ซ่า ซ่า ซ่า
เสียงน้ำกระเซ็นจากฝักบัวดังอยู่ในห้องน้ำ ร่างเล็กชะโงกเข้าไปภายในห้องใหญ่พยายามเปิดปิดประตูให้เบามือที่สุดเพื่อไม่ให้คนข้างในได้ยิน หลังจากกลับไปชั่งใจที่บ้านอยู่ครู่หนึ่งจังตัดสินใจมาเอาของคืน เมื่อแอบดูต้นทางอยู่ครู่หนึ่งจนแน่ใจแล้วว่าสมใจไม่ได้อยู่ในตัวบ้าน สายป่านจึงย่องไปที่หลังเรือนเพื่อแอบหยิบกุญแจสำรองของห้องนอนเจ้านายหนุ่มแล้วนำมาไขที่ห้องนอนชั้นบนฝั่งริมสุดด้วยความคล่องแคล่ว
ทุกส่วนภายในบ้านตนรู้ดีเพราะเคยมาช่วยสมใจทำความสะอาดอยู่บ่อยครั้ง จนครั้งล่าสุดที่ทำให้หญิงสาวรู้สึกขยาดไปเลยก็คงจะเป็นครั้งที่ขึ้นมาทำความสะอาดชั้นสองของบ้านแล้วมาเห็นบทรักแสนเร่าร้อนของเตมินทร์และแฟนสาวที่เขาหิ้วขึ้นเกาะมาด้วย นับแต่นั้นต่อให้สมใจเอาอะไรมายั่วสายป่านก็ไม่กล้ามาอีกเลยมิหนำซ้ำยังรู้สึกกลัวและรังเกียจชายหนุ่มไปด้วย
ร่างเล็กยืนนิ่งอยู่หลังประตูครู่หนึ่ง กรอกตามองซ้ายทีขวาทีด้วยความระมัดระวัง กระทั่งได้ยินเสียงฝักบัวในห้องน้ำจึงทำให้หญิงสาวโล่งใจไปเปราะหนึ่ง สองเท้าเล็กจึงค่อยๆย่องไปรอบๆห้องเพื่อหาจดหมายรักหวานแหววของเธอ ค้นหาในลิ้นชักทุกชั้น ตู้ใส่ของทุกซอกก็ไม่มีวี่แวว สายป่านจึงเปลี่ยนเป้าหมายไปที่ห้องแต่งตัวซึ่งอยู่ใกล้ๆกับห้องน้ำแทน
“บางทีเขาอาจจะเก็บมันไว้ในกระเป๋าเสื้อที่เขาเพิ่งใส่เมื่อกี้ก็ได้” คิดได้ดังนั้นร่างเล็กจึงค่อยเลื่อนประตูให้เปิดออกช้าๆ ก่อนจะตรงดิ่งไปที่ตะกร้าผ้า ควานหาซองจดหมายในกระเป๋าเสื้อและกางเกงทุกซอกทุกมุม จนในที่สุดเธอก็เจอ “เจอจนได้ หวังว่าอีตานั่นคงไม่ได้เปิดอ่านมันหมดทุกบรรทัดหรอกนะ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าทันทีเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการ จึงจัดการเก็บเสื้อผ้าไว้ในตะกร้าเรียบร้อยแล้วจึงหมุนตัวเดินกลับออกไป ทว่ากลับพบกับร่างของเจ้าของห้องยืนขวาประตูห้องแต่งตัวนั้นไว้เสียก่อน รอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้าจึงหุบลงทันที
“นะ...นาย”
เสียงใสดังขึ้นในลำคอ รีบเก็บจดหมายที่ถือไว้ในมือซุกไว้ด้านหลัง จ้องมองร่างสูงใหญ่เบื้องหน้าซึ่งมีแค่ผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเอาไว้ ผมสีชาเปียกลู่น้ำจนมันไหลมาที่ไหล่กว้างลากมาจนถึงกล้ามหน้าท้องที่เป็นลอนคล้ายลูกคลื่นดูสวยงาม ทันทีที่จ้องมองร่างนั้นภาพวันก่อนก็ฉายขึ้นมาในหัวอัตโนมัติจนหน้าแดงหูแดงขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย รีบหลบสายตาจากเขาด้วยความว่องไวเพราะเกรงว่าเขาจะจับได้ว่าเธอกำลังคิดอกุศล
“เข้ามาถึงที่นี่ จะมาขโมยของรึไง” น้ำเสียงนุ่มทุ้มเอ่ยถามพลางย่างสามขุมเข้ามาในห้อง ร่างเล็กที่ยืนสั่นเป็นลูกนกจึงรีบถอยกรูดด้วยความรวดเร็ว
“ฉันไม่ได้มาขโมยอะไรสักหน่อย ฉันมาเอาของฉันคืนต่างหาก” คนถูกกล่าวหาตอบหน้าตาเฉย แต่ยังไม่ยอมหันมามองหน้าอีกคน
“แล้วทำไมต้องหลบตาด้วย มีพิรุธนะเนี่ย”
“พิรุธบ้าอะไร ดูสภาพคุณตอนนี้สิ ใครเขาอยากดูกัน”
“ทำไม...เห็นสภาพฉันตอนนี้แล้วนึกถึงวันนั้นเหรอ” คำตอบของสายป่านทำให้ชายหนุ่มยิ้มกริ่ม เขาค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ร่างเล็กอีกครั้ง จนอีกคนขยับหนีแผ่นหลังแนบชิดกับฝาผนัง
“ทุเรศ หน้าตาก็ดีแต่ในหัวมีแต่เรื่องลามก ออกไปเดี๋ยวนี้อย่าเข้ามานะ” นิ้วชี้เรียวจิ้มไปบนอกกว้างเปลื่อยเปล่าของเขาเพื่อออกแรงดันให้ร่างนั้นขยับถอยห่างออกไป
“ฉันรู้นะว่าเธอยังจำภาพที่เห็นวันนั้นได้...” เขาแกล้งก้มลงกระซิบใกล้กับแก้มเนียนใสอย่างจงใจ กลิ่นแป้งเด็กอ่อนๆจากกายสาวมันทำให้สติเตลิดขึ้นมาอย่างง่ายดาย “...ไม่อยากโดนแบบนั้นบ้างเหรอ ลองดูได้นะ...บางทีเธออาจจะติดใจก็ได้”
“พอสักทีเถอะ ทุเรศ!” สายป่านออกแรงเฮือกสุดท้ายผลักร่างเขาให้ออกห่าง มือที่ถือจดหมายไว้กำแน่นจนกระดาษนั้นยับยู่ยี่
“ไม่เอาน่า เธอกำลังมีความรักอยู่ไม่ใช่เหรอ ฉันสอนให้ก่อนดีไหม”
“ถ้าฉันไม่เห็นแก่คุณท่านที่มีพระคุณต่อครอบครัวฉัน ฉันต่อยหน้าคุณไปแล้ว” ร่างเล็กแยกเขี้ยวแล้วจึงเดินกระแทกไหล่หนาของเขาออกจากห้องแคบๆนี้ไป แต่ท่อนแขนแข็งแรงนั้นกลับยื่นมาขวางประตูไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวก่อนสิ เข้ามาเอาของแล้วจะออกไปง่ายๆแบบนี้เหรอ”
“ฉันไม่ได้เอาของอะไรของคุณออกไปเลย แล้วทำไมต้องมีข้อแลกเปลี่ยนด้วย”
