Soulmate 9 : หึง

2474 Words
นอนไม่หลับทั้งคืน จะตัดใจก็ยาก จะไปต่อก็เจ็บ ฉันยังนั่งขลุกอยู่บนที่นอนไม่ลุกไปไหน เอาตัวเองไปเล่นกับไฟจริงๆ ทั้งความร้อน ทั้งควัน ตอนนี้กำลังทำให้ฉันทรมาน ฉันนั่งกอดเข่าอยู่บนที่นอน เพราะถ้าออกไป แม่ต้องเห็นรอยที่คอแน่ๆ ก๊อก ก๊อก ก๊อก ~* คงเป็นแม่สินะ “เข้ามาได้เลยค่ะ ห้องไม่ได้ล็อค” สิ้นเสียงฉันประตูก็เปิดออก แต่แม่ดันใครคนนึงเข้ามาในห้อง คนที่ฉันไม่อยากเจอ เพราะพี่ ทุกอย่างมันถึงได้เป็นแบบนี้ “ฝากพี่เค้าหน่อยนะ แม่จะไปทำธุระ คุณคิมพี่ฝากลูกวันนึงนะคะ” “หนูเป็นผู้หญิงนะแม่ จะให้อยู่ในห้องกับผู้ชายสองคนได้ยังไง” แล้วฉันเป็นเด็กหรือไง ทำไมถึงต้องมีพี่เลี้ยง “งั้นแกก็ต้องออกมาข้างนอกสิ ไปละ ธุระสำคัญ” พอพูดจบแม่ก็ปิดประตูใส่ดัง ปัง!!!! ฉันมองหน้าพี่คิมที่กำลังงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น สรุปแม่เชียร์คนนี้ใช่ไหม ให้มันได้อย่างงี้สิ ฉันเศร้าอยู่ ไม่พร้อมจะรับแขกหรอกนะ “ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะรับแขก” “ไม่เป็นไร แขกรับตัวเองได้” พี่คิมทิ้งตัวลงที่ปลายเตียงของฉัน “ท่าจะชอบเค้ามากเลยนะเนี่ย รูปเต็มห้องเลย มีแต่รูปแอบถ่ายทั้งนั้นเลย โรคจิตใช้ได้เลย” พี่คิมมองสำรวจไปรอบๆห้อง “ถ้าฉันหยุดอยู่แค่แอบมอง ก็คงไม่ต้องเจ็บแบบนี้” พอคิดน้ำตามันก็ไหลออกมาอีกแล้ว ทำไมนายถึงไม่เข้าใจความรู้สึกของฉันเลยนะ “แม่เธอเรียกพี่มาทำไมเนี่ย” “แม่เรียกมา ???” ฉันตกใจเล็กน้อย แม่กำลังคิดทำอะไรกันแน่เนี่ย “ใช่” พอมองหน้าคนที่โดนหลอกมา อยู่ดีๆมันก็ขำออกมา แม่ฉันนี่ร้ายกาจไม่เบาเลย “ฮ่าาาาา ๆๆๆ พี่โดนแม่ฉันหลอกแล้วล่ะค่ะ” ทำไมพี่คิมมองฉันแปลกๆ “มันทำอะไรเธอ!!!” เสียงดุๆของพี่คิม ทำเอาฉันต้องรีบปิดรอยที่คอ “เปล่าค่ะ สงสัยแค่ยุงกัด” ฉันหัวเราะแหะๆ เพื่อกลบเกลื่อน “เฮ้อ เด็กโง่ โกหกไม่เนียนเลย ไม่เป็นไร รอยแค่นี้ซ่อนไว้ก็สิ้นเรื่อง” “ซ่อนยังไงคะ” พี่คิมไม่ได้ตอบอะไร แค่เดินออกจากห้อง แล้วหายไปซักพัก แล้วกลับมาพร้อมกับกล่องพลาสเตอร์ยา “มาพี่แปะให้” “ฉันแปะเองได้ค่ะ” “อย่ามาดื้อ” “แต่ถ้าพี่แปะ พี่ก็ต้องเห็นหมดสิ” “มันจะเห็นอะไรก็แค่ที่คอ เธอแปะเองมันจะไปตรงได้ไง รอยใหญ่ขนาดนี้ต้อง 2 แผ่นละมั้งเนี่ย” ทำไมถึงเถียงสู้เขาไม่ได้เลยเลยยยยยยยยย “ห้ามแอบมองนะ เดี๋ยวฉันขายไม่ออก ฉันจะสาปแช่งพี่ไปตลอดชีวิตเลย” พี่คิมขยับตัวเข้ามาใกล้ฉัน แล้วค่อยๆแปะพลาสเตอร์ อย่างตั้งใจ “ ทำอย่างกับไม่เคยมีใครเห็น หวงอะไรขนาดนั้น” “ก็ไม่เคยนะสิ” คำตอบของฉัน ทำเอาคนตรงหน้าละสายตาจากคอ มามองฉัน มองทำไมอะ ติดต่อไปสิ “หอมนะเนี่ย” ใครเขาสอนให้มาพูดแบบนี้ในระยะประชิดแบบนี้กันเนี่ย ฉันต้องกลัวไหมนะ สมองมันสั่งให้กลัว แต่ทำไมความรู้สึกมันถึงบอกไม่ต้องกลัวกันนะ เมื่อแปะเสร็จ พี่คิมก็ไม่ยอมเอาหน้าเอาออกไปซักที จะมองใกล้ๆแบบนี้อีกนานไหม ใกล้จนได้กลิ่นลมหายใจเลย ร่างกายมันเลยขยับไปเอง มือถูกยกขึ้นมาบังปากเอาไว้ “จูบต้องไว้ทำกับคนที่รักสิคะ” พี่คิมมองหน้าฉันแล้วยิ้มออกมาบางๆ เหมือนกับเข้าใจ “ถ้างั้นแค่นี้ก็คงได้สินะ” ฟอดดดดด คนตรงหน้าหอมที่แก้มของฉัน จนดังฟอดเสียงดัง ฉันเลยใช้มือดันเขาออกไปไกล อะไรกันเนี่ย!!!! (O.O) ฉัน ฉัน ฉันนนนน (O/////O) มาหอมฉันแล้วยังมาทำหน้ากวนใส่อีก อะไรของเขาวะเนี่ยยยย ให้มันได้อย่างงี้สิ กรึ๊กกกก ~ “มินิททททท เพื่อนมาหาแล้ว ไหนบอกอกหัก” หลินเปิดประตูเข้ามาช่วยชีวิตฉันไว้พอดี หลินอึ้งกับการเห็นผู้ชายที่ไม่รู้จักในห้องของฉัน “พี่คิมคะ นี่หลินเพื่อนของฉัน เพื่อนฉันมาแล้ว พี่ก็ไม่ต้องห่วงฉันแล้วก็ได้นะคะ” ไม่กล้ามองหน้าเขาเลย ฉันเดินไปหลบข้างหลังหลิน “อะไร แค่นี้เสียอาการเลยหรอ” พี่คิมเอ่ยแซวขึ้นมา โอ้ยยย อีตาคนนี้ ฉันจะทำยังไงกับเขาดี ฉันลากหลินลงมาข้างล่างกับฉันด้วย มันร้อนในอก เหมือนน้ำแข็งในใจ กำลังโดนคนขี้แกล้งละลาย “หนีไม่ได้หรอก วันนี้พี่เป็นผู้ปกครองเธอนะ แม่เธอฝากเธอไว้กับพี่แล้ว” เสียงกวนๆที่ดังตามหลังมา มันทำให้ฉันต้องรีบเดิน อย่างน้อยก็ไม่ได้อยู่กันสองคนแล้ว ถึงหลิงจะงงๆ แต่ก็ทำตามที่ฉันบอกโดยไม่ถาม ฉันนั่งลงที่โซฟา โดยเอาหลินคั่นเอาไว้ ทำไมอกหักแล้วยังต้องมาเจอเรื่องบ้าๆนี่ให้เศร้าไม่ออกด้วยนะ ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ คนเดียวไง “พี่คิมจีบมินิทหรือคะ” หลินยิงคำถาม “ก็ว่าใช่ ก็ใช่นะ” พี่คิมนั่งลงที่โซฟาตัวสั้น ที่จัดไว้เข้าเซท “พี่อายุเท่าไหร่อะ พี่คิดจะเคี้ยวหญ้าอ่อนหรอ” คำถามของหลินทำเอาฉันแอบขำเหมือนกัน “แค่ 32 แก่ตรงไหน เค้าเรียกมากประสบการณ์” พอบอกอายุออกมา ฉันแทบตกใจ เพราะดูแล้วยังไงก็ไม่น่าจะเกิน 27-28 ห่างกับฉัน 10 ปีเลยนะ “แก ฉันเชียร์พี่แบงค์อยู่ แกควรจะให้โอกาสเค้าบ้าง” ใครก็ได้เอามีดมาแทงฉันที อยากตาย นี่มันช่วงมรสุมของชีวิตหรือไง ใครก็ได้เอามีดมาแทงฉันที “แกจะเชียร์คนอื่น ให้ฉันมีตัวเลือกเพิ่มทำไม ยังไงมันก็ต้องมีแค่คนเดียว” “ไม่รู้แหละ วันนี้ฉันนัดพี่แบงค์ไว้แล้ว ที่สนามบาส แกต้องไป” “เอาเข้าไป แต่ละคน ให้มันได้อย่างนี้สิ” ฉันได้แต่เอามือกุมขมับของตัวเองเอาไว้ “อีหลินฉันมีแขกกกก แม่ฉันหาพี่เลี้ยงมาให้หน่ะ กลัวหลงหมู่บ้านตัวเองที่อยู่มาตั้งแต่เกิดมั้ง” “พี่ไปด้วยก็ได้นะ” เสียงของคนที่เงียบมานาน แล้วรอยยิ้มทีน่าอึดอัดมันก็กลับมาอีก มันเป็นการลงโทษสินะ โทษของการที่ฉันข้ามเส้นการแอบมอง บังอาจเปิดใจให้เติร์ดเข้ามาในชีวิต ความวุ่นวายทั้งหลายเลยตามมาด้วย สรุปแล้วหลินก็ลากฉันออกมาจนได้ แต่ที่สำคัญมันต้องลากพี่คิมออกมาด้วย เมื่อวานเพิ่งถูกเขาพูดมาแบบนั้น ฉันยิ่งไม่อยากให้เติร์ดเห็นฉันกับพี่คิมเลย ทำไมฉันถึงต้องแคร์เขาแบบนั้นนะ ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้แคร์ฉันสักนิด เมื่อเรามาถึงสนามบาส หลินก็ตะโกนเรียกพี่แบงค์เสียงดัง จนคนทั้งสนามหันมามองที่เรา แม้แต่คนที่ฉันไม่อยากให้มอง “ที่นี่คึกคักดีจัง” “ฉันอยากกลับ” ฉันหันไปสบตาทั้งสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาในสนาม “ที่ไม่อยากมา เพราะเค้าอยู่ นี่เอง” พี่คิมแซวฉันเมื่อเห็นเติร์ดกำลังเล่นบาสอยู่ในสนาม ไม่นานพี่แบงค์ก็วิ่งออกจากสนามมา แล้วแม่สื่อของฉันก็ทำงานทันที มันเป็นการคุยกันที่ธรรมดามาก เพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่แบงค์เลย แม้หลินจะช่วยเต็มที่ก็ตาม “คุณคิม เอาซักหน่อยไหม” เติร์ดเดินเข้ามาชวนคนข้างๆฉันเข้าไปเล่นบาส “ไม่อะ วันนี้พี่มาเป็นผู้ปกครองให้มินิท” พี่คิมตอบออกไป ไม่ได้สนใจจะเล่นบาสด้วยซ้ำ “หรือพี่กลัวแพ้” “แค่เล่นเฉยๆเองหรอ ชนะแล้วได้อะไร” นั่นไง ยุขึ้นด้วย เฮ้อออออ “ยัยนี่” เติร์ดพูดพร้อมชี้นิ้วมาที่หัวของฉัน “ไม่ตลก ฉันไม่ใช่ของเล่นของนายนะ” “ถ้าแพ้ จะมาวิงวอนไม่ได้นะ” พี่คิมมมมม พี่ก็ไปบ้ายุตามเขาน้ออออออ โอ้ยยย ปวดกระบานนนน พี่คิมจะเอาอะไรไปสู้เขาาาาา เติร์ดเล่นมาตั้งแต่มัธยม แถมอายุมากกว่าเขาตั้ง 10 ปี “เลือกทีมเลย” ถึงบอกจะให้เลือก