เขมิกามองไปยังหน้าประตูอีกครั้งด้วยแววตาสงบนิ่งทั้ง ๆ ที่ในใจรวดร้าวกับภาพความสนิทสนมของเขากับหญิงสาวชาวลูกครึ่ง เธอคนนั้นควงแขนชายหนุ่มอย่างเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ทั้งยังฉีกยิ้มหวานให้เป็นรางวัลเมื่อถูกเขาเอาใจ ภาพตรงหน้าทำเอาเธอแทบรับไม่ไหวทว่าต้องทนมองให้ได้
มองให้รู้ว่าเขาไม่ใช่ของเธออีกต่อไปแล้ว
ไม่มีพี่ทิวของเธออีกแล้ว
มีแต่พี่ทิวของคนอื่น...
“ยินดีต้อนรับค่ะ/ครับคุณทิวากร” เสียงพนักงานทั้งหมดกล่าวขึ้นพร้อมกัน ฉุดรั้งสติของเขมิกาให้กลับคืน เธอมองไปที่เขาอีกครั้งเห็นว่าเขามองเธออยู่เช่นกัน แต่สายตากลับต่างกันไป
“เขม! เอาดอกไม้ไปให้ท่านรองได้แล้ว”
“อะ อื้ม” หญิงสาวถูกเพื่อนสะกิดจึงเดินออกไปเบื้องหน้าก่อนจะหยุดตรงหน้าชายหนุ่ม
สองตาสบประสานกัน หนึ่งรักและรู้สึกผิด หนึ่งเย็นชายิ่งกว่าคืนวันในฤดูหนาว
เขมิกากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากก่อนจะถอนสายตาออกมาอย่างรวดเร็วเมื่อทนเห็นสายตาเย็นชาของเขาไม่ไหว รวมทั้งต้องรักษากิริยาเมื่อหญิงสาวที่ชายหนุ่มควงมาในวันนี้มองมาที่เธอเหมือนไม่พอใจ
“ยินดีต้อนรับค่ะท่านรอง” คำพูดที่ตั้งใจจะเอื้อนเอ่ยยืดยาวกลับสั้นเพียงนิดเดียว ทั้งน้ำเสียงยังสั่นอยู่กลาย ๆ มือเรียวยื่นช่อดอกไม้ที่เธอถือไปตรงหน้า หากชายหนุ่มกลับนิ่งเฉย ทำเอาใจคนยื่นกระตุกวูบ
ทิวากรมองช่อดอกไม้ที่ถูกยื่นมาตรงหน้าด้วยสายตาว่างเปล่า ตวัดสายตามองคนที่เขาเฝ้ารอคอยตั้งใจว่าจะแก้แค้นอีกครั้งด้วยแววตาวาวโรจน์จนหญิงสาวตกใจผงะไป แต่ก่อนที่เธอจะตื่นตกใจไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มก็รีบหันไปพูดกับหญิงสาวข้างตัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแทนว่า
“แพตตี้ครับ คุณชอบดอกไม้ไม่ใช่เหรอ ช่วยรับไปหน่อยนะครับ ประเดี๋ยวคนให้เขาจะเสียหน้า เอ้ย พูดผิดน่ะ ผมหมายถึงว่าเขาจะเสียใจ ช่วยรับแทนผมทีนะครับ พอดีผมไม่ค่อยชอบดอกไม้เท่าไหร่ ถึงมันจะสวยแต่กลิ่นมันไม่ค่อยหอมน่ะ”
“แน่นอนอยู่แล้ว ขอบคุณนะคะสำหรับดอกไม้” แพทริเซียรับคำพลางยื่นมือไปรับช่อดอกไม้มาถือไว้เอง
“ยินดีค่ะ” เขมิกาตอบเสียงค่อยพร้อมก้มหน้าปกปิดความเสียใจเอาไว้เพราะคำพูดเมื่อครู่ของเขา
“หลีกทางสิคะ ฉันกับทิวจะได้ขึ้นลิฟต์ไปยังห้องทำงาน”
“ค่ะ”
เขมิการับคำในลำคอหลบเลี่ยงมายืนอยู่ด้านข้างตามเดิม เพื่อหลีกทางให้คนทั้งสองไปยังที่ต้องการ
“ยื่นนิ่งทำไม นำทางไปสิ”
“ขอโทษค่ะ เชิญทางนี้” เสียงสั่งการห้วน ๆ ทำให้เขมิการู้ตัว เธอกล่าวขอโทษเขาพร้อมกับเป็นฝ่ายเดินนำทางไป
อินทุอรมองตามหลังเพื่อนสนิทด้วยความเป็นห่วง ใจอยากเข้าไปทำแทน เพียงแต่ว่านั่นมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ ใจก็ได้แต่หวังว่าเพื่อนจะรับมือกับความรู้สึกในวันนี้ไหว และก่อนจะคิดอะไรมากไปกว่านี้เสียงด้านหลังก็ฉุดรั้งสติเธอให้กลับมา
“ตาทิวมาถึงแล้วหรือยัง” คุณทิพย์ประภาถามพร้อมกดหัวคิ้ว
“มาแล้วค่ะ น้องเขมเดินนำขึ้นไปชั้นบนแล้วค่ะ” โซนุตาเลขาสาวใหญ่คนสนิทรู้ใจเอ่ยตอบเจ้านายอย่างรวดเร็ว คล้ายกลัวว่าอีกฝ่ายจะโกรธหากตอบช้ากว่านี้
“ฮึ่ย! จริง ๆ เลยตาทิวนี่ บอกให้รอก็ไม่รอ ไม่มีอะไรแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานเถอะ” คุณทิพย์ประภาบ่นลูกชายด้วยน้ำเสียงไม่จริงจังนักหากแววตากลับฉายความกังวลออกมา แม้จะเพียงแวบเดียวแต่อินทุอรก็สังเกตเห็น แต่หญิงสาวก็เลือกที่จะเงียบ และแยกตัวไปทำงานตามคำพูดของประธานบริษัทเช่นกัน
“ถึงแล้วค่ะ นี่คือห้องทำงานของท่านรองค่ะ หากมีเรื่องอะไรที่ต้องการเรียกใช้ ติดต่อดิฉันได้ค่ะ กดที่ปุ่มนี้แล้วพูดสิ่งที่ต้องการได้เลยค่ะ” เขมิกากล่าวแนะนำเสร็จก็ทำท่าจะผละไปแต่ชายหนุ่มกลับเรียกเสียก่อน
“เดี๋ยว”
“คะ?”
