ลางบอกเหตุ
จากพระมงคลบพิตร
พระมงคลบพิตรประดิษฐานอยู่วัดมหาธาตุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าสามารถดลบันดาลให้ผู้มาบนบานประสบความสำเร็จตามใจปรารถนา เรื่องนี้เป็นที่กล่าวขาน บอกต่อและสืบสานกันมาตั้งแต่สมัยโบราณจนกระทั่งปัจจุบัน
นอกจากนี้ในประวัติศาสตร์ยังได้จารึกไว้ว่า
พระมงคลบพิตรได้แสดงอภินิหาริย์ให้ปรากฏอยู่บ่อยครั้ง เพื่อสื่อสารเหตุการณ์ทั้งด้านดีและด้านร้ายให้มนุษย์ทั้งหลายได้รับรู้ เพื่อนำไปไตร่ตรองหาทางป้องกันไว้ล่วงหน้า
แต่ในสมัยพระเจ้าเสือมักจะเป็นลางร้ายมากกว่า! เหตุแห่งหายนะครั้งสำคัญ นั่นคือ...ลางสังหรณ์ที่บอกว่านับแต่บัดนี้เป็นต้นไป แผ่นดินจะร้อนระอุ มีการเข่นฆ่า ฟาดฟันกันอย่างทารุณ โหดร้าย และชวนสยดสยองอยู่นานนับร้อย ๆ ปี !
ในสมัย ‘นายมะเดื่อ’ขึ้นครองราชย์ที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ‘พระเจ้าเสือ’ มีปรากฏการณ์ประหลาดเกิดขึ้นหลายครั้งเกี่ยวกับพระมงคลบพิตร
ครั้งหนึ่ง ฟ้าผ่ายอดมณฑปพระมงคลบพิตรตกลงมายังพื้น ที่น่าอัศจรรย์ก็คือพระศอพระมงคลบพิตรหักลงมายังพื้นโดยไม่มีส่วนใดแตกบิ่นหรือสูญเสียความงดงาม ราวกับว่าพระเศียรสูงศักดิ์ สง่างามนั้นถูกสายฟ้าอัญเชิญลงมายังพื้นดินด้วยศรัทธาแรงกล้า
ทั้งนี้ เพื่อแสดงลางร้ายอะไรบางอย่างที่ปั่นป่วน ปกคลุมอยู่เหนือแผ่นดินกรุงศรีอยุธยา !
เหตุการณ์ต่อไปนี้นำไปสู่การล่มสลายของกรุงศรีอยุธยา
พระเพทราชาได้นำ ‘นายมะเดื่อ’ พระโอรสลับของสมเด็จพระนารายณ์เข้าเฝ้าถวายตัวเป็นมหาดเล็ก สมเด็จพระนารายณ์จึงทรงพระราชทานให้เป็นขุนหลวงสรศักดิ์ ด้วยพระเมตตารักใคร่สงสารในพระโอรสที่พระองค์ไม่อาจยอมรับ ในขณะขุนหลวงสรศักดิ์เองก็น้อยเนื้อต่ำใจที่พระบิดาไม่ยอมรับในความเป็นสายเลือด ก่อให้เกิดพฤติกรรมอันก้าวร้าวเกะกะเกเรมาตลอด แต่สมเด็จพระนารายณ์ก็ไม่อาจตัดสินพระทัยลงทัณฑ์ตามอาญาบ้านเมืองแต่อย่างใด
ต่อมา ขุนหลวงสรศักดิ์ได้เลื่อนชั้นเป็น ‘อุปราชวังหน้า’ นำกำลังทหารวังหน้าปิดล้อมวังหลวงจับเจ้าฟ้าขวัญพระโอรสของสมเด็จพระเพทราชาประหารชีวิต แล้วจึงเสวยขึ้นเป็นกษัตริย์แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวงในพระนาม ‘สมเด็จพระศรีสรรเพชญ์ที่ ๘‘ แต่ผู้คนกลับเรียกว่า พระเจ้าเสือ เพราะพระองค์มีนิสัยโหดร้าย ! ป่าเถื่อน!
พระเจ้าเสือได้ทำลายชีวิตผู้หญิงมากเป็นประวัติการณ์ เพราะพระองค์มักยินดีในการเสพสังวาสกับหญิงสาววัยกำดัดอายุระหว่าง ๑๓ -๑๔ ปี นางใดทนได้ก็ได้รับรางวัลมากมาย หากนางใดทนไม่ได้ก็จะพิโรธ สั่งประหารชีวิตทันที!
