- 4 -
ละอายใจ
การประชุมบอร์ดบริหารสิ้นสุดลงเมื่อได้ข้อยุติที่เห็นพ้องต้องกันทุกฝ่าย หลังจากนั้นผู้คนก็ต่างแยกย้ายกันออกจากห้อง ทว่ายังหลงเหลือผู้ถือหุ้นหนุ่มที่อายุน้อยที่สุดในเหล่าบรรดาตำแหน่งสูง ซึ่งตอนนี้กำลังกดสายตามองแฟ้มเอกสารด้วยแววตาเรียบนิ่ง แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความเครียดมากมายที่แฝงซ่อนอยู่
"ทำไมยังไม่กลับล่ะอิฐ เป็นอะไรหรือเปล่า" เสียงเข้มเอ่ยถามเมื่อกำลังจะเดินออกจากห้อง แต่พอหันกลับมาก็เห็นว่าลูกชายคนนี้กำลังนั่งจมอยู่ในห้วงอารมณ์
"เปล่าครับ"
"เครียดเรื่องโปรเจกต์นี้เหรอ" ฝ่ามือหนาตบเบา ๆ ที่บ่าแกร่งของลูกชายเมื่อล่วงรู้ความกังวลผ่านสีหน้า เป็นพ่อเป็นลูกกันย่อมรู้ความคิดความอ่านได้เป็นอย่างดีว่าลูกคนนี้กำลังคิดถึงสิ่งใด
"ครับ"
ในเมื่อผู้เป็นพ่อล่วงรู้เขาก็ไม่อาจโกหกต่อได้ อิฐขึ้นเป็นผู้บริหารด้วยอำนาจของพ่อที่เป็นผู้ก่อตั้งบริษัทและถือหุ้นใหญ่ อายุของอิฐเพียงยี่สิบหกปีนั่นจึงทำให้ใครต่อใครก็ต่างครหากันนักว่าเขาไม่มีความสามารถพอที่จะดำรงตำแหน่งนี้
"อย่าคิดมากเลยอิฐ ค่อย ๆ เรียนรู้ไป แล้วก็อย่าไปสนใจคำคนอื่นมาก ลูกพ่อเป็นยังไงพ่อรู้ดี"
"ขอบคุณครับ ผมจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง" อิฐยิ้มบาง ๆ เพราะรู้ดีว่าพ่อของตนไม่เคยกดดันหรือคาดหวังให้ตัวเขารู้สึกอึดอัดเลย มีแต่เขานี่แหละที่คิดว่าตัวเองไม่ดีพอและไม่เหมาะสมที่จะยืนอยู่จุดนี้
"แล้วนี่จะกลับมานอนบ้านหรือเปล่าอิฐ ยัยอันถามถึงจนพ่อไม่รู้จะตอบยังไงแล้ว"
"งั้นเดี๋ยววันนี้ผมไปรับน้องที่มหา'ลัยดีกว่า ยัยอันต้องดีใจแน่ ๆ"
อิฐยิ้มน้อย ๆ เมื่อนึกถึงใบหน้าของน้องสาวที่จะต้องตกใจเป็นแน่เมื่อเห็นหน้าของเขา
'อันดามัน' เป็นน้องสาวต่างมารดา อายุห่างจากเขาสี่ปี แม้ว่าจะคนละแม่แต่อิฐก็รักและห่วงใยเธอเหมือนน้องแท้ ๆ คนหนึ่ง
"ผมไปนะพ่อ เจอกันที่บ้านครับ" อิฐเอ่ยบอกก่อนจะเดินออกจากห้องไปด้วยท่าทางอารมณ์ดี ผิดกับตอนแรกที่เคร่งเครียดคิดการณ์ไกลถึงเรื่องในอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น
อิฐออกมาจากบริษัทและตรงไปยังรถยนต์คันหรูของตัวเอง ยานพาหนะคันนี้เป็นคันโปรดปรานที่เขาใช้งานมันบ่อยที่สุด พลันเมื่อประจำที่ฝั่งคนขับเรียบร้อยอิฐก็กดโทรศัพท์เชื่อมต่อกับเครื่องยนต์และโทรหาน้องสาวอย่างอันดามัน พร้อม ๆ กับการขับเคลื่อนรถไปตามท้องถนน
(ขาพี่อิฐ)
เสียงหวาน ๆ เอ่ยออกมาก็ทำให้อิฐยิ้มออก ไม่ต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าน้องสาวคนนี้จะต้องยิ้มแป้นหน้าบานอยู่เป็นแน่
"เลิกเรียนหรือยัง พี่ว่าจะเข้าไปรับ"
(อีกครึ่งชั่วโมงค่ะพี่อิฐ แล้วนี่นึกยังไงเนี่ยถึงโทรมา หายไปสองวันนึกว่าลืมหน้าน้องไปแล้วนะ)
"หืมมีงอนซะด้วย ก็นี่ไงพี่กำลังจะไปรับนี่ไง"
(แต่อันยังไม่เลิกเรียนเลยอ่า งั้นเอางี้...พี่อิฐไปรออันที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้ามประตูหน้าได้ไหมคะ ถ้าเลิกเรียนแล้วเดี๋ยวอันรีบไปหา)
อิฐลองนึกภาพเส้นทางก็เดาออกในทันที ถนนเส้นมหา'ลัยรถค่อนข้างติดเนื่องจากอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้าและตลาดใหญ่ การที่น้องสาวของเขาบอกให้ไปรอที่ร้านกาแฟก็นับว่าเป็นความคิดที่ดีอยู่เหมือนกัน เพราะไม่ต้องไปเผชิญรถติดร่วมกับรถคันอื่น
"เอางั้นก็ได้"
(พี่อิฐสั่งเครปเค้กให้ด้วยสิ แล้วก็วาฟเฟิลช็อกโกแลตด้วยนะคะ อันอยากกิน)
"แหม นี่ตั้งใจจะให้พี่เลี้ยงขนมใช่ไหมเนี่ย"
(ก็ใช่สิคะ ของที่สั่งรวม ๆ กันแล้วก็เกือบห้าร้อย นักศึกษาอย่างอันจะไปมีเงินจ่ายได้ยังไง มีพี่ชายก็ต้องให้พี่ชายจ่ายสิถึงจะถูก)
อิฐหัวเราะตามน้ำเสียงของน้องสาว หากอยู่ใกล้คงได้หยิกแก้มใส ๆ จนยืดไม่อายใครแน่นอน
"แสบนัก ตั้งใจเรียนได้แล้ว พี่จะไปรอที่ร้านนั้นเลิกเรียนแล้วก็รีบมาล่ะ อย่าเถลไถล"
อิฐเอ่ยบอกอย่างไม่จริงจังนักก่อนจะวางสายไป จุดหมายต่อจากนี้ก็คือร้านกาแฟที่อันดามันบอก ไปนั่งจิบชาจิบกาแฟรอพลาง ๆ หลังจากนั้นจะได้กลับบ้านไปทานข้าวร่วมโต๊ะพร้อมหน้ากับครอบครัวเสียที
รถยนต์คันหรูจอดเทียบฟุตพาทบริเวณหน้าร้านกาแฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับมหาวิทยาลัย อิฐลงจากรถและเดินตรงไปยังร้านที่ตอนนี้ลูกค้าส่วนใหญ่ล้วนเป็นนักศึกษากันหมด พอเห็นเขาที่สวมชุดสูทมาดเข้ม ไม่แปลกที่ทำให้หลาย ๆ คนหันมองเป็นตาเดียว
ด้วยรูปร่าง ส่วนสูง และผิวพรรณ อิฐนับว่าเป็นคนครบเครื่องดั่งสวรรค์ตั้งใจสร้าง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในชุดไหนหรืออิริยาบถไหน เขาก็มักจะโดดเด่นอยู่ทุกเมื่อ
"สวัสดีค่ะ ยินดีต้อนรับค่ะ"
ทันทีที่ขายาวก้าวเข้ามาเสียงต้อนรับก็ดังขึ้น อิฐเดินมายังเคาน์เตอร์สั่งเครื่องดื่ม กวาดสายตามองดูเมนูเล็กน้อย ก่อนจะสั่งเครื่องดื่มเมนูประจำกับพนักงาน
"อเมริกาโนหนึ่งแก้วครับ"
"อเมริกาโนหนึ่งแก้วนะคะ ลูกค้าจะรับขนมหรือเค้กทานเพิ่มไหมคะ วันนี้มีเมนูใหม่เป็นเค้กชาเขียวอยู่ที่ตู้ด้านนี้เลยค่ะ"
"อืม...ไม่ดีกว่าครับ แต่ผมเอาวาฟเฟิลแล้วก็เครปเค้กครับ อีกสิบนาทีค่อยมาเสิร์ฟนะครับ เดี๋ยวมีคนตามมา" อิฐก้มลงมองนาฬิกาในข้อมือก็เห็นว่ายังไม่ถึงเวลาที่น้องสาวได้บอกไว้ เขากลัวว่าขนมที่สั่งจะเย็นชืดไม่อร่อยหากให้มาเสิร์ฟก่อน รู้ดีว่าอันดามันนั้นเป็นแฟนตัวยงของขนมหวานมากแค่ไหน
"ได้ค่ะคุณลูกค้า ทั้งหมดห้าร้อยหกสิบบาทค่ะ"
อิฐยื่นธนบัตรไปให้กับพนักงานและยืนรอใบเสร็จอยู่ชั่วครู่ แต่สายตาก็ยังคงกวาดมองไปรอบ ๆ ร้านที่เต็มไปด้วยเหล่านักศึกษาที่ส่วนหนึ่งก็กำลังจดจ้องมองเขา แต่อีกส่วนหนึ่งก็ก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสืออย่างขะมักเขม้น
"เงินทอนค่ะ เครื่องดื่มและของหวานจะมีพนักงานไปเสิร์ฟให้ที่โต๊ะนะคะ ขอบคุณมากค่ะ"
อิฐเดินไปยังโต๊ะมุมร้านที่คิดว่าน่าจะห่างจากโต๊ะของลูกค้าคนอื่นมากที่สุด ระหว่างรอก็หยิบโทรศัพท์ออกมาเช็กกราฟหุ้นและภาระงานของตัวเองไปพลาง ๆ
แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในเวลาทำงานแล้ว แต่เขามักจะสนใจกับสิ่งที่ตัวเองต้องรับผิดชอบอยู่เสมอ
"อเมริกาโนได้แล้วค่ะ คุณ...อ๊ะ! พะ...พี่...!" เสียงหวาน ๆ ทำให้อิฐละสายตาเชยไปมอง แต่ทว่าเขาต้องเบิกตากว้างตามเสียงร้องตกใจของเธอตรงหน้า
"นี่เธอ..." อิฐเอ่ยออกมาได้ไม่จบประโยค เขาเองก็ตกใจเหมือนกันที่เห็นเธออยู่ที่นี่ในตอนนี้
"ปิ่นทำงานพาร์ทไทม์อยู่ที่นี่ค่ะ" หญิงสาวตอบคำถามที่ยังเขาไม่ได้เอ่ย เห็นสายตาของเขาก็รู้ว่าเขานั้นสงสัยมากแค่ไหน
"พาร์ทไทม์...เอ่อ งั้นเหรอ" อิฐปรับสีหน้าให้เป็นปกติ จำได้ว่าเมื่อช่วงสายเด็กคนนี้ได้บอกอยู่ว่าเธอทำงานส่งเสียตัวเองเรียน แต่ก็ไม่คิดว่าจะมาเจอเธอได้บังเอิญจนน่าตกใจแบบนี้
"แล้วพี่อิฐมาทำอะไรแถวนี้เหรอคะ"
ปิ่นทำงานที่นี่มานาน เธอไม่เคยเห็นเขาเลยสักครั้ง แถมลูกค้าส่วนใหญ่ก็เป็นพวกนักศึกษาอีก การที่ได้เห็นชายหนุ่มในชุดสูทราคาแพงมาดเนี้ยบแบบนี้ก็ทำให้แปลกใจได้เหมือนกัน
"ฉันมารอ..."
