บทที่ 9
ปลอบโยน
"น้ำดื่มเย็น ๆ ค่ะ" น้ำเสียงใส ๆ ดังเข้าสู่โสตประสาททำให้อิฐหันไปมองด้วยสายตาเรียบนิ่ง
หญิงสาวตรงหน้าส่งแก้วน้ำดื่มมาให้ ก่อนที่เธอจะนั่งที่พื้นพรม ซึ่งด้านหน้าของเธอเป็นโต๊ะกระจกทรงเตี้ยที่ตอนนี้มีสมุดและโน้ตบุ๊กวางอยู่บนนั้น
อิฐถอนหายใจออกมาพร้อมกับส่ายหน้าเล็กน้อย ถามกับตัวเองซ้ำ ๆ ว่าทำไมเขาถึงใจอ่อนยอมทำตามคำขอของเด็กนี่ด้วย
"คือ...ปิ่นจดตามที่พี่อิฐพูดไม่ทันเลยน่ะค่ะ ปิ่นเลยอยากให้พี่อิฐช่วยอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจของพี่อิฐอีกครั้งได้ไหมคะ"
"จดไม่ทันหรือไม่ได้ตั้งใจฟังกันแน่"
"แหะ...คือว่า..."
"ฉันเห็นเธอเอาแต่เหม่อ สิ่งที่ฉันพูดมันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยหรือไง"
"ปะ...เปล่านะคะ ไม่ใช่ค่ะ ปิ่นแค่...เอ่อ ปิ่นแค่คิดเรื่องอื่นเลยไม่ทันได้ฟังพี่..."
"ไม่ตั้งใจฟังฉันแต่อยากให้ฉันอธิบายให้เธอฟังอีกครั้งอะนะ เอาเปรียบคนอื่นไปหน่อยไหมหืม"
"ปิ่นขอโทษค่ะ คือปิ่น..."
"สเต๊ก"
"ฮะ? อะ...อะไรนะคะ พี่อิฐพูดถึงอะไรเหรอคะ"
"ขอมื้อเย็นเป็นสเต๊กแล้วฉันถึงจะยอม"
"ดะ...ได้ค่ะ! ได้เลยค่ะพี่อิฐ ปิ่นทำให้ได้ทุกอย่างเลย!"
บทสนทนาเหล่านั้นย้อนหวนกลับมาทำให้อิฐยังนึกแปลกใจกับตัวเอง เขาขอให้เด็กนี่ทำสเต๊กให้กินเป็นมื้อเย็นแลกกับการอธิบายเกี่ยวกับงานธุรกิจที่บ้านให้เธอฟังอีกครั้ง
เหอะ...น่าขำสิ้นดี
"ปิ่นพร้อมแล้วค่ะ พี่อิฐพูดมาได้เลย" ปิ่นนั่งจุ้มปุ๊กอยู่บนพื้นพรม ส่วนอิฐนั่งอยู่บนโซฟาทำให้ตอนนี้ระดับตัวของหญิงสาวอยู่เพียงหน้าขาแกร่งของเขาเท่านั้น
แววตาหวานมองเขาอย่างมีความหวัง เธอหยิบดินสอและสมุดหวังจะมาจดตามสิ่งที่เขาบอก แถมยังพ่วงด้วยการนำโทรศัพท์ของตัวเองมาอัดเสียงไว้อีกด้วย
"คราวนี้ก็ตั้งใจฟังล่ะ ขี้โกงเพื่อนคนอื่น ๆ มากเลยนะ คนอื่นเขาไม่มีฉันไปพูดให้ฟังอีกรอบ ส่วนเธอน่ะโคตรวีไอพี!"
"แหะ...ขอโทษค่า คราวนี้ปิ่นจะตั้งใจฟัง พี่อิฐพูดไปยาว ๆ รวดเดียวเลยค่ะ!"
อิฐส่ายหน้าน้อย ๆ เมื่อเห็นรอยยิ้มของหญิงสาวที่ไม่รู้ว่าอารมณ์ดีมาจากไหน ทั้งที่เมื่อกี้เขาออกปากดุเธอด้วยซ้ำ แต่เจ้าหล่อนยังเอารอยยิ้มเข้าสู้เสียจนเขาไม่กล้าโหดใส่เลยทีเดียว
อิฐเริ่มอธิบายถึงจุดเริ่มต้นของการก่อตั้งธุรกิจ ทางบ้านของอิฐทำธุรกิจจิลเวอรี่ ซึ่งตัวเขานั้นเป็นรุ่นที่สามแล้วที่เข้ามาบริหารต่อ ขณะที่อิฐยังคงอธิบายปิ่นเองก็จดตามคำพูดของเขาอย่างตั้งมั่น แต่ก็มีบางจังหวะที่เธอพลาดไปจนต้องชะงักมือและเคลื่อนไปจดที่หัวข้อใหม่
การกระทำเหล่านั้นอยู่ในสายตาของอิฐอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะยังคงให้ข้อมูลกับคนตัวเล็ก แต่สิ่งที่กำลังก่อกวนใจเขาอยู่ในตอนนี้ก็เห็นจะเป็นใบหน้าหวาน ๆ ของเธอที่เขาจดจ้องมองมันไม่วางตา รวมไปถึงแก้มใสออกสีแดง เคลื่อนลงมาเป็นริมฝีปากได้รูป พานทำให้นึกถึงสัมผัสในค่ำคืนนั้นที่เธอและเขาตกเป็นของกันและกัน
"พี่อิฐคะ...พี่อิฐคะ ได้ยินปิ่นไหม"
"ฮะ!? เธอว่าอะไรนะ" อิฐสะดุ้งรีบเบนสายตาออกไปอีกทางเมื่อเห็นว่าตอนนี้หญิงสาวกำลังมองมาที่เขา
"เมื่อกี้ช่วงที่พี่อิฐพูดถึงประธานบริษัท พี่อิฐพูดว่าอะไรนะคะ ท่านคือพ่อของพี่ใช่ไหม แหะ...พอดีปิ่นจดไม่ทันน่ะค่ะ" ปิ่นยิ้มแหย ๆ ใจจริงอยากจะจดข้ามแต่ในหัวข้อนี้สำคัญจนปล่อยผ่านไม่ได้
"เธอนี่มัน...! ไหนดู เธอจดไปว่าอะไร" อิฐมองด้วยสายตาดุ แต่ก็โน้มใบหน้าลงกวาดมองไปยังสิ่งที่คนตัวเล็กได้ขีดเขียนลงไปใกล้ ๆ
ปิ่นชะงักงันก่อนจะเม้มปากแน่น เพราะตอนนี้ใบหน้าของอิฐโน้มเข้ามาใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจ แถมกลิ่นน้ำหอมผู้ชายราคาแพงของเขาก็ยังทำให้เธอหวนนึกถึงค่ำคืนพลั้งพลาดที่เธอและเขามีความสัมพันธ์ร่วมกัน
หัวใจดวงน้อยสั่นระริก แก้มสองข้างร้อนเห่อและแดงซ่าน อยากบอกกับเขาตรง ๆ ว่าช่วยขยับหน้าออกไป เพราะเขากำลังทำให้คนแถวนี้ดิ้นพล่านด้วยความหวั่นไหวจนกักเก็บไม่อยู่
หลังจากที่วันนั้นเธอก็รู้ตัวเองว่าเธอกำลังหวั่นไหวกับการกระทำของเขา คนที่ไม่เคยได้รับการดูแลเอาใจใส่พอมีคนใจดียื่นมือเข้ามาก็ทำให้คนอ่อนแออย่างเธอพร้อมที่จะซบอิงและยึดเกาะเป็นที่พึ่งสุดท้ายในชีวิต
"ทำไมหน้าแดง" เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยใกล้ชิด แต่กลับทำให้ปิ่นเบิกตากว้างและหลบสายตาลงในทันที
มือเล็กยกขึ้นประคองใบหน้าตัวเอง อยากวิ่งหนีเข้าไปในห้องน้ำ แต่ก็ใจไม่กล้าพอที่จะหักห้ามความรู้สึกของตัวเองได้
"ปะ...ปิ่น เอ่อ คือปิ่น..."
"เป็นอะไร" อิฐเอ่ยถาม สายตาก็กดมองใบหน้าหวานด้วยความแปลกใจ
กริ๊ง...กริ๊ง...
"อ๊ะ..." ปิ่นร้องขึ้นด้วยความตกใจกับเสียงกริ่ง แต่ทว่ามันก็เหมือนกับเป็นเสียงสวรรค์ที่ช่วยชีวิตเธอในตอนนี้
"น่าจะมาแล้ว ไปเปิดประตูสิ"
"คะ? ใครมาเหรอคะ" ปิ่นทำหน้างุนงงเมื่อได้ยินประโยคนั้นจากเขา เธอไม่ได้สั่งอะไรและก็ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่นี่ คงจะเป็นฝ่ายตัวอิฐเองมากกว่า
"ไปดูสิ" อิฐไม่ได้ตอบแต่เขาพยักพเยิดหน้าไปยังประตูพร้อมกับยกยิ้มที่มุมปาก
หญิงสาวเกาหัวแกรกแถมยังขมวดคิ้วยุ่ง แต่ก็เดินไปยังประตูก่อนจะเปิดมันออก สิ่งแรกที่เห็นคือผู้หญิงคนหนึ่งที่ตอนนี้กำลังถือกล่องและถุงกระดาษหลายใบไว้ในมือ เธอส่งยิ้มกว้างอย่างเป็นมิตร หลังจากนั้นก็โค้งศีรษะลงเล็กน้อยให้กับปิ่นที่ยืนงุนงงจนพูดไม่ออก
"สวัสดีค่ะ ของที่สั่งได้แล้วค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ"
"ของที่สั่ง...แต่ฉันไม่ได้สั่งอะไรนะคะ คุณน่าจะเข้าใจผิด"
"ไม่ผิดหรอกค่ะ คุณอิฐเป็นคนสั่งมาค่ะ"
"คะ?"
"ฉันขอตัวก่อนนะคะ" คนตรงหน้าส่งยิ้มกว้างก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป หลงเหลือเพียงปิ่นที่กำลังชะงักงันตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน
"เขาไปแล้วเธอก็กลับมานี่สักที จะยืนอยู่ทำไม" เสียงเข้มเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กยังคงยืนอยู่หน้าประตู หลังจากที่เขาเอ่ยแบบนั้นก็ทำให้หญิงสาวหันมามองอย่างเอาคำตอบ
"คืออะไรคะ พี่อิฐสั่งของมาเหรอคะ นี่ของพี่อิฐเหรอ" ปิ่นกลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับข้าวของที่วางลงบนพื้นพรมข้าง ๆ กาย
"ของเธอนั่นแหละ"
"คะ? อะไรนะคะ?"
"เปิดดูสิ"
แววตาหวานสั่นไหวมองคนตัวโตอย่างไม่วางใจนัก เธอไม่รู้ว่าเขาจะเล่นอะไรกันแน่ แล้วของที่ว่าน่ะเขาซื้อให้เธอจริงหรือเปล่า
มือเล็กจัดการเปิดดูของในถุงแรกออกในทันที เธอลอบมองการกระทำของคนตัวโตสลับกับการแกะของ แต่พอเปิดมันออกก็ทำให้เบิกตากว้าง เพราะของตรงหน้านั้นคือแท็ปเล็ตรุ่นใหม่ล่าสุดที่ราคาเกือบครึ่งแสน!
"นี่มัน..."
"เอาไว้ใช้ตอนเรียน มันสะดวกกว่าจดสมุด"
"พะ...พี่..." เสียงหวานสั่นเครือและยังคงตกใจกับสิ่งตรงหน้าไม่หาย เธอกำลังสับสนและมึนงง ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นความฝันหรือเรื่องจริงกันแน่
"ทำไม เป็นอะไร"
"ทำไม...ทำไมถึงให้ปิ่น..."
"ให้รางวัลคนขยันอย่างเธอไง" อิฐตอบเสียงเรียบแต่มันเป็นคำตอบที่ออกมาจากใจของเขาจริง ๆ
เขาเองก็ไม่รู้นักหรอกว่าทำไมถึงอยากซื้อให้เธอ แต่เห็นว่าเธอคนนี้ทั้งขยันเรียนและขยันทำงานเพื่อถีบตัวเองให้อยู่ในจุดที่ดีขึ้น มันก็ทำให้เขาอดเห็นใจไม่ได้
"เปิดดูอีกถุงสิ ถุงนั้นเป็นปุ๋ยบำรุงต้นไม้ ฉันเห็นเธอปลูกต้นไม้ด้วยก็เลยเอามาให้ ใบกำลังออกสวยเลย บำรุงเยอะ ๆ มันจะได้โตไว ๆ"
อิฐอธิบายต่อถึงของอีกอย่างที่เขาได้ให้เลขาส่วนตัวซื้อมาให้ ไม่ว่าจะเป็นแท็ปเล็ตสำหรับการเรียน และของบำรุงต้นไม้ที่แอบเห็นว่าเธอปลูกมันไว้ด้วย
"ฮึก..."
ทว่าหยาดน้ำตาไหลหลั่งออกมาตามใบหน้าหวาน หญิงสาวก้มหน้าลงพลางปาดเช็ดมันออกลวก ๆ เพราะไม่อยากร้องไห้ออกมาต่อหน้าเขาแบบนี้
"เฮ้ย...ร้องไห้ทำไม ไม่ชอบเหรอ ไม่ถูกใจเหรอ ทำไมถึง..."