“ก็นั่นไง จดหมายนั่น” ร่างสูงชี้ไปที่จดหมายในมือเล็ก สายป่านจึงรีบซ่อนมันไว้ในกระเป๋าทันทีเพราะกลัวว่าเขาจะแย่งมันไปอีก
“มันเป็นของฉัน คุณต่างหากที่เป็นคนแย่งมันมา”
“ก็ฉันบอกเธอแล้วว่าตราบใดที่เธอยังไม่ยอมพูดจาดีๆกับฉัน ฉันก็จะไม่มีวันคืนมันให้เธอ” นิ้วชี้ของเขาจรดที่หน้าผากมน เขาออกแรงผลักเล็กน้อยแต่ใบหน้าหวานกลับหงายหลังไปอย่างง่ายดาย
“ก็บอกแล้วไง ว่าชาติหน้าตอนบ่ายโน่น หลีกไป! ฉันจะกลับบ้าน”
“หึ” เตมินทร์ยกยิ้มมุมปากหัวเราะออกมาเบาๆ เมื่อเห็นกิริยาแก่นแก้วของแม่สาวตัวแสบจนอยากจะจับมาตีก้นเสียให้เข็ด “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องเอาจดหมายคืน”
พูดจบจึงเลื่อนตัวไปด้านหลัง ใช้แขนแข็งแรงโอบรัดลำคอระหงของสายป่ายเอาไว้ด้วยความรวดเร็ว ส่วนอีกมือเอื้อมไปหยิบซองจดหมายนั้นจากในกระเป๋ากางเกงออกมาถือไว้อย่างง่ายดายจนลืมไปเสียสนิทว่าตัวเองมีแค่ผ้าขนหนูผืนเดียวปกปิดกาย
“เอาคืนมานะเว้ย!” หญิงสาวตะคอกเสียงดังพลางหันตัวกลับไปเพื่อยื้อแย่งจดหมายนั้นคืนมาโดยไม่ทันได้ระวังทำให้ข้อเท้าพลิกเสียหลักล้มลงไปนอนกองกับพื้น พร้อมกับผ้าขนหนูผืนหนาติดมือไปด้วย
“กรี๊ด!” เสียงกรีดร้องดังออกมาจากปากเล็กเมื่อเงยหน้าขึ้นไปพบกับเจ้ามังกรยักษ์ที่กำลังหลับไหลของเขากำลังจ่ออยู่ตรงหน้าในระยะประชิด
“เห้ย!” เจ้าตัวเองก็ร้องเสียงหลงรีบใช้มือปกปิดสิ่งที่น่าอับอายของตัวเองเอาไว้ ทั้งๆที่รู้ดีว่ามันปิดยังไงก็ไม่มิดก่อนจะก้มลงหยิบผ้าจากในมือเล็กขึ้นมาพันท่อนล่างไว้ตามเดิมในทันที
“ไอ้โรคจิต ไอ้เลว ไอ้บ้า!” เสียงก่นด่าสารพัดสารเพดังออกมาจากปากเล็กไม่หยุดหย่อน จนชายหนุ่มต้องรีบดีดตัวไปนั่งปิดปากเล็กนั่นเอาไว้เพราะเกรงว่าสมใจได้ยินแล้วเดี๋ยวจะพาลเป็นเรื่องใหญ่ไปอีก
“ฉันยังไม่ทันได้ทำอะไรเธอสักหน่อย จะร้องทำไมฮะ!”
“อื้อ!” คนที่ถูกมือหนาปิดปากเอาไว้ยังไม่สิ้นฤทธิ์ หญิงสาวพยายามดิ้นหนีจากอ้อมกอดเปลื่อยเปล่าของเขาสุดแรง ชายหนุ่มจึงต้องกระซิบขู่อีกรอบที่แก้มเนียนนั่น ทำเอาเจ้าหล่อนต้องยอมสยบแต่โดยดีในที่สุด
“ถ้าเธอยังร้องอีกล่ะก็ คราวนี้เธอจะไม่ได้แค่เห็นแน่!”