“ชงกาแฟมาให้ฉันด้วยแล้วก็เอาน้ำผลไม้มาให้คนสำคัญของฉันด้วย ถ้าให้ดีเอาน้ำส้มคั้นมาดีที่สุด เพราะแพตตี้ชอบดื่มน้ำส้ม”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำแล้วเดินออกจากห้องมาอย่างรวดเร็ว คนสำคัญที่เขาเน้นย้ำพาให้ใจเธอเจ็บดีแท้ เขมิกาหันหน้าไปมองเจ้าของห้องทำงานที่อยู่ด้านในอย่างตัดพ้อ
ขณะเดียวกันในห้องทำงานก็ตกอยู่ในความเงียบ สงครามประสาทระหว่างทิวากรและแพทริเซียได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขมิกาเดินจากไป
“หยุดมองไอแบบนั้นสักทีได้ไหมแพตตี้”
“เหอะ ไอก็ไม่ได้อยากมองยูสักนิด หน้านิ่งอย่างยูมีอะไรให้น่ามองกัน”
“แล้วมองทำไมล่ะ?”
“แค่มองให้แน่ใจว่ายูไม่ได้เข้าใจอะไรผิดไป... ใช่ไหม?”
“หมายความว่ายังไง”
“อ้าว ก็ยูบอกไอเองไม่ใช่เหรอว่ายูอกหัก ถูกผู้หญิงคนเมื่อกี้หลอก และนอกใจ”
“อืม ไม่ผิด”
“ทิว ยูแน่ใจจริง ๆ ใช่ไหมว่ายูไม่ได้เข้าใจอะไรผิด ผู้หญิงน่ารักบอบบางดูใสซื่อแบบคนเมื่อครู่เนี่ยนะที่หลอกลวงและนอกใจยู พูดยังไงไอก็รู้สึกทำใจเชื่อไม่ลง”
“เหอะ แพทริเซีย ยูโดนภาพลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้นหลอกเข้าให้แล้วละ”
“ไอว่าไม่น่าใช่นะ”
“แพตตี้! เห็นหน้าเธอไม่ทันไรยูก็เข้าข้างเธอแล้วเหรอ ตกลงไปในภาพมายาที่เธอสร้างขึ้นมาแล้วหรือไง จำไว้นะว่าเธอแค่สร้างภาพ ซึ่งการสร้างภาพแบบนั้นใคร ๆ ก็ทำได้”
“เหมือนที่ยูกำลังทำเป็นว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเมื่อได้เห็นหน้าเธออีกครั้งอะเหรอ”
“แพตตี้!”
“ว่าไง ไอก็แค่พูดความจริงนี่ ไม่รู้ละ ไอไม่ยุ่งด้วยแล้ว”
“หมายความว่ายังไง” ชายหนุ่มขมวดคิ้วถามอย่างไม่ไว้ใจ
“ก็หมายความว่าไอจะกลับคอนโดน่ะสิ”
“ไม่ได้! ยูจะกลับตอนนี้ไม่ได้ ลืมไปแล้วหรือไงว่ายูรับปากว่าจะช่วยไออะ”
“จำได้ ไม่ลืม แต่นั่นมันก่อนที่ไอจะเจอคนรักของยูนี่”
“อดีต!” ทิวากรปฏิเสธเสียงดังเกือบกร้าว จนแพทริเซียพยักหน้ารับ
“นั่นแหละ ๆ บอกตามตรงนะทิว หลังจากที่ได้เห็นเธอวันนี้และได้สบตากับเธอแล้ว ทำให้ไอคิดว่าเธอไม่น่าจะทำแบบที่ยูเล่าให้ไอฟังได้”
“ทำไมคิดแบบนั้น”
“เพราะสายตาที่เธอใช้มองยูละมั้ง มันเป็นสายตาของคนรักที่ยังคิดถึงและเฝ้ารอ ไม่ใช่สายตาของคนที่คิดร้ายกับยูเลย”
“เหอะ ตกลงยูเป็นเพื่อนไอหรือเพื่อนเธอกันแน่ ด้วยความหวังดีนะแพตตี้ อย่าหลงไปกับภาพลักษณ์แสนบริสุทธิ์ของเธอเลยดีกว่า ถ้าไม่อยากเจ็บใจภายหลัง”
จบคำพูดทั้งทิวากรและแพทริเซียก็ไม่กล่าวสิ่งใดออกมาอีก ต่างคนต่างจมอยู่ในความคิดของตัวเอง จนกระทั่งเขมิกาเอากาแฟและน้ำส้มพร้อมของว่างมาเสิร์ฟและกลับออกไปพวกเขาก็ยังไม่รู้ตัว