ตอนที่ 5...

2435 Words
“บุบสลายตรงไหนไหม” พลาธิปรีบลงจากรถมาถามน้องสาว หลังนั่งรอลลดา จนพศวัตกลับไป “ไม่” “ไม่เหลือ?” “ไม่น่าเชื่อว่าจะรอดมาได้!” เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก ระหว่างเดินออกจากร้านอาหาร เธอคิดว่ายังไงคืนนี้คงไม่รอดจากพศวัต แต่ที่ไหนได้ เขากลับพามาส่งที่หอพักอย่างปลอดภัย งงไปเลย... งงไปเลยค่ะคุณผู้ชม “งั้นถ้าไม่รบกวนเวลาเกินไป เล่าให้ฟังได้ไหมว่ามันพาหลิงไปไหน มันทำอะไรหลิงบ้าง” “ค่ะ” เธอตอบตกลง เป็นหน้าที่ที่ต้องรายงานความคืบหน้าให้พี่ชายได้รู้อยู่แล้ว ทุกหัวข้อสนทนาที่ได้โต้ตอบกับพศวัต จึงถูกถ่ายทอดให้ผู้กองหนุ่มฟัง แต่อีกฝ่ายกลับไม่ดีใจนักที่รับรู้เรื่องราว เพราะน้องสาวพูดถึงเป้าหมายด้วยความชื่นชม คุณวัตใจดี... คุณวัตยิ้ม... คุณวัตไม่ล่วงเกิน... คุณวัตไม่น่าจะทำธุรกิจผิดกฎหมาย... “หลิง” “จะให้หลิงเล่าสามรอบเลยเหรอพี่ธิป” ลลดาทำตาละห้อย เพราะเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังไปสองรอบแล้ว “พศวัตมันสนใจหลิงหรือเปล่า” “พี่ธิปหมายถึงสนใจแบบชู้สาวเหรอ” “ใช่” “ไม่หรอก เขาแค่เป็นห่วง กลัวว่าหลิงถูกลูกค้าทำร้ายร่างกายหรือใช้ความรุนแรงอะไรหรือเปล่า” “แน่ใจไหมว่ามันไม่ได้ทำอะไรให้หลิงหวั่นไหว ใจสั่น ตัวร้อนวูบวาบ อะไรประมาณนั้นน่ะ” “บ้า! พูดอะไรเนี่ยพี่ธิป เขาไม่ได้ทำแบบนั้นเลย” เธอรีบปฏิเสธ ที่เขามองหน้านาน ๆ ถามนั่น ถามนี่ ถามแม้กระทั่งค่าเช่าหอพัก เขาก็ถามไปอย่างนั้นแหละ… มั้ง แต่สำหรับพลาธิป... เขาเฝ้าดูพศวัตมาเกือบปี ผู้ชายคนนี้ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเด็กในร้าน ไม่แม้แต่จะใกล้ชิดผู้หญิงคนไหน การที่พศวัตสนใจลลดา แปลว่าเขาถูกอกถูกใจน้องสาวเข้าให้แล้ว “หลิง” “พี่ธิปอย่าเรียกชื่อแล้วเงียบไปแบบนี้สิ จะพูดอะไรก็พูดเลย ทำแบบนี้หลิงตื่นเต้นนะ” “หลิงคิดว่ามันไม่ได้ค้ายาจริง ๆ ใช่ไหม” “โธ่... หลิงไม่รู้หรอกค่ะ ที่เล่าให้ฟังก็พูดไปตามที่ตาเห็น แล้วนี่เพิ่งเคยคุยกันครั้งแรก ถ้าเขาค้ายาจริง ๆ เขาก็ไม่บอกหลิงหรอก ใครจะเล่าเรื่องไม่ดีของตัวเองให้คนอื่นฟังล่ะพี่ธิป” “งั้นหลิงเข้าใกล้มันอีกได้ไหม” “พี่ธิปหมายถึง... จะให้หลิงอ่อยคุณวัตเหรอ” ลลดาหัวไว เข้าใจอะไรง่าย เลยถามพี่ชายไปตรง ๆ “อือ” พลาธิปพูดจบก็ถอนหายใจ ไม่ชอบที่ต้องให้น้องสาวทำเรื่องแบบนี้ แต่เขาเองก็ถูกผู้ใหญ่เร่งมาเหมือนกัน หากไม่มีข้อมูลเด็ด ๆ ไปรายงาน อีกไม่นานคงได้ย้ายไปเป็นตำรวจจราจรแทนตำรวจสืบสวน “เงื่อนไขที่คุยกันไว้ พี่ธิปไม่ได้บอกว่าหลิงต้องอ่อยเขานะ” “แต่ถ้าหลิงไม่ทำ...” “โอเค หลิงจะทำ ไม่ต้องย้ำว่าพี่ยื้อเวลากับเจ้าหนี้ให้พ่อกับหลิงได้ไม่นาน” ลลดาหน้าเครียด สามเดือนคือระยะเวลาที่เจ้าหนี้ยินยอมไม่เอาพ่อเข้าคุก และสามเดือนคือระยะเวลาที่เธอต้องช่วยงานตำรวจให้ได้มากที่สุด “ขอบคุณนะหลิง” “ไม่เป็นไรพี่ธิป พี่ช่วยพ่อหลิง หลิงช่วยพี่ ระหว่างนี้หลิงก็เก็บเงินที่ขายตัวปลอม ๆ ไปใช้หนี้ ไม่มีใครเสียประโยชน์อะไรเลยสักหน่อย” เธอฝืนยิ้ม ทำหน้าชื่นตาบานให้เขาสบายใจ เพราะเข้าใจว่าพี่ชายก็ถูกเจ้านายกดดันมาอีกที มีเรื่องอื่นให้เครียดกว่าเรื่องนี้ตั้งเยอะ หนึ่งในนั้นคือเรื่อง.... “จะอ่อยยังไงวะ” ลลดายืนมองตัวเองที่ร่างกายเปลือยเปล่าในกระจก ภาพที่สะท้อนกลับมาก็พอดูได้ แม้จะไม่ได้สวยมาก แต่ถ้าพูดกันตามตรงก็ไม่ได้แย่ แต่งหน้านิด เขียนคิ้วหน่อย ทาปากเล็กน้อย ก็เข้าใกล้คำว่าสวย รอยแผลตามตัวแทบไม่มี หน้าอกยังเต่งตึงไม่หย่อนคล้อย ส่วนตรงนั้น... ก็ยังไม่เคยตกเป็นของชายใด และชาติที่แล้วคงใช้โลชั่นกับครีมกันแดดตักบาตรให้แม่ชี ชาตินี้เลยผิวสวยเปล่งปลั่งไม่แห้งกร้าน ส่วนตาคู่สวยกับจมูกโด่งธรรมชาตินี่ก็ต้องขอบคุณที่พ่อกับแม่ปั้นมาให้อย่างดี ทว่าพอยืนหมุนไป หมุนมา มองหน้า มองหลังก็เกิดความไม่มั่นใจว่าจะเอาอะไรไปอ่อยผู้ หน้าอกหน้าใจไม่หย่อนยาน แต่ก็ใหญ่ไม่เท่าเพื่อนร่วมงาน ที่มีอยู่ก็เป็นของดั้งเดิมไม่ได้เพิ่มเติมซิลิโคน ไหนจะอ่อนประสบการณ์เรื่องบนเตียง ความวาบหวิวที่เคยพบพาน ก็แค่เคยจูบกับแฟนเก่าเท่านั้น “โอ๊ย! เครียด!” เธอนอนดิ้นบนเตียง ก่อนจะเอียงตัวไปคว้าโทรศัพท์มือถือที่สั่นครืด ๆ อยู่ข้างกาย “สวัสดีค่ะ” “หลิงใช่ไหมครับ” “ค่ะ ใครเหรอคะ?” ลลดาลุกมานั่ง ไม่รู้ว่าปลายสายคือใคร แต่น้ำเสียงคุ้นเหลือเกิน “ผมเอง... พศวัต” “คุณวัต!” จากที่นั่งอยู่บนเตียง ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเดินวนไปวนมาในห้องด้วยความสับสน “ไปเรียนหรือยังครับ” “ยังค่ะ” “ลงมารับผมหน่อย ผมอยู่หน้าประตูหอพักคุณแล้ว” “คุณวัตมา... ทำไมคะ” เธอกดเปิดลำโพง รีบคว้าเสื้อผ้ามาใส่ “ผมมีเรื่องจะคุยด้วย” “ค่ะ เดี๋ยวหลิงลงไปนะคะ ไม่เกินห้านาทีค่ะ” ลลดาพูดจบก็วางสาย ขยับเสื้อชั้นในให้พอดีตัว หยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนเก้าอี้ออกเพื่อเตรียมให้เขานั่ง