8 : เนรเทศทั้งตระกูล

2120 Words
8 : เนรเทศทั้งตระกูล หลายวันต่อมา เกิดเหตุร้ายขึ้นที่ประตูวังหลวง มีคนร้ายจำนวนหนึ่งบุกเข้าไปภายในวังหลัง ทำร้ายพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้จนเกือบสูญเสียเด็กในครรภ์ หลังจับกุมคนร้ายได้บางส่วน พวกมันต่างซัดทอดไปยังที่ปรึกษาเว่ยเว่ย เป็นคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ หลินเฉินในยามนั้นปฏิเสธหัวเด็ดตีนขาด ว่าเขาไม่มีส่วนรู้เห็นในเรื่องนี้ แต่จดหมายที่อยู่บนตัวของคนร้าย กลับเป็นลายมือของเขาอย่างชัดเจน ฮ่องเต้ทรงกริ้วเป็นอย่างมาก สั่งปลดหลินเฉินออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาเว่ยเว่ย และลงโทษคนตระกูลหลินทั้งหมด เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ขุนนางทั้งหลาย มีราชโองการให้ยึดทรัพย์สินของตระกูลหลินทั้งหมด และเนรเทศคนตระกูลหลินออกไปยังชายแดน ห้ามกลับเข้ามาเหยียบเมืองหลวงอีกตลอดชีวิต หลังรับราชโองการ คนตระกูลหลินถึงกับล้มทั้งยืน ไม่ทันได้เก็บข้าวของอันใด ทหารก็บุกเข้ามายึดทรัพย์สินและจับกุมทุกคนไปห้องขัง เสียงร้องไห้ของสตรีบาดลึกเข้าไปในความรู้สึกของบุรุษ พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อน ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น คนทั้งตระกูลสามสิบกว่าชีวิต ถูกขังรวมไว้ด้วยกัน ไม่แบ่งแยกชายหญิงแต่อย่างใด พรุ่งนี้พวกเขาก็จะถูกต้อนให้เดินทางออกจากเมืองหลวงไป “ท่านแม่เป็นความผิดของข้าเอง ข้ามันไร้ความสามารถ ถูกคนอื่นหมายหัวยังไม่รู้ตัว ทำให้ทุกคนต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย” หลินเฉินคุกเข่าลงตรงหน้าของมารดา “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าหรอก เหตุการณ์นี้มีคนวางแผนมาเป็นอย่างดี ปิดทางหนีทีไล่พวกเราจนหมด เป็นคราวเคราะห์ของตระกูลหลินเข้าแล้ว” ฮูหยินเฒ่าดวงตาเหม่อลอยไม่อาจโกรธเคืองบุตรชายของตนเองได้ “คราวเคราะห์หรือ ใช่แล้ว เพราะนางหลินซือเยว่คนนั้น หากนางไม่กลับมาที่เมืองหลวง มีหรือตระกูลหลินจะตกอับเช่นนี้ได้” หวางฮูหยินหันไปมองคนบ้านรองในทันที ทำให้ทุกคนพลอยหันหน้าไปมองพวกเขาด้วย “ฮูหยินอย่าได้เลอะเลือนไป” หลินเฉินปรามภรรยาของตนเสียงเบา “เลอะเลือนอันใดกัน ท่านพี่ดูสิเจ้าคะ นางกลับมาได้ไม่กี่วันตระกูลหลินก็ล่มจมในทันที แล้วนางล่ะเหตุใดถึงไม่ถูกจับกุมตัวมาด้วย ทุกคนในตระกูลหลินอยู่ที่นี่หมด เหตุใดลูกสาวลูกชายของบ้านรองถึงไม่อยู่ที่นี่ด้วยกัน” คำพูดของหวางฮูหยินเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ “พี่สะใภ้เหตุใดถึงได้มาโยนความผิดใส่คนบ้านรองได้ล่ะเจ้าคะ ความผิดนี้เกิดที่ใครทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ ลูกชายข้าอยู่ในกองทัพ เขาเองก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งนายร้อยเหมือนกัน คงเดินทางไปสมทบกับพวกเราที่ปลายทางเลย ส่วนลูกสาวของข้านางก็อยู่ข้างนอก ไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ” เถียนฮูหยินไม่คิดว่าพี่สะใภ้ของนางจะเอ่ยถึงหลินซือเยว่ ทั้งที่สมควรให้นางอยู่เงียบ ๆ ในเรือนเฟยเฟิ่งต่อไป “ได้ชื่อว่าคนตระกูลหลินเหมือนกัน น้องสะใภ้เจ้าจะยกเว้นลูกสาวตัวเองไม่ได้” ลูกกับหลานของนางถูกเนรเทศกันหมด เหตุใดเด็กปัญญาอ่อนนั่นถึงรอดล่ะ เรื่องนี้หวางฮูหยินรู้สึกว่านางไม่ได้รับความยุติธรรมแต่อย่างใด ตึง ! ตึง ! เสียงดาบเคาะลงบนลูกกรงเหล็ก ทำให้ทุกคนเงียบเสียง นายทหารผู้หนึ่งเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูห้องขัง “เหลือใครที่ยังไม่ถูกจับกุมมา พวกเจ้าอย่าได้โป้ปดเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นโทษเป็นจะเปลี่ยนเป็นโทษตายได้ !” หวางฮูหยินเงยหน้ามองสามี กลับพบว่าเขาส่ายหน้าให้นางเบา ๆ “ไม่บอกก็ได้ ทหารเตรียมโบยทุกคนคนละยี่สิบไม้ !” “ไม่นะ ไม่ ! ท่านแม่ท่านรีบบอกพวกเขาไปสิเจ้าคะ” หลินจื่อรั่วเกาะท่อนแขนมารดา ออกแรงเขย่าไปมาด้วยความกลัว นางเพิ่งจะหลุดพ้นจากการหมั้นหมายนั้นมา เหตุใดถึงได้ตกเคราะห์ลำบากเช่นนี้ ตั้งแต่ถูกคุมขังอยู่ที่สองคืน โจวฉีหมิงไม่ได้ส่งคนมาถามไถ่นางเลยสักครั้ง เถียนฮูหยินจับมือหลินซูฮวาบุตรสาววัยสิบปีเอาไว้แน่น มองสบสายตากับหลินเต๋อผู้เป็นสามี ขอร้องเขาห้ามทุกคนไม่ให้เอ่ยถึงหลินซือเยว่ “เริ่มจากนางก่อน” นายทหารชี้นิ้วไปที่หลินจื่อรั่วเป็นคนแรก “ไม่นะ ท่านแม่ช่วยข้าด้วย !” “หลินซือเยว่ ! นางเป็นลูกสาวของบ้านรอง นางพักอาศัยอยู่นอกจวนที่เรือนเฟยเฟิ่ง” มีหรือเถียนฮูหยินจะยอมให้บุตรสาวถูกโบย “พี่สะใภ้ !” เถียนฮูหยินกรีดร้องออกมาด้วยความเสียใจ เหตุใดไม่ยอมปล่อยลูกสาวผู้น่าสงสารของนางไป “ไปเอาตัวคนมา !” นายทหารออกคำสั่งในทันที เรือนเฟยเฟิ่ง “ป้าเผิงใครกันที่อยากพบข้า” “เห็นว่าเป็นคนของจวนแม่ทัพโจวเจ้าค่ะ หากคุณหนูไม่อยากพบข้าจะได้ไล่เขาไป” หลินซือเยว่เตรียมการทุกอย่างพร้อมเอาไว้แล้ว นับจากที่ได้ยินข่าวเรื่องการเนรเทศ นางรู้ว่าตัวเองคงหลีกหนีไม่พ้นเป็นแน่ “ข้าอยากเจอเขา อยากรู้เหตุผลของคนผู้นั้น” เผิงฉือ “คนผู้นั้น ใครหรือเจ้าคะ” หลินซือเยว่ไม่ตอบ นางลุกขึ้นจากเก้าอี้นั่น เดินออกไปยังห้องโถง พบบุรุษรูปร่างกำยำผู้หนึ่งนั่งรออยู่ เพียงเห็นนางเขาก็ลุกขึ้นกำหมัดคำนับ “คุณหนูหลิน ข้าชื่อชุยเหลียงเป็นคนของคุณชายใหญ่ ผู้ที่เป็นคู่หมั้นของคุณหนูหลินขอรับ” หลินซือเยว่ผายมือเชิญเขานั่ง “อีกประเดี๋ยวคงมีคนมาจับกุมตัวข้าไปเข้าคุก มีธุระอันใดก็รีบเอ่ยมาเถิด” ชุยเหลียงไม่คาดว่าเขาจะมาเจอกับสตรีผู้มีบุคลิกเคร่งขรึม อีกทั้งยังดูงดงามถึงเพียงนี้ ไหนเด็กปัญญาอ่อนที่ว่านั่น หลินซือเยว่เห็นเขามองพิจารณาตนเองนานเกินไป “ข้าหายดีแล้ว” “เอ่อ...ข้าขออภัยขอรับ” ยิ่งไม่คิดว่านางจะล่วงรู้ความคิดของเขาด้วย “นี่ขอรับคุณชายใหญ่รู้ว่าท่านกำลังลำบาก จึงได้ฝากให้ข้านำตั๋วเงินมามอบให้” ตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึงถูกวางไว้บนโต๊ะ แม้แต่เผิงฉือที่ยืนอยู่ด้านหลังของหลินซือเยว่ยกตกใจตามไปด้วย “เหตุใดถึงให้ตั๋วเงินจำนวนมากถึงเพียงนี้ ไม่ได้เกี่ยวดองกันเสียหน่อย” ยิ่งสถานการณ์ในตอนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องการแต่งงาน “คุณชายใหญ่บอกว่า แม้ไม่ได้จัดพิธีตามกำหนด แต่ว่าคุณหนูหลินก็ได้ชื่อว่าเป็นคู่หมั้น จึงไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ขอรับ” หลินซือเยว่เคาะนิ้วบนตั๋วเงินเบา ๆ นางไม่อาจดูดวงชะตาผู้คนได้หากไม่ได้พบหน้ากัน และยิ่งไม่อาจรักษาโรคร้ายได้หากไม่ได้ลงมือตรวจร่างกายของคนผู้นั้น “ป้าเผิงรับตั๋วเงินนี่ไว้” “เจ้าค่ะคุณหนู” เผิงฉือรีบเก็บตั๋วเงินเข้าไว้ในสาบเสื้อทันที “แต่ข้านั้นไม่อาจรับเงินของผู้อื่น โดยไม่ทำงานตอบแทนได้ ข้าพอมีความสามารถในรักษาเล็กน้อย พอจะไปดูอาการของคุณชายใหญ่ให้ได้ แต่ข้ามีเวลาไม่มากนัก เจ้านำทางไปเถิด” “คุณหนูให้ข้าไปด้วยหรือไม่” เผิงฉือรีบถามเกรงว่านางจะลืมตัวเองไป “ป้าเผิงไม่ต้องตามไป คอยรับหน้าพวกทหารอยู่ที่นี่เป็นพอ” ชุยเหลียงไม่คิดว่าการมอบตั๋วเงินหนึ่งพันตำลึง จะได้รับการตอบแทนกลับเช่นนี้ ดวงตาเขามีแววสับสนและไม่เข้าใจ “คนของทางการกำลังตามหาตัวข้า นี่เป็นโอกาสอันน้อยนิดของคุณชายเจ้า” “เชิญตามข้ามาขอรับ” ชุยเหลียงพาคนมาด้วยสองคน พวกเขาเดินทางด้วยม้า พอมีหลินซือเยว่ไปด้วยจึงไม่รู้จะเดินทางด้วยพาหนะใด หลินซือเยว่ “ข้าขี่ม้าเป็น” แต่นี่จะเป็นครั้งแรกในโลกนี้ที่นางมีโอกาสได้ขี่ม้า คนของชุยเหลียงสละม้าให้นางหนึ่งตัว เฝ้ามองดูสตรีตัวน้อยที่วาดขาขึ้นไปนั่งบนหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นม้าสามตัว วิ่งตรงไปยังจวนแม่โจวอย่างรวดเร็ว ทิ้งบุรุษผู้หนึ่งให้ยืนหันซ้ายขวาอยู่ตามลำพัง เมื่อเดินทางไปถึงจวนของแม่ทัพโจว บ่าวรับใช้เรือนของโจวจื่อถงกำลังวุ่นวายกันใหญ่ ชุยเหลียงรีบเข้าไปถาม ได้ความว่าโจวจื่อถงกระอักเลือดออกมาก้อนใหญ่ อีกทั้งยังหมดสติลงไปอีกด้วย ชุยเหลียง “มีใครไปตามท่านหมอหรือยัง” “มีแล้วขอรับ แต่ว่าวันนี้ท่านหมอเจินไม่อยู่ที่จวน เลยต้องไปตามหมอที่โรงหมอละแวกนี้ก่อน” “พาข้าไปดูอาการของเขาเถอะ” หลินซือเยว่เห็นสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก จึงรีบบอกชุนเหลียงให้นำทางไป ครั้นมาถึงห้องนอนของโจวจื่อถง ชุยเหลียงสั่งสาวใช้ให้ออกไปข้างนอกให้หมด เขาปิดประตูตามคำสั่งของหลินซือเยว่ บุรุษรูปงามบนเตียง ชะตายังไม่เลวร้ายถึงขั้นนั้น หลินซินเยว่รีบจับชีพจรของเขาดู มีพลังสายหนึ่งแล่นวูบไปตามร่างกายของเขา ทำการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้น เป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมากับอดีตกาล และค่อย ๆ ทรงพลังขึ้นเรื่อย ๆ ตามการเติบโตของนางเอง “เจ้ามาคลายอาภรณ์ของเขาออกให้หมด ข้าจะฝังเข็มรักษาอาการให้” ชุยเหลียง “...?” เพียงรู้สึกหนักใจที่ต้องเปิดเผยเรือนกายของผู้เป็นนาย ให้สตรีเช่นหลินซินเยว่ได้เห็น “ตัวข้านั้นยังไม่คิดถือสา เหตุใดท่านต้องคิดมากไปด้วย อีกอย่างร่างกายผอมแห้งเพียงนี้มีอะไรให้ข้าดู” “เอ่อ ขอรับ” ชุยเหลียงคิดว่าคำพูดนี้พอฟังขึ้นบ้าง รีบจัดการคลายอาภรณ์ให้โจวจื่อถง กำลังคิดจะหยุดมือแต่เสียงของหลินซือเยว่ก็ดังขึ้น “ถอดให้หมด” มีเพียงผ้าผืนน้อยที่ปิดตรงกลางร่างของเขาเอาไว้ ชุยเหลียงจ้องนางตาไม่วาง ราวกับกลัวว่านางจะเอารัดเอาเปรียบผู้เป็นนายของตน ทว่าสิ่งที่เขาเห็นนั้นคือเข็มทองจำนวนเกือบยี่สิบเล่ม ถูกปักลงไปบนร่างกายของโจวจื่อถงอย่างแม่นยำ รวมไปถึงท่อนขาของเขาด้วย ไม่แปลกใจที่นางให้เขาถอดเสื้อผ้าออกจนหมด หลังฝังเข็มไปแล้วหลินซือเยว่ให้เขานำกระดาษกับพู่กันมาให้นาง นางใช้เวลาไม่นานนักกระดาษสองสามแผ่นนั้น ก็เต็มไปด้วยรูปวาด และเทียบยาพร้อมวิธีการรักษา “เจ้าให้คนเตรียมน้ำร้อนมาเถอะ หลังข้าดึงเข็มออกแล้ว จะมีของเสียไหลออกมาตามรูเข็ม เช็ดทำความสะอาดให้เขา แล้วหาเสื้อผ้าใหม่มาสวมใส่” ชุยเหลียงรีบไปสั่งการสาวใช้ด้านนอก กลับเข้ามาเข็มบนตัวของโจวจื่อถงก็ถูกเก็บไปจนหมด ตัวเขาเองถูกหลินซือเยว่กวักมือให้เข้าไปหาใกล้ ๆ “นี่คือวิธีการฝังเข็มรักษา ข้าวาดรูปประกอบและเขียนข้อระวังเอาไว้ให้แล้ว ส่วนนี่คือเทียบยาที่ต้องใช้ เวลากินยาข้าได้ระบุไว้ในนี้แล้วเหมือนกัน ส่วนเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่นั้น ข้าไม่อาจบังคับเจ้าได้” ชุยเหลียงรับกระดาษไปถือไว้ หลินซือเยว่หันไปทางเตียงนอน ที่ตอนนี้สาวใช้กำลังสาละวนอยู่กับการทำความสะอาดให้โจวจื่อถง “หากเขาฟื้นขึ้นมาได้โปรดบอกเขาด้วย ว่าข้าหลินซือเยว่ขอบคุณในน้ำใจของคุณชายใหญ่มาก นับจากนี้ไปขอให้การหมั้นหมายของข้ากับเขา เป็นอันยกเลิกไปเถอะ ไม่ต้องไปส่งข้ากลับเองได้” ชุยเหลียงกำลังยืนจ้องตัวอักษรบนกระดาษ ครั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นแผ่นหลังของนางอีกแล้ว สาวใช้ด้านนอกเข้ามารายงาน ว่านางได้ขี่ม้ากลับเรือนไปแล้ว
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD