2 : ทวงหนี้

1729 Words
2 : ทวงหนี้ โรงหมออานฉวน “คุณหนูหลิน” ผู้ดูแลลู่รีบเข้ามาทักทายหลินซือเยว่ด้วยสีหน้าเป็นมิตร “ข้ามาทวงหนี้” นางไม่อ้อมค้อมสักคำ ทำเอาผู้ดูแลลู่ถึงกับผงะถอยหลังไปเล็กน้อย ท่าทางเย็นชาทว่าสูงส่งของหลินซือเยว่ ไม่เหมือนคนกำลังเอ่ยวาจาทวงหนี้แม้แต่น้อย “คุณหนูหลินเหตุใดถึงรีบร้อนมาทวงเงินแล้วล่ะ ไม่ใช่ว่าตกลงกันไว้ว่าอีกสองเดือนหรืออย่างไร” เห็นผู้ดูแลลู่มีท่าทีสงสัย เผิงฉือจึงเอ่ยแทนผู้เป็นนาย “ผู้ดูแลลู่ความจริงแล้วคุณหนูมีเหตุจำเป็น ต้องได้ใช้เงินอย่างเร่งด่วน ท่านพ่อของคุณหนูส่งคนมารับกลับตระกูลหลินที่อยู่ในเมืองหลวง แต่รถม้าที่มารับกลับล้อหักเสียหาย คนขับรถม้านั้นไม่มีเงินติดตัวมาด้วย เกรงว่าทางโน้นจะลืมคิดเรื่องพวกนี้ไป คุณหนูเลยจำใจมาทวงเงินค่าสมุนไพร ที่โรงหมอของท่านติดค้างเอาไว้ หวังว่าผู้ดูแลลู่จะเห็นใจสตรีสองคนนายบ่าว ที่ต้องเดินทางไกลไปถึงเมืองหลวงโน่น” ผู้ดูแลลู่ได้ยินแล้วถึงกับชะงักงันไปอึดใจหนึ่ง “เช่นนี้หรอกรึ” “สรุปแล้วเจ้ามีเงินคืนข้าหรือไม่” หลินซือเยว่รู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย “มีขอรับคุณหนูหลิน นายท่านได้แยกเงินที่ต้องคืนคุณหนูหลินเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว เพียงแต่ว่าเก็บได้แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น” ผู้ดูแลลู่ทำหน้าลำบากใจเล็กน้อย นอกจากค่าสมุนไพรที่หลินซือเยว่นำมาขายให้ที่นี่แล้ว ยังมีค่ารักษาคนไข้ ที่ยากเกินความสามารถของโรงหมออานฉวนอีกด้วย นับรวมทั้งหมดได้ห้าคนพอดิบพอดี ค่าสมุนไพรไม่เท่าไหร่เพียงสามร้อยตำลึง แต่ค่ารักษาคนไข้อาการหนักห้าคนนี้ ตกคนละสองร้อยตำลึงเลยทีเดียว “ครึ่งหนึ่งคือเท่าใด” หลินซือเยว่ไม่เคยจดบันทึก นางค่อนข้างไว้ใจโรงหมออานฉวน “ติดค้างไว้ทั้งหมดหนึ่งพันสามร้อยตำลึงขอรับ ตอนนี้ที่เก็บไว้มีเพียงหกร้อยห้าสิบตำลึงเท่านั้น” “เอาที่มีทั้งหมดนั่นมาให้ข้าก่อน ที่เหลือฝากผู้ดูแลลู่มอบเป็นค่าธูปเทียนน้ำมันตะเกียง แก่อารามไท่ผิงกวนด้วย” หากมอบเป็นค่าธูปเทียนน้ำมันตะเกียงแก่อารามไท่ผิงกวน เช่นนั้นคงไม่ต้องรีบร้อนคืน ผู้ดูแลลู่ยิ้มรับในทันที “ได้ขอรับคุณหนูหลิน เช่นนั้นรบกวนคุณหนูหลิน ลงลายมือชื่อบนสมุดบันทึกหนี้ด้วยขอรับ” เงินมาลายมือชื่อไป แต่เหมือนหลินซือเยว่จะนึกบางเรื่องขึ้นมาได้ “จัดย่ามยาสามัญให้ข้าด้วยหนึ่งชุด” “ได้ขอรับคุณหนูหลิน” ผู้ดูแลลู่ไม่คิดมาก ย่ามยาสามัญเป็นสิ่งที่โรงหมอมีพร้อม ไม่ใช่เรื่องยากเย็นอันใด อีกทั้งราคาไม่ได้แพงมากนัก สามารถหักออกจากเงินที่ต้องใช้คืนได้ นี่เป็นเพียงลูกหนี้รายแรก ในอำเภอฝูแห่งนี้ยังมีลูกหนี้ของหลินซือเยว่อีกสามราย หนึ่งนายอำเภอฝู สองเถ้าแก่ภัตตาคารชื่อดัง สามโรงประมูลสินค้า สามรายนี้เรียกลูกหนี้ไม่ค่อยเหมาะสมเท่าใดนัก คงต้องเรียกว่าเป็นสถานที่ฝากเงินเอาไว้มากกว่า หลินซือเยว่รู้ดีว่าอาจารย์ของตนนั้น มีนิสัยเห็นเงินไม่ได้ เป็นอันต้องเอาไปใช้จ่ายอย่างสุรุ่ยสุร่าย หลัก ๆ มักลงที่สุรากับนารี นางรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เกือบจะบาปหนากลายเป็นศิษย์เนรคุณไปเสียแล้ว จึงเลือกวิธีสุดท้ายออกมา บอกไปว่าร่างกายของนางไม่แข็งแรง จึงงดรับการรักษาไปก่อนภายในครึ่งปี ทั้งสามแห่งนางไม่ได้ไปทวงด้วยตัวเอง แต่ให้เผิงฉือเป็นคนถือจดหมาย พร้อมป้ายประจำตัวไปจัดการแทน ตัวนางนั้นไปเลือกซื้อรถม้าคันใหม่ ม้าตัวนั้นนางดูแล้วมันยังแข็งแรง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยน เพียงแต่ต้องให้หญ้าคุณภาพดีมากหน่อย หลินอ้ายตกใจเป็นอย่างมาก หลังจากเห็นรถม้าคันใหญ่ พร้อมกับของกินของใช้บรรจุมาเต็มคันรถ อีกทั้งยังมีหญ้าคุณภาพดีมาให้ม้ากินอีกด้วย เขาไม่กล้าแม้แต่จะปริปากบ่นอันใดอีก เพราะซาลาเปาไส้เนื้อสามลูกโต ๆ ถูกยื่นมาตรงหน้า “รีบกินซะ จะได้เดินทางต่อ” เผิงฉือเป็นคนเอ่ย จากนั้นนางก็เข้าไปปูผ้านวมบนรถม้า เตรียมของกินเล็ก ๆ น้อย ๆ ใส่ตามช่องลิ้นชักใต้เบาะนั่ง เตรียมให้หลินซือเยว่ไว้กินระหว่างทาง นางอารมณ์ดีไม่น้อยเงินที่ไปทวงมาจากสามแห่งนั้น รวมกันแล้วเกือบสามพันตำลึง ไม่คิดว่าคุณหนูของนาง สามารถเก็บซ่อนเงินจากเจ้าอาวาสชุน ได้มากมายถึงเพียงนี้ เสียดายที่ตามกฎชะตาฟ้า นางต้องนำเงินไปทำบุญที่อารามเต๋าครึ่งหนึ่ง ในจดหมายระบุไว้เป็นอย่างดี ว่าต้องบริจาคเงินให้อารามในช่วงเวลาใด หลินซือเยว่คำนวณไว้เรียบร้อย ไม่ให้ขาดตกบกพร่อง เพียงแต่ไม่มีให้ใช้อย่างมือเติบอีกต่อไป ยามอู่(11.00-12.59)ทั้งสามคนเดินทางออกจากอำเภอฝู หลินซินเยว่เปิดหน้าต่างมองดูทิวทัศน์ข้างทางไปด้วย นางทะลุมิติมาอยู่ยังโลกแห่งนี้ได้สิบปีเต็มแล้วสินะ เดิมทีเจ้าของร่างเดิมเป็นบุตรสาวของนายท่านรองตระกูลหลิน มีบิดามารดาและพี่ชาย เพิ่งมีน้องสาวหลังจากที่นางออกจากตระกูลหลินมาแล้ว จึงยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตากันมาก่อน สำหรับคนอื่น ๆ ในตระกูลหลินนั้น เจ้าของร่างเดิมแทบไม่มีความทรงจำมากนัก ทุกอย่างจึงเลือนรางยากแก่การเข้าใจได้ หลินซินเยว่ในวัยห้าขวบได้ประสบอุบัติเหตุ ทำให้กลายเป็นเด็กปัญญาอ่อน พูดจาติดอ่างเคลื่อนไหวเชื่องช้า สมองได้รับผลกระทบ จากการตกลงมาจากต้นไม้สูง ตอนนั้นมีนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งมาทำนายเอาไว้ ว่าดวงชะตาของนางจะทำให้ตระกูลหลินตกต่ำ ให้นำนางออกจากตระกูลหลินไปอยู่ที่อื่น และห้ามคนในครอบครัวพบเจอหน้านางอีก แม้บิดามารดาของหลินซินเยว่ไม่เห็นด้วย แต่ไม่อาจขัดขืนความประสงค์ของผู้ใหญ่ในตระกูลได้ ยิ่งตอนนั้นนายท่านใหญ่กำลังเข้ารับตำแหน่งนายอำเภอตงจี้ ตระกูลหลินทิ้งหลินซินเยว่ไว้ที่อารามไท่ผิงกวน แล้วย้ายเข้าไปอยู่ที่อำเภอตงจี้ จากนั้นเพียงสามปีพวกเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองหลวง เหตุเพราะนายท่านใหญ่สร้างผลงานใหญ่หลวง จนได้รับตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย มีหน้าที่เฝ้าระวังและป้องกันประตูวังหลวง หลินซินเยว่กลายเป็นเด็กปัญญาอ่อนในวัยห้าขวบ ถูกเลี้ยงดูอยู่ในอารามไท่ผิงกวนอย่างยากลำบาก เจ้าอาวาสยอมรับเด็กปัญญาอ่อนเข้ามาเลี้ยงดู เพราะตระกูลหลินรับปากบริจาคเงินให้แก่ทางอารามทุกปี ปีละหนึ่งร้อยตำลึง จนกว่าหลินซินเยว่จะไม่ได้อยู่ในอารามอีกต่อไป แต่การเลี้ยงเด็กปัญญาอ่อนผู้หนึ่งไหนเลยจะง่าย ยามนั้นเผิงฉือที่ถูกโจรป่าปล้นชิงระหว่างเดินทางกลางหุบเขา นางสูญเสียสามีและลูกสาวไปในวัยห้าขวบไป กลายเป็นคนใกล้เสียสติ เดินโซซัดโซเซไปทั่ว กระทั่งมาเจอเด็กสาวผู้หนึ่งกลิ้งตกลงมาจากเนินเขา หัวกระแทกเข้ากับก้อนหินจนหมดสติไป เจ้าอาวาสชุนวิ่งหน้าตาตื่นมาดูอาการของหลินซินเยว่ อีกทั้งยังต้องหิ้วสตรีใกล้บ้ากลับอารามไปด้วย ผ่านไปสองวันสองคืนหลินซินเยว่ถึงได้ฟื้นคืนสติ อาการปัญญาอ่อนจะเรียกว่าหายก็ไม่ได้ เพราะยังมึนงงสับสน นั่งเหม่อดวงตาเลื่อนลอย ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง พูดจายังไม่รู้เรื่อง นั่นคือตอนที่หลินซือเยว่ในยุคปัจจุบันทะลุมิติมา เจ้าอาวาสชุนมองเห็นโอกาสดีของทั้งคู่ จึงขอให้เผิงฉืออยู่เลี้ยงดูหลินซินเยว่จนเติบใหญ่ วันข้างหน้าจะได้พึ่งพาบุญวาสนาของนาง เผิงฉือที่เพิ่งสูญเสียทุกสิ่งอย่างในชีวิตไป ได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้ารับในทันที หลินซือเยว่ที่ข้ามมิติมานั้น ต้องใช้เวลาถึงสองวันกว่านางจะเข้าใจเหตุการณ์ทุกอย่างได้ แต่เพราะร่างกายของเจ้าของร่างเดิมนั้น เป็นเด็กปัญญาอ่อนจากการเกิดอุบัติเหตุ การที่จะพูดคุยกับผู้อื่นให้เป็นปกติ ต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเต็ม ระหว่างนั้นสิ่งที่ทำให้นางต้องตื่นตะลึงก็คือ นางไม่เพียงแค่ระลึกอดีตอันน้อยนิดของคุณหนูตัวน้อยผู้นี้ได้ จำปัจจุบันที่จากมาได้ ว่าตัวเองเป็นถึงหมอศัลยกรรมชื่อดังของประเทศหนึ่ง แต่ว่านางยังระลึกอดีตชาติอันไกลโพ้นได้อีกด้วย อดีตกาลนั้นนางเคยเป็นถึงปรมาจารย์เต๋าเลื่องชื่อ ล่วงรู้ความลับฟ้า รักษาผู้คนได้ อีกทั้งยังมีดวงเนตรทิพย์ สามารถมองเห็นวิญญาณคนตายได้ด้วย หลินซือเยว่ต้องทำความเข้าใจกับเรื่องราวเหล่านี้อยู่นาน นางกลายเป็นคนที่มีทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต อยู่ในคนคนเดียว ความสามารถนั้นล้นหลามจนตัวนางไม่อยากเชื่อ เมื่อนางอายุสิบขวบดวงเนตรทิพย์ของนางเริ่มทำงาน นางมองเห็นวิญญาณคนตายเต็มไปหมด ไม่ใช่โลกที่นางต้องการแม้แต่น้อย นางเค้นเอาความสามารถในอดีตกาลออกมา ร่ายคาถาปิดผนึกดวงเนตรทิพย์ไม่ให้มองเห็น เช่นนั้นนางถึงอยู่อย่างสงบมาได้จนถึงทุกวันนี้ ใครจะคาดคิดว่าหลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อน ที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้ว ทั้งยังจำอดีตชาติอันรุ่งเรืองได้อีกด้วย ผู้คนอาจคิดว่านางเป็นศิษย์ของเจ้าอาวาสชุน แต่ในความเป็นจริงนั้น เจ้าอาวาสชุนต่างหากที่ยกให้นางเป็นอาจารย์ เรียนรู้เคล็ดวิชาเต๋าขั้นสูงจากนาง เพียงแต่นางไม่กล้ารับไว้ และยกให้ท่านเป็นอาจารย์ไว้เช่นเดิม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD