ค่าเสียหายของไข่ทั้งแผง สุดท้ายฉันก็ต้องควักเงินจ่าย ทั้งที่จริงแล้ว ผู้ชายคนนั้นเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน
@คอนโดมิเนียมของไมเคิล
"กลับมาแล้วเหรอแคท ทำไมทำหน้าแบบนั้น"
"บังเอิญเจอเรื่องซวยๆ น่ะ" ฉันถอนหายใจหนักๆ พลางถือถุงไข่ไก่และพวกไส้กรอกเข้าไปเก็บ เงินที่เหลือเพียงไม่กี่บาท อาหารพวกนี้คงประทังชีวิตได้หลายวัน ฉันคงต้องรอให้แมทธิวหายป่วย จากนั้นก็คงได้ไปโรงเรียน ตัวฉันถึงจะได้ไปทำงาน
"เรื่องซวยอะไร พ่อแมทธิวมาระรานอีกหรือเปล่า" ไมเคิลขยับเข้าหาฉันทันที แสดงความห่วงใยออกมาอย่างชัดเจน
"เปล่าหรอก ไม่ใช่เขา แล้วนี่ นายจะกลับแล้วเหรอ"
"...ทั้งที่จริงก็ไม่ได้อยากกลับหรอก แต่ที่บ้านโทรตาม"
"อ๋อ ...ถ้าอย่างนั้นขับรถดีๆ นะ ขอบใจมากๆ สำหรับวันนี้"
"ยังไม่อยากกลับเลยสักนิด ยังอยากคุยกับแมทธิวต่อ เย็นนี้ยังอยากกินข้าวไข่เจียวอยู่เลย"
"งอแงเหมือนแมทธิวเลยนะไมค์ แล้วนี่มีงานด่วนเหรอ"
"พี่ฉันโทรตาม ...ให้ไปลองชุดแต่งงาน" คำพูดที่เหมือนไม่โอเค ทำฉันชะงักไป เม้มปากเข้าหากันแน่น ก่อนจะก้มหน้าต่ำ
ใจฉัน ไม่ได้อยากรบกวนไมค์เลยนะ ฉันไม่อยากทำแบบนั้นเลยสักนิด แต่ก็อดที่จะคิดแบบคนเห็นแก่ตัวไม่ได้ ว่าในตอนที่เดือดร้อนเพราะพ่อของแมทธิว ฉันยังหวังได้รับการช่วยเหลือจากเขา แต่หากเขาแต่งงาน ฉันคงไม่สามารถแบกหน้าไปพึ่งพาเขาได้
อย่างน้อยก็เกรงใจภรรยาเขา เขาคงมองและรู้สึกไม่ดี
"อยากให้เปลี่ยนใจหรือเปล่าแคท" ฉันส่ายหน้าเบาๆ ก่อนที่เขาจะพูดต่อ
"ฉันไม่อยากแต่ง แค่เธอบอกว่าไม่อยากให้ฉันแต่ง ฉันจะยกเลิกงานแต่งทันที"
"ไมค์..."