และก่อนออกจากห้องก็ไม่ลืมมองให้แน่ใจว่ามีอะไรบ่งบอกว่าตัวเองเป็นสายลับจับผิดใครบางคน “เอ่อ... ห้องเล็กหน่อยนะคะ” เธอบอกก่อนที่มือจะหมุนลูกบิด อายเหลือเกินที่ต้องเปิดประตู เพราะคนรวยอย่างเขาคงมีบ้านหลังใหญ่ หรือไม่ก็คอนโดมิเนียมสุดกว้างขวางใจกลางเมืองหลวง “ไม่เป็นไรครับ” พศวัตเข้าใจ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะใหญ่โตอะไรอยู่แล้ว และที่บอกว่าเล็กนั้นก็ไม่ได้เล็กเท่าไหร่ เพราะคนอยู่อาศัยวางของเป็นระเบียบพอตัว “เชิญนั่งค่ะ” เจ้าของห้องยกเก้าอี้พลาสติกสีขาวมาใกล้เขา ต้องขออภัยจริง ๆ ที่มันไม่ได้หรูหราและอาจจะนั่งไม่ค่อยสบาย แต่หวังว่าเบาะรองนั่ง คงทำให้รู้สึกผ่อนคลายกว่านั่งบนพื้นพลาสติกแข็ง ๆ นะคะ “ต้องไปเรียนกี่โมงครับ” “ต้องออกจากหอไม่เกินเที่ยงครึ่งค่ะ” เขาได้ยินแล้วก็มองนาฬิกาที่ข้อมือ ตอนนี้เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงห้านาที มีเวลาเหลือเฟือให้เจรจาเรื่องสำคัญ แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ไม่ยืดเยื้อ การอ้อมค้อมจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ “ผมอยากเลี้ยงดูหลิง” “อะไรนะคะ!” จากที่ก้นกำลังจะหย่อนลงบนเตียง ตอนนี้ตัวเดินไปยืนตรงประตูด้วยความตกใจ “หลิงได้ยินไม่ผิด พี่ต้องการเลี้ยงดูหลิง” “พี่...” ลลดากะพริบตาปริบๆ นี่เขาพิศวาสถึงขั้นเรียกตัวเองว่าพี่เลยหรือ “ตกลงไหมครับ” พศวัตต้องการคำตอบ คิดมาดีแล้วว่านี่คือสิ่งที่ตัวเองต้องการ แม้จะต้องแหกกฎที่ว่าจะไม่ยุ่งกับเด็กร้านก็จะทำ นาน ๆ ทีจะเจอคนถูกใจ จึงอยากให้เธอมาอยู่เคียงข้างกาย มิเช่นนั้นคงกระวนกระวาย นอนไม่หลับเป็นคืนที่สามติดต่อกัน คืนที่หนึ่ง... ถูกตาต้องใจ คืนที่สอง... ถูกจริตเมื่อได้ชิดใกล้ คืนที่สาม... จะผูกมิตร พิชิตกายมากอดให้สมอุรา ทว่าคำถามไร้ซึ่งคำตอบ ลลดาไม่พูดอะไร เธอเพียงกลับมานั่งบนเตียงพร้อมความสับสน “คุณวัต... ไม่เคยยุ่งกับเด็กในร้านไม่ใช่เหรอคะ” “ใช่... หลิงเป็นคนแรกครับ” ลลดาใจเต้นแรง เพียงแค่คำว่า ‘ครับ’ กับยิ้มบาง ๆ ที่ส่งมา ทำไมถึงทำให้ใจสั่นได้ขนาดนี้ “คุณวัตคิดดีแล้วเหรอคะ” พศวัตพยักหน้าแทนคำตอบ ไม่อยากปล่อยให้เธอไปเอาใจผู้ชายอีกนับไม่ถ้วน คำเชิญชวนเมื่อครู่จึงคิดมาอย่างดีแล้ว แต่จะคิดถูกหรือผิด เรื่องนี้คงได้คำตอบหลังจากเธอตอบตกลง หากคิดถูกก็ถือว่าคุ้มค่าที่ได้แหกกฎเพื่อสนองความต้องการของตัวเอง และคงจะเสียดายน่าดู ถ้าไม่ได้สนับสนุนและส่งเสียเลี้ยงดูเด็กรักเรียนและกตัญญูอย่างลลดา “หนูให้คำตอบคืนนี้ได้ไหมคะ” “คืนนี้?” “ค่ะ” “ตกลงครับ” ถึงจะไม่ค่อยพอใจกับคำตอบ เพราะคาดหวังว่าเธอไม่มีทางปฏิเสธ แต่พศวัตไม่อยากฝืนใจ ไม่อยากบังคับให้ตอบตกลงหากยังไม่พร้อม และยอมรับว่าเสียความมั่นใจอยู่บ้าง หากเป็นผู้หญิงคนอื่นในร้าน ตอนนี้คงได้ร่วมรักกันไปแล้ว “ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวหนูลงไปส่งค่ะ” ลลดาไล่เขาทางอ้อม ก็หมดธุระแล้วนี่ อย่านั่งอยู่ในห้องแคบ ๆ นี่เลย ...และอีกอย่าง หนูจะได้รีบโทรศัพท์หน้าพี่ธิปด้วย พศวัตยินดีออกจากห้อง เธอยังใหม่กับงานนี้ เลยตกใจและสับสนกับคำเชิญชวนที่เอ่ยถามไปเมื่อครู่ และเขารู้ตัวว่าใจร้อนจู่โจมเกินไปหน่อย การถูกไล่อ้อม ๆ จึงไม่ทำให้หัวเสีย ยินยอมกลับไปแต่โดยดี แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกปล่อยให้รอเก้อ ก่อนจากไปเลยทิ้งท้ายคำพูดนี้เอาไว้ “คืนนี้พี่จะมารอฟังคำตอบที่นี่นะ เลิกงานแล้วเจอกันครับ” “เดี๋ยวค่ะคุณวัต หนูมีคำถามค่ะ” ลลดาวิ่งตามเขามาที่หน้าลิฟต์ ก่อนพูดอะไรออกไป มีสิ่งหนึ่งที่เธอต้องรู้ เพื่อนำไปคิดและวิเคราะห์หาคำตอบ “ถามได้เลยครับ” “คุณวัตมีภรรยาหรือมีแฟนหรือยังคะ” คนถูกถามถึงกับยิ้มกว้าง เป็นคำถามชวนขำ เพราะเดาไว้ว่าคงไม่พ้นเรื่องค่าส่งเสียเลี้ยงดูรายเดือน แต่ที่ไหนได้... ผิดคาด “ผมโสด” “โสดสนิทเลยเหรอคะ” “คำตอบวันนี้คือใช่ แต่พรุ่งนี้ไม่แน่” “ไม่แน่ยังไงคะ” “ถ้าหลิงตอบตกลง พี่ก็ไม่โสดไงครับ” เขาตอบคำถามพร้อมจับผมเธอไปทัดหู เมื่อได้เห็นใบหน้าแสนน่ารักสมวัยที่ปราศจากเครื่องสำอาง ก็โน้มหน้ามาใกล้ ๆ และกระซิบข้างหูลลดาว่า... “อย่าปฏิเสธเลยนะครับ พี่อยากกอดหลิงจะแย่อยู่แล้ว” แค่คำพูดก็ทำให้แทบล้มทั้งยืน แต่ก่อนที่พศวัตจะเดินเข้าลิฟต์ เขายังใจร้าย กลั่นแกล้งลูบแก้มที่ร้อนผ่าวของลลดาเบา ๆ อีกด้วย “ซวยแล้ว...” เธอวางมือตรงหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา บอกตัวเองว่าบ้าไปแล้วแน่ ๆ แค่ถูกจับหน้าเองนะ ทำใจต้องสั่นขนาดนี้ด้วยล่ะ “หลิงต้องตอบตกลง” พลาธิปบอก หลังจากลลดาตามตัวมาขอคำปรึกษาเรื่องคำชวนของพศวัต เขาได้ยินแล้วก็ถึงกับอึ้งไปเลย ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันยังต้องชื่นชม ว่าไอ้คนนี้มันพูดตรงไม่แพ้ไม้บรรทัด อยากเลี้ยงดูก็ขอ ไม่อ้อมค้อมให้เสียเวลา “แต่หลิงมีโอกาสเสียตัวมากกว่าล้านเปอร์เซ็นต์เลยนะพี่ธิป” “ก็...” “ก็อะไร! ทำไมทำหน้าเหมือนจะบอกให้หลิงนอนกับคุณวัตไปซะ” “ก็มันเป็นทางเดียวที่หลิงจะช่วยลุงยศได้ไม่ใช่เหรอ” “โอ้โห! พูดออกมาได้ไงเนี่ย” ลลดาโมโห แต่เก็บกดความรู้สึกน้อยใจเอาไว้ ไม่โวยวายมากไปกว่านี้ เพราะถ้าไม่ได้พลาธิปช่วยเอาไว้ ป่านนี้พ่อคงไปอยู่ในคุก แต่ถามหน่อยเถอะ ถ้าเธอยอมพลีกายให้พศวัต หนี้ของพ่อจะกลายเป็นศูนย์เหรอ บ้านจะไม่ถูกธนาคารยึดเหรอ... ก็ไม่นิ เสียตัวไปแล้วได้อะไร เมื่อเลิกเป็นสายสืบ หนี้ก็ยังอยู่ บ้านก็ยังต้องหาเงินมาไถ่ถอน มันคุ้มค่ากันตรงไหน “แล้วนั่นไปโดนอะไรมาพี่ธิป” น้องสาวพักอาการหัวเสียไว้ก่อน ที่มุมปากของพี่ชายคล้ายมีรอยช้ำ “ยุงกัด” “ยุงกัดปาก?” “อือ” “ยุงหรือกำปั้น ไปโดนใครต่อยมา” “เออ ไม่ต้องสนใจหรอก” “อ้าว! ทำไมล่ะ ไปมีเรื่องกับใครมา” ลลดาอยากรู้ แต่พี่ชายยังเฉไฉ เขาไม่อยากบอกว่าถูกผู้บังคับบัญชากดดัน เนื่องจากคดีไม่คืบหน้า ผลงานจากสายสืบของน้องสาวก็ยังไม่คุ้มค่ากับงบที่เบิกมาใช้จ่าย เมื่อครู่จึงเผลอหลุดปากให้น้องตอบรับข้อเสนอ “เอาแบบนี้แล้วกันหลิง ปฏิเสธไป ทำแบบเดิม ไม่ต้องไปเป็นเมียมันหรอก” พลาธิปคิดใหม่ พูดใหม่ ระยะเวลาที่ตกลงกันไว้ยังเหลือเป็นเดือน อีกไม่นานน้องสาวน่าจะมีอะไรดี ๆ มารายงานบ้าง เพราะขนาดทำงานได้เพียงหนึ่งอาทิตย์ ยังได้ประชิดตัวพศวัต หากอยู่นานกว่านี้ คงได้เรื่องเด็ดไปรายงานเจ้านาย “ถ้าหลิงปฏิเสธคุณวัต เขาจะไล่หลิงออกจากร้านหรือเปล่า” ลลดานึกเป็นห่วง แม้จะต้องเหนื่อย ต้องระแวงว่าใครจะจับได้ แต่เงินที่ได้เป็นค่าตอบแทนนั้นมากมายจนน่าเสียดาย ทำงานแค่ไม่กี่วัน ตอนนี้เธอมีเงินหลายหมื่นแล้ว หากถูกไล่ออกเพราะขัดใจเจ้าของร้าน จะหาเงินจากไหนไปใช้หนี้ให้พ่อ งานนี้ถึงจะเสี่ยง แต่ก็คุ้มกับค่าตอบแทน “ถ้าไล่ออกก็ไม่เป็นไร พี่จะช่วยหลิงจ่ายหนี้เอง” “อื้อหือ! ถามจริง? พี่ธิปมีเงินเหรอ” “มีไม่เยอะ แต่ก็พอช่วยจ่ายหนี้จนกว่าหลิงจะเรียนจบแล้วหางานทำได้” พลาธิปบอกให้น้องสบายใจ เงินเดือนตำรวจไม่ได้มากมายอะไร เหลือเก็บแค่เดือนละไม่กี่พัน แต่สัญญาว่าจะช่วยอย่างเต็มที่ ทว่าเสียงแจ้งเตือนข้อความที่ดังขึ้นกลางดึก ทำให้พลาธิปที่งัวเงียตาสว่างขึ้นมาทันใด “หลิงจะตอบตกลงคุณวัตนะ” สองมือรีบโทรศัพท์กลับไปหาน้องสาว แต่ไร้ซึ่งการตอบรับใด ๆ ได้ยินเพียงเสียงบริการรับฝากข้อความเท่านั้น
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD