บทที่ 10
เป็นห่วง
วันนี้ปิ่นไม่มีเรียนเธอเลยทำงานลากยาวมาตั้งแต่ช่วงสายยันดึก งานปิดท้ายค่ำคืนอันแสนหนักหน่วงคือการมาทำงานบริดไนท์ หญิงสาวสวมชุดยูนิฟอร์มของทางร้านและทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
หนำซ้ำยังไม่ทันสังเกตถึงสายตาคมของใครคนหนึ่งที่เอาแต่จดจ้องมองเธอในทุกการกระทำอย่างคนลืมตัว
"เฮ้ย! ไอ้เชี่ยอิฐ มองน้องเขาทำไม มองอะไรขนาดนั้นวะ"
อิฐละสายตากลับมามองเพื่อนสนิทตรงหน้าด้วยความหงุดหงิดเมื่อถูกขัด เขาถอนหายใจออกมาหนัก ๆ และหยิบแก้วของตัวเองขึ้นมาดื่มเพราะไม่อยากตอบคำถามอะไร
อิฐมาที่บริดไนท์ตามคำเชิญชวนของเพื่อนซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนร้านนี้ พอมาถึงเขาก็เห็นเด็กขยันกำลังจดจ่ออยู่กับความรับผิดชอบตรงหน้า วันนี้เธอได้ทำโซนธรรมดา เลยทำให้เธอไม่เห็นว่าเขากำลังแอบมองอยู่ฝั่งวีไอพี และมันก็เป็นความตั้งใจของอิฐเองที่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
"เอ้า ไม่ตอบด้วย ทำไมวะ ชอบเหรอ"
"มึงเงียบปากไปเหอะไอ้ฟรอยด์"
"ปากดีนักนะมึง ลืมไปแล้วเหรอว่าเมื่อเช้าเพิ่งโดนต่อยปากมา ไอ้สัสทำห้าวนัก เดี๋ยวกูก็ซ้ำซะเลย!" ฟรอยด์เข่นเขี้ยวเมื่อถูกอิฐตอกกลับมา แต่พอเห็นรอยช้ำม่วงที่มุมปากก็ทำให้เขายิ่งอยากซ้ำเติมเข้าไปใหญ่
"เออแม่ง...มึงพูดขึ้นมากูก็รู้สึกเจ็บเลยเนี่ย" อิฐบ่นเบา ๆ พลางยกมือขึ้นสัมผัสที่ความบวมช้ำ
เมื่อเช้าเขาบังเอิญเจอกับศัตรูตัวฉกาจอย่าง 'ไนท์' ที่เป็นชู้กับอดีตคนรักที่เขายังจำฝังใจจนถึงทุกวันนี้ นั่นจึงทำให้ทั้งสองขึ้นเกิดลงไม้ลงมือสวนหมัดกันจนได้ไปคนละแผล
"เหอะ! ไอ้นักเลงเอ๊ย เป็นผู้บริหารใส่สูทดี ๆ ไม่ชอบแต่อยากเป็นอันธพาลแทน เพื่อนกูนี่มันสุดตีนจริง ๆ!"
"ไอ้เวร นี่มึงเพื่อนกูนะ ทำไมถึงมาด่ากูวะ!"
"ก็มึงไปหาเรื่องมันก่อนไม่ใช่หรือไง สมควรแล้วที่ได้แผลกลับมา!"
อิฐถอนหายใจฟึดฟัด เจ็บปากยังไม่พอยังเจ็บใจที่เพื่อนสนิทตัวดียังมาซ้ำเติมอีก!
"อะ แดกเข้าไป ให้เหล้าเยียวยาความเจ็บปวดของมึง" ฟรอยด์เคลื่อนแก้วของตัวเองมาชนกับแก้วของอิฐ หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ขึ้นยกดื่มจนหมดรวดเดียว
"แล้วมึงไม่เรียกโฮสสวย ๆ มาล่ะ ปกติไม่เคยพลาด"
"ไม่อะ วันนี้อยากนั่งชิล ๆ คนเดียว" ฟรอยด์ส่ายหน้าและเอ่ยเบา ๆ จริงอยู่ที่ปกติแล้วเขามักจะมีผู้หญิงประกบข้างกายอยู่ตลอด แต่วันนี้เขาได้นัดแนะเพื่อนสนิทอย่างอิฐมาด้วย อีกทั้งรอยม่วงช้ำที่มุมปากก็ทำเอานึกสมเพชจนอยากจะพูดซ้ำเติมมากกว่านัวเนียสาว
"ชิลเกิ๊น"
"แล้วเรื่องที่ลงทุนร้านนี้อะ มึงสนใจมาเป็นหุ้นส่วนด้วยไหม กูว่า..."
เพล้ง!
เพียะ!
ทว่า...เสียงแก้วหล่นลงบนพื้นตามด้วยเสียงฮือฮาตกใจของลูกค้า ทำให้ฟรอยด์จำต้องหยุดบทสนทนาและรีบลุกขึ้นไปดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับอิฐที่เดินตามเพื่อนมาติด ๆ เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เสียงดังเอะอะโวยวายจนภายในร้านลุกฮือทำให้เขาต้องรีบมาดู
จนกระทั่ง...
"ไปเรียกผู้จัดการร้านมาเดี๋ยวนี้เลยนะ อบรมพนักงานยังไงถึงได้มีกิริยาก้าวร้าวต่ำตมขนาดนี้!" เสียงแหลมของหญิงสาวดังขึ้น พร้อมด้วยร่างบางของพนักงานสาวที่ทรุดตัวลงบนพื้นทั้งหยาดน้ำตา
"พี่เหมี่ยว ฮึก...ปิ่นยังไม่ได้ทำอะไรพี่เลยนะ" มือเล็กยกมือขึ้นจับใบหน้าข้างที่ถูกตบ เธอพยายามหยัดกายขึ้นแต่ความเจ็บปวดจากการถูกผลักให้ล้มทำให้เธอไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้
"อ๋อ แกคิดว่าเป็นน้องสาวของฉันแล้วจะทำยังไงก็ได้งั้นสิ ฉันมาที่นี่ในฐานะลูกค้าไม่ใช่พี่สาวของคนร่าน ๆ อย่างแก!"
"ฮึก...แต่ปิ่นไม่ได้ทำอะไร ปิ่นแค่บอกว่าทางครัวได้ทำอาหารแล้ว พี่เหมี่ยวไม่สามารถยกเลิกได้แค่นั้นเอง"
"ฉันเป็นลูกค้า ฉันมีสิทธิ์ที่จะยกเลิกอาหาร"
"แต่..."
"ไปเรียกผู้จัดการร้านมาเดี๋ยวนี้! ฉันจะทำให้แกถูกไล่ออกเองอีปิ่น! คอยดูซิว่าคนอย่างแกจะเอาเงินที่ไหนใช้!"
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าอยู่ในสายตาของอิฐทุกอย่าง เขาเห็นปิ่นนั่งลงบนพื้นทั้งหยาดน้ำตา แถมคนตรงหน้าที่อาละวาดก็เป็นพี่สาวใจมารที่กลั่นแกล้งอีกด้วย
"เอ่อ...ขอโทษนะครับ ผมเป็นผู้จัดการร้านเองครับ ไม่ทราบว่าพนักงานของเราทำอะไรให้คุณผู้หญิงไม่พอใจเหรอครับ" ผู้จัดการร้านรีบฝ่าฝูงคนเข้ามาเจรจา พอเห็นแก้วมากมายแตกกระจายตามพื้นก็ถึงกับหน้าซีด
"ไล่อีนี่ออกซะ มันก้าวร้าวกับลูกค้า!"
"มะ...ไม่จริงนะคะพี่เบียร์ ปิ่นไม่ได้ทำ ฮึก...ไม่ใช่นะคะ"
"ใจเย็นก่อนนะครับคุณผู้หญิง ผมว่าต้องมีการเข้าใจผิดกันแน่ ๆ เลย ผมว่า..."
"คุณต้องไล่มันออกเท่านั้น ถ้าไม่ไล่ออกฉันจะแจ้งกับทางเจ้าของร้านเองว่าพนักงานที่นี่มันห่วยแตกบริการแย่แค่ไหน แล้วฉันก็จะโพสต์ลงโซเชียลด้วย เอาให้ร้านมันเจ๊งไปเลย!"
เสียงประกาศกร้าวทำให้ทั้งเบียร์และปิ่นถึงกับหวั่นกลัว เรื่องแบบนี้สามารถเคลียร์ไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ถ้าหากเรื่องถึงเจ้าของร้านและโพสต์สู่สังคมเมื่อไหร่ก็คงบานปลายจนคุมไม่อยู่แน่
"ดีเลยครับ! โพสต์เลยก็ดี"
ทว่าเสียงเข้มเอ่ยแทรกขึ้นก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินเข้ามากลางวงพร้อมด้วยรอยยิ้มเหยียด
"คุณเป็นใคร!"
"พะ...พี่อิฐ" ปิ่นเอ่ยเบา ๆ เมื่อเห็นว่าร่างสูงตรงหน้านั้นคืออิฐ เขาเดินเข้ามาพร้อมกับกดสายตามองคู่กรณีอย่างไม่คิดเกรงกลัว หนำซ้ำยังท้าทายด้วยวาจาอีกด้วย
"คุณโพสต์เลยครับตามสบาย แต่อย่าลืมว่าที่ร้านมีกล้องวงจรปิด คุณทำลายข้าวของ รวมถึงทำร้ายพนักงานที่ร้านนี้อีกด้วย มาดูกันครับว่าใครจะถูกประจานสู่สังคม"
"ใช่เลยเพื่อนรัก กูเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่ะว่าแม่สาวอันธพาลจะหาข้อแก้ตัวอะไร นี่กูว่าจะไปแจ้งความไว้ด้วย ทั้งทำให้ร้านเสียหายแล้วก็ทำร้ายพนักงานของกู กรณีแบบนี้เขาเรียกค่าปรับกันเท่าไหร่วะ ช่วงนี้กูร้อนเงินซะด้วย" ฟรอยด์เข้ามาเสริมทัพและหัวเราะเย้ยใส่หญิงสาวที่ตอนนี้หน้าซีดเผือดบอกบุญไม่รับ
ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทุกสายตาก็จดจ้องมองเธอไปเสียหมด แถมทุกคนยังทำเหมือนว่าเธอเป็นคนน่ารังเกียจไม่ต่างจากขยะด้วยซ้ำ
"อ้อ! ผมลืมแนะนำตัวไป ผมเป็นหุ้นส่วนร้านนี้นะครับ คุณทำลายข้าวของรวมถึงทำร้ายพนักงานของผม งั้นผมขอความกรุณาเชิญไปโรงพักกับผมด้วยนะครับ แล้วก็ช่วยเขียนตัวเลขงาม ๆ มาชดใช้ด้วยนะ ผมขอไม่มากหรอก อืม...สักหมื่นสองหมื่นก็ยังดี"
"นะ...นี่! ฉันเป็นลูกค้านะ พวกคุณจะมาทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ ไปครับ ไปโรงพักด้วยกัน เอ...หรือจะเรียกตำรวจมาที่นี่เลย เฮ้ยใครก็ได้โทรเรียกตำรวจมาที!"
"นี่! หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ ไอ้บ้า! ไอ้พวกบ้า กรี๊ด!" เสียงกรีดร้องโวยวายก่อนที่คนก่อเรื่องจะรีบวิ่งออกไปจากร้าน ตามด้วยเสียงหัวเราะเย้ยของคนอื่น ๆ ด้านในด้วยความสะใจ
ปิ่นมองตามคนเป็นพี่สาวด้วยความเสียใจ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะถูกรังแกซึ่งหน้า ทั้งที่เธอเลิกยุ่งเกี่ยวกันไปแล้ว
"โดนแก้วบาดหรือเปล่า" เสียงทุ้มนุ่มหูเอ่ยขึ้นเมื่ออิฐย่อตัวลงและจับประคองปิ่นเอาไว้ในอ้อมแขน
"มะ...ไม่ค่ะ ไม่โดน..."
"ลุกไหวไหม"
"ไหวค่ะ ปิ่นไหว" หญิงสาวพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นยืนทรงตัวให้เป็นปกติที่สุด เธอไม่ได้บาดเจ็บอะไรมาก เพียงแค่ยังเจ็บแสบกับแรงตบและแรงกระแทกที่ถูกผลักเท่านั้น
"น้องสาวข้างบ้านจริงป้ะวะ เป็นห่วงกันเกิ๊น!" ฟรอยด์เลิกคิ้วมองกวน ๆ เขาดูออกตั้งแต่วินาทีว่าไอ้เพื่อนคนนี้มันคิดไม่ซื่อ!
"ไอ้ฟรอยด์"
"โอ๊ะ...อย่าทำหน้าโหดสิคร้าบ นี่เพื่อนเอง นี่เพื่อนไง"
"กูให้ปิ่นกลับบ้านเลยได้ไหม"
"ฮะ?" ฟรอยด์มองด้วยความแปลกใจ ไม่เข้าใจว่าสิ่งที่เพื่อนพูดนั้นหมายความว่าอะไรกันแน่
"กูจะให้ปิ่นกลับ มึงไปบอกกับผู้จัดการให้ที แล้วก็อย่าให้เขาหักเงินหรือไล่ปิ่นออกด้วย"
"นี่สรุปมึงหรือกูที่เป็นหุ้นส่วน" ฟรอยด์ทวนถามตากระตุก อยากโบกหัวเพื่อนคนนี้สักที แต่ก็เห็นใจกับแววตาหวาน ๆ ที่เพิ่งแห้งเหือดจากการร้องไห้
"กลับกันเถอะ" อิฐดึงรั้งและจับจูงมือเล็กให้เดินตามเขาออกไปด้านนอกร้าน โดยที่ไม่ได้สนใจกับสายตาของเพื่อนอย่างฟรอยด์ที่มองตามพร้อมกับเอ่ยแซวตามหลังมาไม่หยุด
"ขึ้นรถ ฉันจะไปส่ง" อิฐเดินอ้อมไปยังฝั่งคนขับ ซึ่งปิ่นเองก็ได้แต่ทำตามที่เขาบอกเงียบ ๆ ขณะที่มืออีกข้างก็ยังคงกอบกุมความเจ็บปวดจากการถูกตบเอาไว้ไม่ห่าง
"ความจริงพี่อิฐไม่ต้อง..."
"เจ็บมากหรือเปล่า" ใบหน้าหล่อเหลาหันมองคนข้างกายพลางดึงมือเล็กออกเพื่อสำรวจร่องรอยได้อย่างชัดเจน
"มะ...ไม่ค่ะ ไม่เจ็บแล้ว" ปิ่นส่ายหน้าหวือ เธอตอบเขาไปงั้นแหละทั้งที่ใจจริงเจ็บจนอยากร้องไห้อีกครั้ง แต่พอถูกถามก็ทำให้เธอเลือกที่จะโกหกออกไป
"ทำไมไม่ตบกลับ"
"ก็...เอ๊ะ หน้าพี่อิฐไปโดนอะไรมาเหรอคะ" คนตัวเล็กชะงักเมื่อเห็นว่าที่มุมปากของอิฐเหมือนกับมีรอยฟกช้ำปรากฏอยู่ เธอยกมือขึ้นสัมผัสอย่างเบามือ ในใจก็นึกเป็นห่วงยิ่งกว่าการถูกตบของตัวเองเสียอีก
"ฮึ ดีจริง ๆ แทนที่จะห่วงตัวเอง"
"แล้วพี่อิฐไปโดนอะไรมาล่ะคะ"
อิฐขยับตัวกลับมาพิงกับเบาะรถดังเดิม เขาไม่อยากตอบ กลัวว่าเธอจะหาว่าเขาเป็นอันธพาลชอบหาเรื่องคน แต่ถ้าไม่ยอมตอบก็รู้ดีว่าเธอคงจะทำหน้าสงสัยแบบนี้ได้ตลอดแน่
"มีเรื่องกับหมา"
"งั้นเดี๋ยวปิ่นทำแผลให้นะคะ แผลจะได้ไม่บวมมากกว่านี้" หญิงสาวเสนอพานทำให้อิฐแค่นหัวเราะในลำคอ สายตาคมกดมองก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ กับความหวังดีของคนตัวเล็กที่ไม่ดูตัวเองเสียเลยว่าเจ้าหล่อนก็เจ็บอยู่เหมือนกัน
แต่ก็ดี...มีคนทำแผลให้ก็ดีกว่านอนช้ำปล่อยให้หน้าบวม หมดหล่อกันพอดี!