แต่จะเลือกยังไงพี่คิมไม่รู้จักใครเลย ขี้โกงชะมัด “เลือกยัยนี่” พี่คิมชี้มาที่ฉันเป็นคนแรก ทำไมหวยถึงมาออกที่ฉันอะ ฉันจะไปเล่นเป็นได้ยังไง “งั้นพี่อยู่ทีมมินิท” พี่แบงค์ยืนดูอยู่นานแล้ว เลยมาขอเข้าทีมกับพี่คิมซะงั้น เอาเข้าไป พวกพี่บ้ากันไปแล้วหรอ ถึงจะเคยเรียนบาสมาบ้าง แต่พวกนั้นมันนักกีฬาเลยนะ โอ้ยยยย ทำไมแค่เล่นบาสทำไมต้องจริงจังขนาดนี้!!! “แบงค์ใช่ไหม เป็นเซ็นเตอร์ใต้แป้นเลย เดี๋ยวให้มินิทอยู่ตำแหน่งฟอลเวิร์ด” พี่คิมตอนทำหน้าจริงจัง ดูดีผิดคาดเลย “พวกนั้นเล่นเก่งมากนะ พี่ไหวหรอ เติร์ดนั่นนักกีฬานะ” พี่แบงค์ถามด้วยความสงสัย “ต้องดูก่อน ว่าเก่งแค่ไหน ไม่รู้ความสามารถผู้ต่อสู้ จะแข่งยังไง” “แล้วฉันต้องทำอะไรอะ” ฉันหันไปถามพี่คิม ที่มองฉันแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ “ยืนเฉยๆ” แล้วเลือกฉันมาทำไมวะ เอามายืนเฉยๆ พี่แบงค์อธิบายว่า เล่นสตรีทบาสเกตบอล เล่นทีมละ 3 คน แล้วใช้พื้นที่แค่ครึ่งสนาม เราจะเลือกหัวก้อยว่าทีมไหนได้บอล แต่เพราะฉันยืนอยู่เฉยๆไม่ต้องอธิบายมากก็ได้ “ไม่สนุกเลยสักนิด เอาฉันมาเล่นด้วยทำไม” ฉันบ่นอุบอิบ “แก้เครียดหน่า คิดเยอะไปนะเราอะ” พี่คิมตอบแบบกวนๆ แก้เครียดไรวะ เครียดกว่าเดิมอีก ฉันจะยืนเฉยๆ ท่าไหน จะกันบอลได้ยังไง แล้วถ้าฉันทำทีมแพ้ล่ะ เราเลือกหัวก้อยทีมเติร์ดได้บอลก่อน แล้วก็ตามคาดฝั่งนู้นทำแต้มได้ไปก่อน เกมดำเนินไปเรื่อยๆ ทางเราเหมือนจะถูกทำแต้มห่างไปเรื่อยๆ ถึงจะหยุดคนอื่นได้ แต่พี่คิมวิ่งอยู่คนเดียวในเกมส์ อยู่ดีๆพี่คิมก็ยิ้มออกมา เขากำลังทำอะไรกันแน่นะ พอเราทำแต้มได้ พี่คิมจะเดินเข้ามาหาฉัน “ยิ้มเดี๋ยวนี้” คำสั่งที่พูดขึ้นเมาเบา ๆ มันทำเอาฉันงงๆ แต่ก็ทำตามแต่โดยดี “แก่ แล้วเริ่มเหนื่อย” ฉันขำก๊ากออกมา เพราะอยู่ดีๆคนแก่ของฉันก็บ่นอุบออกมาว่าเหนื่อย แต่ฉันต้องตกใจ เพราะเติร์ดปาบอลอย่างแรงลงบนสนาม จนมันเกือบจะกระเด้งมาโดนฉัน แต่พี่คิมปัดออกไปให้ “จะพลอดรักกันอีกนานไหม” เติร์ดกดเสียงต่ำใส่ฉันด้วยความโมโห “มันก็เรื่องของผม” พี่คิมตอบกลับ ด้วยรอยยิ้มกวนอย่างผู้ชนะ อะไรวะ ฉันนี่เกือบโดนบอลของนายแล้วนะ พอเกม เริ่มต่อแล้วเราทำแต้มได้ พี่คิมเพิ่มเลเวลความดีใจ คือดึงฉันมาซบที่อก แล้วก็บังคับให้ฉันยิ้มเหมือนเดิม ฉันเข้าใจแล้ว เขากำลังยั่วโมโห มือชู๊ดดิ้งกาดไม่ให้ทำ 