก็หันมาจ้องหน้าภรรยาของตนเองทันที ราวกับว่าเธอไปทำอะไรให้เขาโกรธอย่างไรอย่างนั้น ใบหน้าของคนเป็นสามีจึงบูดบึ้ง ยิ่งกว่าตอนที่น้องชายฝาแฝดยังอยู่ด้วย
ตอนนี้ชายหนุ่มบอกไม่ได้เหมือนกันว่า ตนเองเป็นอะไร
รู้เพียงแต่ว่า ไม่ชอบเลยที่เห็นมาริษาให้ความสำคัญกับอธิวราห์มากกว่าเขาผู้ซึ่งเป็นสามี
“ดูเธอจะสนิทกับไอ้ครูซจังเลย”
“ริกับพี่ครูซก็สนิทกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่คะ ทำไมพี่คริสถามแปลกจัง”
“เอ่อ ก็... ฉันได้ยินไอ้ครูสมันบอกว่า ถ้าเธอมีปัญหาอะไรให้โทรหามันได้ตลอด เธอมีปัญหาอะไรก็ต้องบอกฉันก่อนสิ เธอจะไปบอกไอ้ครูซมันทำไม”
“บอกพี่คริสได้เหรอคะ ทุกวันนี้เราอยู่ด้วยกันเหมือนคนแปลกหน้า ถ้าไม่ใช่เรื่องของลูก พี่คริสไม่ฟังหรอกค่ะ อย่าพูดเหมือนตัวเองใส่ใจริเลย”
หญิงสาวเอ่ยตามจริง น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความขมขื่น มองหน้าผู้ชายที่ได้ชื่อว่าสามีด้วยความรู้สึกเจ็บและขอโทษในคราวเดียว แต่ก่อนที่สองสามีภรรยาจะโต้เถียงไปมากกว่านี้ ก็ได้ยินลูกชายเอ่ยขัดจังหวะ
“มามี้กับปาป๊าทะเลาะกัน อาครูซบอกว่าถ้ามามี้กับปาป๊าพูดเสียงดัง แสดงว่าทะเลาะกัน เมื่อกี้พี่รักได้ยินมามี้กับปาป๊าคุยเสียงดัง”
เด็กน้อยมองหน้าบิดาสลับกับมารดาด้วยความสงสัย เขาจำได้ว่าเวลาผู้ใหญ่เสียงดังใส่กันคือการทะเลาะ อาครูซสอนแบบนั้นและเขาก็จำได้
“ใครว่าครับมามี้กับปาป๊าไม่ได้ทะเลาะกัน เราแค่คุยกันเท่านั้นเอง จริงไหมคะปาป๊า” มาริษาหันไปถามสามีพร้อมกดดันทางสายตา ให้สามีเออออห่อหมกเพื่อไม่ให้ลูกเสียใจ
“จริงครับ ผู้ใหญ่บางทีเขาก็ต้องคุยกันเสียงดังแบบนี้แหละ”
“แต่อาครูซ” / “พี่รักต้องเชื่อปาป๊า ไม่ต้องไปเชื่ออาครูซหรอก”
“ปาป๊าต้องจุ๊บ ๆ มามี้ก่อน มามี้ต้องจุ๊บ ๆ ปาป๊าด้วย อาครูซบอกว่า คนจุ๊บ ๆ กันคือคนรักกัน”
“ได้สิครับทำไมปาป๊าจะทำไม่ได้”
ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม รีบจับใบหน้าของภรรยาเข้ามาใกล้แล้วประทับจูบลงไปบนแก้มแน่น ๆ หนัก ๆ ก่อนจะทำแก้มป่องให้มาริษาจูบคืน หญิงสาวไม่มีทางเลือกจึงเอาปากไปสัมผัสที่แก้มของสามีเบา ๆ ก่อนจะผละออกมาอย่างรวดเร็วด้วยความขวยเขิน เพราะนับครั้งได้ที่เธอจะหอมแก้มเขา
“เย้ ๆ มามี้กับปาป๊าไม่ได้ทะเลาะกันจริงด้วย พี่รักดีใจที่สุดเลยคับ”
เด็กน้อยยิ้มแป้นด้วยความดีใจ ที่บิดามารดาไม่ได้ทะเลาะกัน จึงวิ่งไปทั่วห้องของเล่นของตนเอง ก่อนจะวิ่งกลับมาบอกรักสองสามีภรรยาด้วยความไร้เดียงสา
บรรยากาศตึงเครียดระหว่างสองสามีภรรยาจึงผ่อนคลายลง ท่ามกลางความสงสัยของอชิวาระว่าตนเองเป็นอะไร ทำไมถึงได้หงุดหงิด ยามที่เห็นมาริษากับน้องชายฝาแฝด พูดคุยกันอย่างสนิทสนม และทำไมต้องโมโหด้วย ที่ภรรยาดูให้ความสำคัญกับอธิวราห์มากกว่าตนเอง