เมื่อเห็นว่าสายป่านยอมนั่งนิ่งตามคำขู่ เตมินทร์จึงละจากร่างเล็กแล้วเดินไปเปิดประตูเสื้อผ้าทันทีราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นในขณะที่ยังคงถือซองจดหมายไว้ในมือแน่นตามเดิม
ส่วนอีกคนจึงรีบลุกขึ้นบ้างจะได้ออกไปจากที่นี่เสียที แต่ไม่ทันจะได้ลุกความเจ็บปวดตรงข้อเท้าพุ่งปรี๊ดขึ้นมาเสียก่อนจนต้องทรุดตัวนั่งลงบนพื้นเย็นเฉียบตามเดิม
“เอ้า! เป็นอะไรไปอีกล่ะ หรือว่าจะเอาจริงๆ” ชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อเห็นสายป่านยังไม่ยอมออกไปจากห้อง
“จะบ้ารึไง ฉันเจ็บเท้าต่างหาก”
“อ่อ...หมายความว่า อยากให้ฉันอุ้ม”
“ไม่จำเป็น” หญิงสาวค้อนขวับพลางประคองกายให้ลุกขึ้นแต่ก็ต้องล้มลงไม่เป็นท่าตามเดิมอีกครั้ง จนร่างสูงอดขำในความดื้อรั้นนั้นเสียไม่ได้
“รอแป๊บนึงละกัน ฉันขอใส่เสื้อผ้าก่อน ขืนอยู่ในชุดนี้แล้วไปอุ้มเธอ ถ้าเกิดตัวเธอมาโดนอะไรในตัวฉันเข้า คราวนี้ฉันไม่รับรองหรอกนะว่าจะปล่อยเธอกลับไปสภาพไหน” คำพูดของเขาทำให้แม่สาวตัวดีกัดฟันกรอดอย่างนึกเจ็บใจ แต่ก็ต้องยอมนั่งหันหลังอยู่แบบนั้นจนกระทั่งเจ้าของห้องแต่งตัวเสร็จ เขาจึงก้มลงมาประคองร่างนั้นขึ้นมาอุ้มอย่างเบามือแล้วเดินออกจากห้องลงบันไดไปอย่างเงียบๆ ไม่ทันที่จะเดินออกไปถึงประตูใหญ่หน้าบ้าน สายฝนเม็ดใหญ่ก็สาดเทลงมาเสียก่อน
“อะไรมันจะซวยขนาดนี้วะ” สายป่านซึ่งยังอยู่ในอ้อมกอดของร่างสูงบ่นพึมพำ
“เอายังไงดีล่ะทีนี้” เขาก้มหน้าเอ่ยถามอย่างกรุ่มกริ่ม
“ปล่อยฉันได้แล้ว เดี๋ยวพี่สมใจก็มาเห็นหรอก” มือเล็กทุบลงบนอกกว้างเบาๆ แต่เขาก็ยังยืนเฉยตามเดิมไม่สะทกสะท้านอะไรก่อนจะเดินหันกลับขึ้นห้องไปตามเดิม จนร่างที่เขากำลังอุ้มอยู่เบิกตาโตด้วยความตกใจ
“คุณจะพาฉันไปไหน ปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”
“เอ้าก็เธอบอกเองนี่ว่ากลัวสมใจมาเห็น ฉันก็ต้องพาเธอกลับเข้ามาในห้องนี่ไง” เขาตอบหน้าตาเฉยก่อนจะวางร่างนั้นลงบนเตียงนอนหนานุ่มอย่างเบามือ
“ฉันจะกลับบ้าน!”
“เธอไม่เห็นรึไงว่าฝนมันตก ทะเล่อทะล่าออกไปเดี๋ยวก็ไม่สบายอีก”
“แต่ฉัน...”
“พูดอีกคำเดียวฉันปล้ำจริงๆนะ” ร่างสูงตัดบทพร้อมกับทำท่าทางว่าเขาไม่ได้แค่ขู่ สายป่านจึงต้องยอมนั่งหน้างอต่อไป เหลือบมองไปที่หน้าต่างห้องนอนด้วยความกังวลใจป่านนี้สายน้ำจะกลับถึงบ้านหรือยังหนอ แต่เมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่กำลังลูบไล้อยู่ตรงข้อเท้า หญิงสาวจึงละสายตาจากบานหน้าต่างจ้องมองมายังชายหนุ่มตรงหน้าทันที ก่อนจะพบว่าเขากำลังค่อยๆบีบนวดให้เธออย่างเบามือ
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวฉันกลับไปให้พี่น้ำดูให้ก็ได้”
“นั่งนิ่งๆไม่แหกปากจะตายไหม” คำพูดแสนเจ็บแสบดังออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า นี่ถ้าไม่เห็นหน้าคงจะคิดว่าเขาเป็นคนไทยแท้ๆเสียอีก
ถึงแม้จะไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักแต่หญิงสาวก็ต้องยอมนั่งให้เขานวดเท้าให้แต่โดยดี แต่ก็ต้องแกล้งละสายตามองไปรอบๆห้องอยู่บ่อยครั้งเพราะภาพเจ้ามังกรยักษ์ของเขามันยังลอยติดตาไม่ไปไหน