ยีสต์ที่จงเป่าเปาหมักไว้ ครบกำหนด 7 วันแล้ว เมื่อเช้าก่อนไปในเมืองนางให้ท่านยายเปิดฝาให้ดูแล้ว ยีสต์พร้อมนำมาใช้ได้ และขนมรายการแรกที่จะใช้ยีสต์ทำคือ ‘แพนเค้กราดน้ำผึ้ง’
“ว้าวววว ยายดูๆ” ตอนนี้แพนเค้กหลายแผ่นตั้งอยู่บนจานแล้ว จงเป่าเปาปรบมือดีใจ
“มันคืออันใดหรือเสี่ยวเป่าเปา” อันเจียอีถามหลานสาว ตอนที่ทำนางก็ทำตามที่จงเป่าเปาบอก เมื่อทำเสร็จก็ออกมาเป็นขนมที่นางไม่เคยเห็น
“แพนเจ้กเจ้าค่ะ” จงเป่าเปาตอบ
“แพนเจ้ก?” คือขนมอันใดนางไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย
จงเป่าเปาเพิ่งนึกได้ว่าตนพูดไม่ชัดจากแพนเค้กเลยกลายเป็นแพนเจ้กเสียอย่างนั้น
จึงเดินไปหยิบกิ่งไม้ที่อยู่แถวนั้น มาเขียนคำว่า ขนมแพนเค้ก ลงบนดิน
อันเจียอีอ่านแล้วก็เข้าใจ แต่แล้วก็ต้องตกใจว่าเหตุใดหลานสาวจึงเขียนตัวอักษรได้ ไม่ใช่แค่อันเจียอีที่ตกใจ จงเป่าเปาก็ตกใจเช่นกัน นางทำอันใดลงไป
“เสี่ยวเป่าเปา เจ้าเขียนตัวอักษรได้อย่างไร” อันเจียอีถาม ทั้งยังจ้องหน้าเพื่อหาคำตอบ
“เป่าเปาไม่ยู้ มันเขียนได้เองเจ้าค่ะ” แถ ต้องแถเท่านั้น
หลานนางเป็นยอดคนหรืออย่างไร ถึงแม้นางกับสามีจะพออ่านออกเขียนได้ แต่ก็ยังไม่เคยสอนจงเป่าเปาเลยสักครั้ง ถ้าไม่ใช่ยอดคนแล้วจะเรียกว่าอันใด
“เป่าเปาเก่ง” ยิ้มตอบแถมยังยกยอตนเองอีกด้วย
อันเจียอีก็ยิ้มตอบ “หลานยายเก่งที่สุด” ถึงแม้นจะสงสัยแต่ก็ไม่รู้จะหาคำตอบจากที่ใด ไว้ค่อยถามตาเฒ่าภายหลัง เผื่อสามีของนางอาจจะสอนหลานสาวก็เป็นได้
“คิกคิก” หัวเราะกลบเกลื่อนอีกสักหน่อย เป็นอันใช้ได้
อันเจียอีเห็นจงเป่าเปาจ้องขนม ที่เรียกว่าแพนเค้กไม่ละสายตา จึงเอ่ยบอก “ยังไม่กินข้าว ยายให้เจ้ากินเพียงชิ้นเดียวก่อน เดี๋ยวกินข้าวไม่ได้”
จงเป่าเปาเมื่อได้รับอนุญาตให้กินขนมได้ ก็รีบหยิบขึ้นมา 1 ชิ้น ก่อนจะกัดเข้าปากคำโต “อาหย่อย” ถึงแม้จะขาดส่วนผสมบางอย่าง แต่ทำได้ขนาดนี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว “ยายกิน” มือน้อยยื่นแพนเค้กที่ตนเองกัดไปแล้วให้กับหญิงชราตรงหน้า
อันเจียอีไม่ได้รังเกียจขนมที่หลานสาวกินแล้วยื่นมาให้ นางอ้าปากกัดขนมหนึ่งคำ เมื่อได้ลิ้มรสชาติแล้วก็ต้องตาโต
“อร่อยจริงๆ ด้วย”
“ยาดน้ำผึ้งด้วยเจ้าค่ะ” จงเป่าเปาวางแพนเค้กลงบนจาน หยิบน้ำผึ้งที่อ้อนให้ท่านยายซื้อให้ตักราดลงบนแพนเค้ก “อาหย่อยมากกกก”
สองยายหลานผลัดกันชิม สุดท้ายกินไปถึง 3 ชิ้น เมื่อถึงเวลากินข้าว เด็กน้อยที่ปกติจะกินข้าวหมดถ้วย แต่วันนี้กลับกินได้เพียงครึ่งถ้วยเท่านั้น
แต่เมื่อถึงเวลาของหวานนางกลับกินได้อีก 2 ชิ้นเลยทีเดียว
“ท่านตา ท่านยาย ขายแพนเจ้กได้ไหมเจ้าคะ” ในขณะที่กำลังกินแพนเค้กชิ้นที่ 2 จงเป่าเปาก็เอ่ยถึงเรื่องที่นางคิด นางคิดตั้งแต่เป็นทารกเลยนะ
“เสี่ยวเป่าเปาของตาอยากขายหรือ” ขนมแพนเค้กอร่อยจริงๆ ถ้าทำไปขายยังไงก็ย่อมขายได้
“เจ้าค่ะ เป่าเปาอยากมีเงินเยอะๆ” พูดพร้อมทำท่าทางประกอบ โดยการกางมือทั้งสองข้างออกกว้างๆ ให้เห็นคำว่าเยอะๆ ของนางคือเยอะมากแค่ไหน
“ยายก็อยากลองทำไปขาย” อันเจียอีกล่าวเสริม
“เป่าเปาช่วยท่านยายทำ” จงเป่าเปารีบเข้ามาจับขาท่านยายที่นั่งอยู่ข้างๆ ส่งสายตาอ้อนๆ ไปให้
“เด็กดีของยาย” ตัวเท่านี้รู้จักช่วยงาน รู้จักหาเงินแล้ว
“เช่นนั้นวันพรุ่งพวกเราก็เข้าไปซื้อของที่จะใช้ทำขนมแพนเค้กกัน จากนั้นก็ไปตั้งแผงขายที่ตลาด” จงฮุ่ยชิว สรุป
“เย้ๆ เป่าเปาจะมีเงินแย้ว” เจ้าเด็กตัวน้อย ลุกขึ้นกระโดดด้วยความดีอกดีใจ จนสองผู้เฒ่าต้องร้องห้ามเพราะกลัวหลานสาวสุดที่รักจะตกจากแคร่ จนหัวขมำก้นขวิด
สองวันต่อมา ครอบครัวจงช่วยกันขนของที่จะไปตั้งแผงขายขนมในเมือง ระหว่างเดินทางชาวบ้านก็ถามจงเป่าเปาว่าไปทำอันใดในเมือง นางก็ตอบไปว่าไปขายขนม
เมื่อได้ทำเลที่ตั้งแผงขายของแล้ว สองผู้เฒ่าก็ช่วยกันตั้งแผง ส่วนจงเป่าเปากำลังนำแพนเค้กจัดวางในถาดอย่างสวยงาม เพื่อให้ผู้อื่นสนใจ จงเป่าเปาจึงอาสาดึงดูดลูกค้าด้วยการไปยืนตะโกนอยู่หน้าร้าน
“ขนมแพนเจ้กเจ้าค่า ขนมแพนเจ้ก” คนที่ผ่านไปผ่านมาก็หันมองด้วยความสงสัย ทั้งชื่อขนม ทั้งหน้าตาขนม พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเลย ไหนจะแม่ค้าตัวกลมที่ยืนตะโกนเรียกลูกค้าอีกด้วย
“ยองชิมได้นะเจ้าคะ ยาดน้ำผึ้งอาหย๋อย อาหย่อย” แม่ค้าตัวน้อยยังทำหน้าที่ได้ดี
“แม่ค้าตัวน้อยอะไรคือขนมแพนเจ้กหรือ” พี่สาวชุดที่เขียวอ่อน เข้ามาสอบถาม หลายคนที่ไม่กล้าเข้ามาถามก็ยืนรอฟังคำตอบอยู่ไม่ไกล
จงเป่าเปาหันมาหยิบจานที่หั่นแพนเค้กเป็นชิ้นเล็กๆ มีไม้เสียบยื่นไปตรงหน้าพี่สาว
“ขนมแพนเจ้กเจ้าค่ะ อันนี้ไม่ยาดน้ำผึ้ง ชิมๆ เจ้าค่ะ”
เด็กหญิงชุดสีเขียวอ่อนหยิบไม้ที่เสียบไว้ขึ้นมา 1 ไม้ เมื่อได้สัมผัสกับรสชาติของขนมก็ต้องร้องออกมาด้วยความพอใจ “อร่อย!”