"พี่อิฐคะ อันมาแล้วค่า"
ทว่าน้ำเสียงสดใสสี่ดังขึ้นมาแต่ไกลทำให้การสนทนาของสองคนต้องจบลง ปิ่นก้าวถอยหลังมาสองก้าวพร้อมกับหันหน้าไปมองกับบุคคลที่เข้ามาใหม่ เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจมองแล้วผู้หญิงด้วยกันยังหวั่นไหว ก็คิดไปเองได้ทันทีว่าเขาจะต้องมารอแฟนเป็นแน่
"มาแล้วเหรออัน นี่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลยนะ" อิฐยิ้มบาง ๆ และยกมือยีเรือนผมนุ่มของหญิงสาวที่เพิ่งหย่อนกายนั่งลงข้าง ๆ
"อาจารย์ปล่อยไวน่ะค่ะ อันก็เลยขอให้ฟิล์มมาส่ง พี่อิฐรอนานไหมคะ"
"ไม่นานหรอก พี่เองก็เพิ่งมาถึง อันจะสั่งน้ำอะไรเพิ่มไหม"
ปิ่นได้ยินก็รีบขยับเข้าไปและทำหน้าที่เป็นพนักงานที่ดี เธอหลบเลี่ยงสายตาของคนตัวโต ไม่ควรแสดงออกว่ารู้จักเขา
"ฉันเอาชาเขียวปั่นแก้วหนึ่งค่ะ"
"ได้ค่ะคุณลูกค้า" ปิ่นพยักหน้าและยิ้มรับบาง ๆ ก่อนจะโค้งศีรษะลงเล็กน้อยและเดินเลี่ยงออกไป
"ขนมที่ผมสั่งให้มาเสิร์ฟได้เลยนะครับ"
หญิงสาวหมุนตัวเดินกลับไปยังหลังร้าน แอบลอบมองอิฐกับผู้หญิงคนนั้นด้วยท่าทางหวาดหวั่น เหตุเพราะภาพในคืนนั้นย้อนหวนกลับมาทำให้เธอละอายใจ
เธอมีความสัมพันธ์กับคนที่มีคนรักอยู่แล้ว แม้ว่าจะเกิดจากความไม่ตั้งใจ แต่เธอก็ไม่อาจลืมเลือนเรื่องเหล่านั้นไปได้อยู่ดี
เธอเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกัน ไม่มีใครยินดีที่แฟนของตัวเองไปนอนกับใคร
"ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ" ปิ่นเอ่ยพึมพำกับตัวเองเบา ๆ ขณะที่สายตาก็ยังทอดมองไปยังใบหน้าหวานของเธอคนนั้น
ความผิดบาปก่อมวลให้เธอสำเหนียกในการกระทำของตัวเอง ไม่ใช่แค่ตัวเองที่ถูกทำร้ายจากคนเป็นพี่สาวอย่างมัดหมี่และมะเหมี่ยว แต่ตัวเธอเองก็ทำร้ายคนคนหนึ่งที่รักและมั่นคงในความรักอย่างผู้หญิงคนนั้นด้วยเช่นกัน
ปิ่นได้แต่เก็บไว้ในใจ ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเธอขอรับไว้แต่เพียงผู้เดียว...