"ฮึก...ชอบค่ะ ปิ่นชอบมาก" ปิ่นพยักหน้ารับหงึก ๆ ทั้งที่หยาดน้ำตายังคงไหลหลั่ง เธอพยายามกัดกลั้นแล้วแต่มันกลับพังทลายทำให้เธอเปิดเผยทุกความรู้สึกออกมา
"แล้วทำไม..."
"พี่อิฐเป็นคนแรกเลยนะคะที่ทำให้ปิ่นรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า อย่างน้อยปิ่นก็ยังอยากมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ต่อเพื่อตอบแทนบุญคุณของพี่"
"อย่าพูดแบบนี้" เสียงทุ้มสั่นเครือเมื่อได้ยินคำนั้นจากเธอ หัวใจแข็งแกร่งของเขาวูบโหวง ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเธอจะรู้สึกโดดเดี่ยวเช่นนี้
"ปิ่นตั้งใจเรียน ขยันทำงาน เพราะปิ่นอยากมีชีวิตที่ดีและออกจากคนใจร้ายที่บ้านหลังนั้น หลายครั้งปิ่นเคยอยากฆ่าตัวตายเพราะไม่รู้ว่าตอนนี้จะอยู่ไปเพื่ออะไร ฮึก...ลูกเมียน้อยที่ไม่มีใครรัก อยู่ที่บ้านหลังนั้นก็ถูกพี่สาวกับแม่เลี้ยงทำร้ายสารพัด"
เสียงสะอื้นฮักทำให้อิฐทรุดตัวลงและกอดรั้งร่างกายของหญิงสาวเข้าหาตัว มือหนากดศีรษะเล็กให้ซบอิงที่อกแกร่ง ลูบเบา ๆ ปลอบประโลมให้ความเสียใจบรรเทาลง
"ถึงฉันจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่เลวเท่าคนพวกนั้น"
ใบหน้าหวานกดฝังอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของอิฐอย่างคนลืมตัว เธออยากอยู่แบบนี้ไปนาน ๆ เพราะสัมผัสอบอุ่นแบบนี้เธอหาจากไหนไม่ได้อีกแล้ว เขาเป็นคนเดียวที่เธอไว้ใจ และรวมไปถึงการมอบหัวใจอันบริสุทธิ์ให้กับเขาโดยไม่มีเหตุผล
"ฮึก..."
"อย่าร้อง" อิฐเอ่ยแผ่วเบาและจับคางมนให้เชยขึ้น
สายตาสองคู่สบประสานกันอย่างลึกซึ้ง จนกระทั่งริมฝีปากได้รูปกดทาบทับอย่างอ่อนโยน หวังปลอบประโลมด้วยสัมผัสหวานละมุนให้กับเด็กสาวที่อยู่ในอ้อมแขน
กลีบปากนุ่มเผยอออกส่งผลให้เรียวลิ้นแทรกเข้าไปกวาดชิมกับความหอมหวานได้ตามที่ต้องการ อิฐตักตวงช้า ๆ สลับกับจังหวะเคล้าคลึงพานทำให้ปิ่นเผลอไผลตอบรับโดยไม่รู้ตัว
"จูบหวาน ๆ ไม่น่ามีรสเค็มจากน้ำตาเข้ามาแทรกเลยนะ" อิฐผละริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะเอ่ยเบา ๆ และกดไล้จมูกตามแก้มใสที่เปียกชื้นไปกับน้ำตา
"พี่..."
"ฉันบอกเธอแล้วไงว่าฉันจะเป็นโลกที่ใจดีสำหรับเธอเอง" อิฐกดริมฝีปากลงไปอีกครั้ง แต่ทว่าครั้งนี้มันไม่ใช่การปลอบโยน แต่มันเป็นความต้องการที่เขาอยากเก็บเกี่ยวความหวานจากเธอเสียมากกว่า
ปิ่นหลับตาพริ้มปล่อยหัวใจให้เขาเคล้าคลึงจนพอใจ หัวใจดวงน้อย ๆ สั่นคลอนเคลื่อนไหวที่ตะโกนก้องชัดเจนว่าเธอชอบเขาแล้วจริง ๆ
มันผิดหรือเปล่าที่เธอรู้สึกดีกับการกระทำของเขา ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมีเบื้องหลังเช่นไร แต่รู้เพียงว่าตอนนี้เธอได้มอบทุกความรู้สึกให้กับเขาผู้นี้ไปเสียแล้ว...