“คิกคิก” เด็กน้อยหัวเราะ ก่อนจะเอาจานไปวางแล้วหยิบจานอีกใบขึ้นมา “อันนี้ยาดน้ำผึ้งเจ้าค่ะ อาหย่อยมากกกก” ลากเสียงยาวหน่อย ลูกค้าจะได้เชื่อว่าอร่อยจริงๆ
หญิงสาวชุดสีเขียวอ่อนไม่ลังเลที่จะหยิบไม้ขึ้นมาชิม “อร่อย! อร่อยมากจริงๆ ด้วย”
คำตอบที่ออกมาจากปากของหญิงสาวชุดสีเขียวอ่อน ยิ่งทำให้คนที่มุงดูเกิดความสนใจและอยากลิ้มลองรสชาติมากขึ้น
“พี่ฉาวซื้อหรือไม่เจ้าคะ” จงเป่าเปาถาม รอคอยคำตอบจากลูกค้าคนแรกอย่างมีความหวัง
“แน่นอน ว่าแต่เจ้าขายอย่างไรเล่า” ขมมอร่อยแบบนี้นางต้องซื้ออยู่แล้ว รู้สึกดีใจที่ตัดสินใจเดินเข้ามาถาม
“แพนเจ้กไม่ยาดน้ำผึ้ง 1 ชิ้น 3 อีแปะ ยาดน้ำผึ้ง 1 ชิ้น 4 อีแปะ เจ้าค่ะ” แม่ค้าตัวน้อยตอบเสียงดังฟังชัด แม้จะพูดไม่ชัดก็ตาม
จะบอกว่าแพงก็แพง เพราะราคาเท่ากับซาลาเปา 1 ลูกเลยทีเดียว แต่นางอยากกินขนมแพนเจ้กนี่นา ไม่ได้อยากกินซาลาเปา
“งั้นพี่สาวเอาอย่างละ 4 ชิ้นเลย” เด็กหญิงชุดสีเขียวอ่อนชูนิ้วบอก
“ได้เยยเจ้าค่ะ เป่าเปาจะแถมให้พี่ฉาวด้วย”
อันเจียอีที่ได้ฟังตั้งแต่ต้นจนจบ เมื่อได้รับรู้จำนวนก็จัดการหยิบให้ พร้อมแถมแบบไม่ราดให้ด้วย 1 ชิ้น
“ขอบคุงพี่ฉาวเจ้าค่ะ” นางเป็นคนยื่นขนมให้พี่สาวชุดสีเขียวและรับเงินมาให้ท่านยาย
“พี่สาวไปก่อน ไว้จะมาอุดหนุนเจ้าใหม่”
“เจ้าค่า” เด็กน้อยรับคำเสียงใส เมื่อพี่สาวจากไปก็หันมายิ้มตาหยีให้กับท่านตาท่านยาย
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็อยากลองชิมขนมแพนเค้ก เมื่อได้ลองชิมแล้วก็เป็นอันต้องซื้อเสียทุกราย ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม แพนเค้ก ที่ทำมา 200 ชิ้น ก็ขายหมดแล้ว ยังมีบางคนที่ต่อแถวแล้วไม่ได้กินอีกด้วย พวกเขาต่างเสียดายที่ช้าไป
“วันพรุ่ง เป่าเปามาขายใหม่นะเจ้าคะ” เด็กน้อยตัวกลมร้องบอกกับผู้คนที่ยังยืนต่อแถว
“เจ้าจะมาขายจริงๆ ใช่หรือไม่แม่ค้าตัวน้อย”
“จริงๆ เจ้าค่ะ”
“ได้ วันพรุ่งข้าจะมารอเจ้าคนแรกเลย”
เมื่อลูกค้ากลับไปหมดแล้ว ทั้งสามคนก็ช่วยกันเก็บแผงขายของ เสร็จจากตรงนี้แล้วก็จะได้ไปซื้อของที่จะใช้ทำขนมต่อ
จงเป่าเปาดูจะมีความสุขมากกว่าใคร จงฮุ่ยชิวจึงให้ค่าจ้างนางเป็นถังหูลู่ 2 ไม้ถ้วน เจ้าเด็กตัวกลมกินไป กระโดดไป ด้วยความสุข
แพนเค้ก 200 ชิ้น แบบไม่ราดน้ำผึ้งขายได้ 110 ชิ้น เป็นเงิน 330 อีแปะ แบบราดน้ำผึ้งขายได้ 80 ชิ้น เป็นเงิน 320 อีแปะ แถม 10 ชิ้น วันนี้วันเดียวขายได้ถึง 650 อีแปะ รวยแล้ว เป่าเปาจะรวยแล้วววว