"ฉันไม่ได้สนใจอะไรอยู่แล้ว ฉันพร้อมจะทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ ถ้าผลลัพธ์ที่ทำ มันทำให้ฉันได้อยู่กับเธอ"
"เราคุยเรื่องนี้กันแล้วนะไมค์ ถึงยังไงเรื่องของเรามันก็เป็นไปไม่ได้"
"กลัวพี่ชายของฉันใช่ไหม"
"ไม่ใช่" ฉันปฏิเสธทันที แม้จะเคยได้ยินการกล่าวถึงพี่ชายของไมเคิลอยู่บ้าง แต่ฉันไม่ได้รู้จักเขา ไม่เคยพบหน้า แม้จะเคยได้ยินผ่านหูมาว่าพี่ชายของไมเคิลเป็นพวกมาเฟียที่มีอิทธิพลจนล้นมือ แต่เขาก็ไม่เคยไปสุงสิงกับใคร ไม่ยุ่งกับใคร แม้จะรู้จักกับไมเคิลมาพักใหญ่ แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้าพี่ชายของไมเคิลเลย
"ฉันไม่กลับ ฉันอยากอยู่ที่นี่"
"ถ้านายจะอยู่ที่นี่ ฉันก็คงต้องพาหลานย้ายออกไปอยู่ที่อื่น"
"แคท"
"ที่นี่เป็นที่ของนาย ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้นายมาอยู่ที่นี่ แต่ถ้านายยืนยันจะทำแบบที่พูด ฉันก็คงต้องถอยออกมา"
"อย่าบังคับกันแบบนี้ได้ไหมแคท เธอก็รู้ว่าเหตุผลที่ฉันอยากมาอยู่ที่นี่มันเป็นเพราะอะไร"
"เพราะฉันรู้ไง ฉันจึงไม่ยอมรับการช่วยเหลือในเรื่องนี้จากนาย ยอมไปอยู่ห้องเช่าทั้งที่ที่นั่นไม่สามารถเทียบกับที่ของนายได้เลย อย่าให้ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้นายต้องผิดคำพูดเลยนะไมค์ ...ฉันขอร้อง" เขาถอนหายใจหนักๆ ก่อนจะมองเลยออกไปอีกทาง
"ไม่ว่าจะตอนนี้หรือตอนนั้น ใจเธอมันก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลยสินะ จะมีใครรู้ใครเห็นแบบที่ฉันเห็นไหม ว่าเธอพยายามผลักไส ไม่ได้เป็นฝ่ายวิ่งเข้าหาฉันแบบที่ใครต่อใครคิดเลย"
"..."
"เอาล่ะ ถ้าเธอเลือกแบบนั้น ถ้าฉันยังอยากให้เธออยู่ตรงนี้ ทางเดียวที่มี ก็คือฉันต้องกลับไป ...จำคำของฉันเอาไว้นะแคท ทุกครั้งที่มีปัญหา โทรหาฉัน ให้ฉันเป็นคนแรกที่ได้ช่วยเหลือเธอ เพราะฉันเต็มใจที่จะช่วยเหลือเธอกับแมทธิวจริงๆ"
"อื้อ ขอบใจมากนะ ฉันโชคดีมาก ที่ได้มาเจอเพื่อนดีๆ แบบนาย!"
ไมเคิลถอนหายใจ คิดไปว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่เดือนหรือกี่วัน สถานะที่อีกฝ่ายให้นั้น ก็คือคำว่าเพื่อนแบบเดิม
สามวันต่อจากนั้น
อาการของแมทธิวดีขึ้นตามลำดับ ไม่มีไข้ ตอนนี้ก็กลับมาร่าเริงแบบเดิม
"บ้านน้าไมค์สวยจังเลยครับน้าแคท" ตาใสแป๋วกวาดมองออกไปรอบๆ แมทธิวดูตื่นเต้นกับทีวีจอใหญ่ ชอบที่นอนที่ใหญ่และนุ่มมาก ภายในห้องสะอาดสะอ้าน มีเครื่องอำนวยความสะดวกครบทุกอย่างเลย
"เดี๋ยวน้าแคทจะทำงานเก็บตังค์ หาตังค์ให้ได้เยอะๆ แล้วจะซื้อห้องสวยๆ แบบนี้ให้แมทธิวนะครับ"
"ขอบคุณครับ" เด็กชายวัยเจ็ดขวบยิ้มกว้าง ในมือถือกระปุกขนมที่ไมเคิลสั่งแล้วให้คนเอามาส่ง โดยมีฉันที่กำลังจัดกระเป๋านักเรียน
"เดี๋ยวน้าแคทจะไปส่งแมทธิวที่โรงเรียนนะครับ"
"ครับ" ฉันกอดกระเป๋าที่จัดสมุดใส่ไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วแนบอก ก่อนจะเดินไปหย่อนสะโพกลงนั่งข้างๆ คนตัวเล็ก
"น้าแคทถามอะไรแมทหน่อยได้ไหมครับ" แมทธิวเอียงคอมองแทนคำตอบ ฉันจึงเลื่อนมือไปลูบศีรษะหลานเบาๆ
"แมทธิวอยากอยู่กับน้าแคท ...หรืออยากไปอยู่กับคุณพ่อคะ"
"แมทไม่อยากไปหาพ่อ พ่อดุแมท" แววตาของเด็กเล็กแสดงความรู้สึกออกมาอย่างชันเจน
"น้าแคทจะส่งแมทไปอยู่กับพ่อเหรอครับ แมทไม่อยากไปนะ"
"เปล่าครับ น้าแคทไม่ได้จะส่งแมทไป น้าแคทแค่ถาม"
"แมทอยากอยู่กับน้าแคทครับ"
"ถ้าอย่างนั้น แมทรับปากน้าแคทนะ ว่าถ้าพ่อมาหาตอนที่อยู่โรงเรียน แมทต้องคุยกับพ่อในตอนที่คุณครูอยู่ด้วยเท่านั้น แมทรับปากน้านะ"
"พ่อจะมารับแมทไปอยู่ด้วยเหรอครับ บอกพ่อได้ไหมครับว่าแมทไม่อยากไป" คำพูดของแมทธิวทำฉันน้ำตารื้นจนได้ ฉันสวมกอดหลาน พลางให้คำสัญญา ฉันไม่มีทางปล่อยแมทธิวไปอยู่กับคนอื่นอย่างแน่นอน
ต่อให้ต้องปกป้องหลานด้วยชีวิต ฉันก็จะทำ!
หลังจากที่ส่งแมทธิวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉันก็เลือกที่จะไปสมัครงาน สิ่งที่ฉันมองหา คือการทำงานรายวัน ทำเสร็จ รับเงินเลย เพราะในตอนนี้ ฉันยังไม่ค่อยแน่ใจ ว่าจะอาศัยอยู่คอนโดของไมเคิลได้นานแค่ไหน หากเขาแต่งงาน ฉันคงจะหาที่อยู่ใหม่ พอถึงตอนนั้น ทั้งที่ทำงานก็อาจจะต้องเปลี่ยนแปลง
พีอาร์ในร้านเหล้า ก็คงต้องทำงานกลางคืน อันนี้ฉันไม่สะดวก พริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ ก็นุ่งน้อยห่มน้อยเกินไป สุดท้ายฉันก็สะดุดตากับงานที่คิดว่าตัวเองทำไหว ฉันเลือกที่จะเข้าสอบถามงานนั้นทันที และขอเริ่มงานทันทีเมื่อเขารับฉันเข้าทำงาน
ฉันรับงานแจกใบปลิว ด้วยค่าแรงห้าร้อยบาทต่อวัน ยอมรับว่าตอนที่ฉันอยู่กับพี่สาว พี่สาวฉันให้ฉันมากกว่านี้ด้วยซ้ำ แต่ก็พยายามคิดว่าบนโลกใบนี้ทุกอย่างไม่ได้สวยงามแบบที่คิด ฉันควรอยู่กับความจริง ยอมรับความจริง แล้วอดทนสู้กับงานต่อไป
ครืด ครืด~
'คุณครูของแมทธิว'
เบอร์ที่ปรากฎอยู่บนหน้าจอโทรศัพท์ ส่งผลให้ฉันกดรับทันที
"สวัสดีค่ะ น้าของแมทธิวพูดสายอยู่ค่ะ"
[ คุณแคทคะ พ่อของน้องแมทธิวมาที่โรงเรียน และอุ้มน้องออกจากโรงเรียนต่อหน้าครูเลยค่ะ ครูรั้งเอาไว้ไม่ทัน ]
มือฉันสั่น หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ เมื่อสิ่งที่ฉันกลัวมันเกิดขึ้นจนได้
"เมื่อไหร่คะ เขาพาน้องไปตอนไหน"
[ เมื่อสักครู่ค่ะ พ่อของน้องแมทบอกด้วยนะคะ ว่าให้คุณแคทที่เป็นผู้ปกครองของน้องโทรกลับไปคุยกัน ] คำนั้น คือสิ่งที่ช่วยกระจ่างทุกอย่างให้มันชัดเจน
"ขอบคุณมากนะคะ" ฉันไม่มีคำไหนที่จะพูดแล้ว น้ำตาคลอเบ้า เมื่อทุกอย่างไม่เป็นดังใจ ฉันพยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แต่มันก็ไม่ดีที่สุดอยู่ดี
ฉันปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนจะต่อสายไปหาคนที่เคยเป็นพี่เขย คนที่สารเลวจนสามารถเอาลูกของตัวเองมาเป็นเครื่องต่อรองเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการ
[ ฮัลโหลแคท... ]
"พี่เอาตัวแมทธิวไปทำไม ถามความสมัครใจของลูกพี่ก่อนดีไหมว่าเขาอยากไปด้วยหรือเปล่า"
[ พี่อยากได้เงินห้าแสน เธอเอาเงินมาแลก แล้วพี่จะพาแมทธิวไปส่งเธอ ]
"บ้าหรือไง ห้าร้อยฉันก็ไม่มี แล้วพี่จะให้ฉันหาเงินห้าแสนที่ไหนไปให้พี่ สติน่ะมีไหม มีความเป็นคนหลงเหลืออยู่หรือเปล่า!"
[ อยากด่าอะไรก็แล้วแต่เธอ พี่ต้องการเงินห้าแสนเท่านั้นนะแคท ถ้าไม่ให้ พี่จะส่งแมทธิวไปให้ย่าก็แล้วกัน ]
"เลว สารเลวเกินคน!"
[ ผัวเธอมันรวยจะตาย มันก็เคยให้พี่มาแล้วแสนหนึ่ง เธอก็ขอมันอีกสิ พี่ให้เวลาแค่ค่ำนี้นะแคท ถ้าไม่หามา พี่ส่งแมทธิวไปหาย่า เธอจะไม่มีวันเห็นหน้าหลานเธออีกเลย ...น้าแคท แมทอยากกลับบ้าน ฮึก ฮื่อ... ] เสียงที่เล็ดเข้ามาก่อนสายตัด ทำให้ฉันมีความรู้สึกเหมือนใจจะขาด ฉันต้องทำยังไงถึงจะหลุดพ้นจากเรื่องแบบนี้ ฉันต้องหนีแค่ไหน ฉันต้องเก่งสักเท่าไหร่ฉันถึงจะผ่านเรื่องเฮงซวย และหลุดพ้นจากพี่เขยเฮงซวยนั่นสักที
ฉันกำโทรศัพท์แน่น เชื่อว่าพ่อแมทธิวทำแบบที่พูด เขาส่งหลานไปให้แม่ตัวเองแน่ และฉันก็ไม่ได้เห็นหลานตัวเองแน่ๆ เพราะตอนที่แม่แมทธิวยังมีชีวิตอยู่ คนบ้านนั้นไม่ชอบพี่สาวเธอ ดูถูกสารพัด ไม่เคยญาติดี คนบ้านนั้นต้องการแค่หลาน แต่ไม่ต้องการญาติฝ่ายแม่ของหลาน ฉันจำได้ขึ้นใจ
'ไมเคิล'
สุดท้ายชื่อนั้นก็หลุดเข้ามาในหัวฉัน มันไม่มีทางเลือกอื่น ฉันจำเป็นจริงๆ
@คฤหาสน์หรูใจกลางเมือง
"มาหาใครครับ" ฉันฝืนยิ้มให้คนตรงหน้า ก่อนหน้าฉันพยายามโทรหาไมเคิล แต่ไม่มีคนรับสาย ความจำเป็นทำให้ฉันต้องแบกหน้ามาที่บ้านหลังใหญ่ รู้ว่านี่คือบ้านของชายหนุ่มที่แสนดีกับฉันมากๆ แต่ฉันไม่เคยมาเหยียบที่นี่
"มาหาไมค์ค่ะ ฉันเป็นเพื่อนเขา ฉันชื่อแคทเธอริน พี่เข้าไปบอกเขาก่อนก็ได้นะคะ ฉันจะยืนคอยตรงนี้" สภาพฉันตอนนี้ คงไม่มีใครอยากเชื่อ ว่าเราคือเพื่อนกัน แต่ทว่า
"เชิญด้านในครับ เจ้านายรอคุณอยู่" ประตูบานใหญ่ถูกเปิดออก เช่นเดียวกับความงุนงงที่ถาโถมเข้ามา แต่ฉันไม่ได้มีเวลาไต่ตรองนานขนาดนั้น เลือกที่จะก้าวขาแล้วเดินเข้าไปในคฤหาสน์หลังใหญ่ในเวลาต่อมา
"เชิญที่ห้องทำงานของนายเลยครับ"
"ห้องทำงาน ...ไมค์ทราบหรือคะว่าฉันมา"
"นายสามารถเห็นทุกซอกมุมของบ้านหลังนี้ เชิญคุณที่ห้องทำงานครับ" ผู้ชายคนนั้นผายมือไปในทิศทางตรงหน้า มองไปเห็นประตูหรูหราบานใหญ่ ซึ่งผู้ชายคนเมื่อครู่บอกว่ามันคือห้องทำงาน
"เชิญครับคุณ นายไม่ได้มีเวลาว่างขนาดนั้น" เพราะความที่ไมเคิลก็มีลูกน้องคอยตามประกบอยู่เหมือนกัน ฉันจึงเดินตามผู้ชายคนนั้นไป โดยที่เขาเป็นคนเปิดประตูให้ฉันด้วยตัวเอง
สิ่งที่เห็นคือแผ่นหลังแกร่งที่พิงพนักเก้าอี้
"ไมค์ช่วยฉันดะ..." เสียงของฉันขาดหาย เมื่อเก้าอี้ทำงานหมุนกลับ ส่งผลให้คนที่นั่งบนเก้าอี้ตัวนั้นหันมาเผชิญหน้ากับฉัน
"คุณ" ความหล่อเหลาของใบหน้า ความดูดีบาดใจที่ใครเห็นเป็นต้องจำได้ ฉันจำได้ว่าฉันกับผู้ชายคนนี้เคยเจอกัน
"เธอรู้จักฉันงั้นเหรอ?"
"เราเคยเจอกันที่ซุปเปอร์มาร์เก็ต คุณทำไข่แตกแต่ไม่รับผิดชอบ" เขาเหยียดยิ้มมุมปาก ฉันไม่เข้าใจว่ารอยยิ้มแบบนั้นมันหมายความว่ายังไง
"ฉันมาหาไมค์ แล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ ไมค์ล่ะ เขาอยู่ที่ไหนหรือคะ"
"น้องชายฉันกำลังจะแต่งงาน ไม่รู้เหรอ ว่าการยุ่งกับคนที่มีเจ้าของ มันไม่ถูกต้อง"
"นะ น้องชาย..." การเฉลยสถานะจากผู้ชายที่เคยเจอกันแล้วฉันมองว่าเขาใจดำ ทำให้ฉันต้องรีบยกมือไหว้แบบงงๆ แม้จะคาดไม่ถึง ว่าเขาจะคือพี่ชายที่เคยได้ยินว่าเป็นมาเฟียก็ตาม
"เราเป็นเพื่อนกันค่ะ ฉันมีความจำเป็นและต้องการความช่วยเหลือจากไมค์ พี่เขยของฉันเอาตัวหลานฉันไป เขาขู่ว่าจะส่งหลานไปให้ย่าซึ่งย่าของเขาไม่ชอบหน้าฉัน และหลานฉันก็ไม่ได้เต็มใจที่จะไป"
"น้องฉันที่กำลังจะแต่งงาน จำเป็นต้องทิ้งทุกอย่าง เพื่อไปช่วยเหลือเธองั้นเหรอ?"
"คุณคะ ฉันและหลานกำลังลำบาก ฉันจำเป็นต้องพึ่งพาน้องชายของคุณจริงๆ นะคะ" น้ำตาคลอเบ้า เมื่อสบสายตากับดวงตาที่แสนจะเย็นชา
"แต่น้องฉันกำลังจะแต่งงาน เธอกำลังเป็นสาเหตุที่ทำให้น้องฉันทิ้งงานแต่งงาน!"
"ฉะ ฉันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำแบบนั้นนะคะ แต่ฉันไม่มีทางเลือก"
"เดินออกมาจากชีวิตน้องชายฉันซะ ฉันจะช่วยเธอจากไอ้ผู้ชายเฮงซวยที่เป็นพ่อของหลานเธอเอง!"
"..."
"แต่อย่าคิดนะ ว่าฉันจะช่วยเหลือเธอฟรีๆ"
"แต่ฉันไม่มีเงิน ไม่มีอะไรจะให้คุณ"
"ตัวเธอไง เอาตัวเธอมาแลกสิ ฉันเชื่อว่าคนอย่างเธอทำได้ ถ้าเธอรักหลานเธอมากพอ!"