ความอำมหิตของพระองค์ไม่เว้นแม้กระทั่งหญิงสาวที่ทุ่มเทหัวใจและร่างกายให้พระองค์
กล่าวคือ พระองค์รัตนาที่ปรนนิบัติพระเจ้าเสือมาด้วยความอ่อนน้อม อดทนจนได้รับพระราชทานเป็น ‘สนมเอก’ แม้ว่าพระองค์รัตนาสวย มีเสน่ห์ แต่พระนางก็เกรงว่าอาจไม่สามารถผูกมัดจิตใจของพระเจ้าเสือไว้ได้ตลอดไป
นางจึงต้องไปพึ่งหมอทำเสน่ห์ตามความนิยมในสมัยนั้น แต่โชคร้ายกลับเป็นของนาง เมื่อมีคนนำข่าวนี้ไปพูดให้พระเจ้าเสือฟัง พระเจ้าเสือจึงเรียกพระองค์รัตนามาพิจารณาไต่สวน
เมื่อพระนางยอมรับ พระเจ้าเสือสั่งประหารชีวิตพร้อมกัน ๓ ราย คือ
๑.พระองค์รัตนา
๒.หมอทำเสน่ห์
๓. ผู้นำข่าว
คราวหนึ่ง พระเจ้าเสือจะเสด็จประพาสล่าสัตว์ในป่าเป็นการคลายเครียด จึงทรงมอบหมายให้โอรสทั้งสองคือเจ้าฟ้าเพชรกับเจ้าฟ้าพรเป็นหัวหน้าดำเนินงานทางเสด็จ ตรงไหนเป็นหลุมโคลนตรมจะได้ไม่เสด็จผ่าน
แต่แล้วในขณะพระเจ้าเสือเสด็จไปยังทางเส้นหนึ่ง เกวียนเทียมม้าของพระเจ้าเสือก็ตกลงไปในหลุมลึกแห่งหนึ่ง ทำให้พระเจ้าเสือถึงกับเสียหลักผงะหงาย พิโรธสองพระโอรส จึงตั้งข้อหาร้ายแรงว่า เป็นแผนการชิงราชสมบัติ จึงสั่งลงพระอาญาโบยตีด้วยหวายเกือบสิ้นพระชนม์คาหวาย ดีว่าเจ้าแม่วัดดุสิตมาขอร้องไว้ ซึ่งสันนิษฐานกันว่า เจ้าแม่วัดดุสิตก็คือมารดาของพระเจ้าเสือนั่นเอง ซึ่งหนีไปบวชชีอยู่วัดดุสิต
พระเจ้าเสือเป็นกษัตริย์ในช่วงปลายแห่งกรุงศรีอยุธยาที่ประชาชนพากันขนานนามว่า เสือ! อันเป็นสัตว์ป่าดุร้าย มีเขี้ยว เล็บ น่ากลัวอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของบรรดากษัตริย์ไทย จึงดูประหนึ่งลางร้ายแห่งความพินาศวอดวายของอาณาจักรศรีอยุธยาได้ปรากฎเค้าลางขึ้น
หลังจากพระศอของพระมงคลบพิตรถูกอสนีบาตตกลงมายังพื้นดิน อีก ๓ ปีต่อมาพระเจ้าเสือก็เสด็จสวรรคตขณะพระชนมายุเพียง ๔๒ พรรษาและครองราชย์ ๗ ปีเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ลูกหลานของพระเจ้าเสือในสมัยต่อมาก็เกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ระหว่างวังหลวงกับวังหน้า ฆ่าฟันกันเองล้มตายมากมาย บั่นทอนกำลังกรุงศรีอยุธยาให้อ่อนแอตั้งแต่บัดนั้น เป็นเหตุให้กรุงศรีอยุธยาพินาศล่มจมล่มสลายในเวลาต่อมา
พระมงคลบพิตรคือรูปพระปฏิมาแทนองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่คุณสมบัติของพระองค์ถูกเสกสร้างขึ้นด้วยความเชื่อของชาวสุวรรณภูมิ ผู้เป็นเชื้อสายแห่งขุนบรมครั้งบรรพกาล
สิ่งที่พระพุทธรูปแสดงออกจึงคลุกเคล้าอยู่กับกลิ่นไอเร้นลับแรงอาถรรพ์ตามคำสาปผีเจ้าโคตร