3 แต้ม แล้วมันก็ได้ผล เติร์ดแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน ทั้งๆที่ปกติเขาจะเก็บอารมณ์อยู่ตลอดเวลา เกมพลิกเราขึ้นมาขึ้นนำ 14:13 คะแนน อีกแค่แต้มเดียวเราก็ชนะ ไม่เข้าใจ ปกติเติร์ดจะประกบพี่คิม แต่รอบนี้ดันมาประกบฉันที่เป็นตัวไร้ประโยชน์แทน ตั้งใจจะทำอะไร พอเกมเริ่ม เขากลับไม่วิ่งตามบอล แต่กลับมองมาที่ฉันแทน “ยัยตัวแสบ บังอาจร่วมมือกับคนอื่นเพื่อเอาชนะฉันหรอ” เติร์ดเดินเข้ามาหาฉัน ในเวลาที่คนอื่นกำลังแย่งบอลอย่างเอาเป็นเอาตาย “นายจะทำอะไร” ฉันถอยหลังหนี คนที่มองฉันด้วยสายตาดุๆ คิ้วที่ขมวดเข้าหากันจนผูกเป็นปม บ่งบอกว่าเขากำลังหงุดหงิดแค่ไหน บอลถูกส่งมาให้เติร์ด ที่ตอนนี้จ้องหน้าฉันอยู่ เขายื่นมือออกไปปัดบอลออก ด้วยมือข้างเดียว แล้วก็ยังเดินเข้ามาใกล้ฉันอีก “ห้ามหนี!!” ขาที่กำลังจะก้าวถอยหลังมันหยุดชะงัก ฉันจ้องมองสายตาดุๆนั้น เหมือนต้องมนต์สะกด แขนยาวๆของคนตรงหน้า รวบหัวของฉันเข้ามาจูบท่ามกลางสายตาทุกคน ฉันได้แต่อึ้ง เพราะนี่มันที่สาธารณะนะ “ห้ามมองคนอื่น ห้ามยิ้มให้คนอื่น ห้ามกอดกับคนอื่น” เขาตะคอกใส่ฉันเน้นทุกคำชัดเจน “ทำไม” พูดออกมาสิ พูดมันออกมา พูดให้ฉันรู้หน่อยที่ทำไปทั้งหมด นายทำเพื่ออะไร “ฉันหึง หึงจนจะเป็นบ้าอยู่แล้ว” เสียงที่อ่อนลง แววตาที่อ่อนลง มันทำเอาฉันไม่อาจจะละภาพตรงหน้า เหมือนตัวเองที่กำลังจะเป็นแมงเม่าอีกครั้ง ที่กำลังจะเต็มใจบินเข้ากองไฟ ฉันไม่ได้สับสนว่าจะเลือกใคร แต่แค่สับสนว่าเพราะกลัวว่ามันจะเสียใจ ฉันไม่มีทางลบตัวตนของเขาออกจากใจได้เลย “แล้วถ้านายทำฉันเสียใจอีกล่ะ” “เธอก็ต้องอยู่ เพราะเธอเป็นของฉัน” เขากล้าพูดออกมาได้ไง เห็นแก่ตัวสุดๆ แต่ชอบจังเลยคำว่าเป็นของฉันเนี่ย “เห็นแก่ตัว” “แล้วไอ้พลาสเตอร์เนี่ยไม่ต้องแปะ คนอื่นเห็นจะได้ไม่มายุ่งกับเธออีกไง” เติร์ดพูดพรางมองไปที่พี่คิม พร้อมกับแกะพลาสเตอร์ที่พี่แปะให้ออก นายนี่มันปีศาจจริงๆ ฉันไปหลงรักปีศาจแบบนี้ได้ยังไง ร้ายกาจที่สุด “ยัยนี่ผมจะไปส่งเอง คุณผู้ปกครองไม่ต้องเป็นห่วง” “คงจะไม่ได้ ผมรับปากแม่ของเธอเอาไว้แล้ว” พี่คิมตอบปฏิเสธทันควัน “ไป ยัยโรคจิต” ฉันถูกลากมาขึ้นรถ สีขาวคันที่คุ้นเคย ดูก็รู้ว่ารถจะไปที่ไหน คงจะเป็นบ้านเขาสินะ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD