จากที่มีแขกมาหาที่บ้านในวันนั้น ทำให้นางกลายเป็นเด็กน้อยที่ร่ำรวยในวันนี้
จงเป่าเปานอนหมอบไปกับแคร่ เขียนบัญชีรายรับรายจ่ายที่ทำเป็นประจำด้วยอารมณ์ที่ดีกว่าทุกวัน ไอหยา ดูตัวเลยนั่นสิ หน่วย สิบ ร้อย พัน
สองพันตำลึงเงิน!
รวยแล้ว รวยแล้ว เป่าเปารวยแล้ว ต่อไปนี้กรุณาเรียกเป่าเปาว่า เศรษฐีนีตัวน้อยนะเจ้าคะ คิกคิก
“ลัล ลา ลัล ลา อากาศวันนี้ช่างแจ่มใฉจริงๆ” มือก็เขียนไป ปากก็พึมพำไปตามประสาคนรวย
“ยายเฒ่า หลานเจ้าดูท่าจะอาการหนักแล้วนะ” จงฮุ่ยชิวเอ่ยถามภรรยา
“หลานข้าแล้วไม่ใช่หลานเจ้ารึ” หญิงชราย้อนถาม
“ก็ใช่ แต่นางยิ้มทั้งวันจนข้าหลอนไปหมดแล้ว” ไม่รู้ว่านอนกลางคืนนางจะยิ้มแบบนี้ด้วยหรือไม่
ตั้งแต่วันนั้นที่มีแขกมาพบครอบครัวเขา พวกเขามาแจ้งให้ไปขึ้นศาลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะทางการได้จับผู้จ้างวานได้แล้ว วันนั้นยังมีหลานอ๋องไปนั่งฟังผลที่ศาลด้วยตนเอง ผลสรุปสุดท้ายกลายเป็นว่าพวกเขาได้รับเงินค่าทำขวัญมากถึง 2,000 ตำลึงเงิน ถือเป็นจำนวนเงินที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโอกาสได้จับ ทำงานทั้งชีวิตก็ไม่มีวันได้เงินมากมายขนาดนี้
ส่วนคนพวกนั้นก็โดนโบยไปถึง 50 ไม้ ก่อนจะจับเข้าคุก ไม่ตายก็คงเลี้ยงไม่โตแล้ว และนี้ก็คือเหตุผลที่หลานสาวเขายิ้มทั้งวัน ยิ้มจนเหงือกแห้งแล้ว แห้งอีก
“เอาเงินไปทำอะไยดีน้าาา” เสียงบ่นเล็กๆ ลอยมาตามลม
“เสี่ยวเป่าเปา มาหายายหน่อยสิลูก” อันเจียอีเรียกหลานสาว ไม่ใช่แค่ตาเฒ่าที่หลอนรอยยิ้มของหลานสาว นางเองก็เริ่มจะหลอนขึ้นมาบ้างแล้ว
จงเป่าเปาได้ยินท่านยายเรียกชื่อตน ก็วางถ่านที่ใช้เขียนลง วิ่งไปหาท่านยายทันที “มาแย้วเจ้าค่าาา เป่าเปามาแย้ว”
“เจ้าเอาผักไปให้ท่านป้าจูของเจ้าหน่อย แล้วบอกนางด้วยว่าวันพรุ่งนี้ให้มาทำขนม” หยุดขายของมาหลายวันแล้ว คงได้เวลากลับไปขายเสียที
“ท่านยายจะไปขายขนมแล้วหยือเจ้าคะ” นางถามอย่างตื่นเต้น
“ใช่ หรือเจ้าเห็นว่าบ้านเรามีเงินแล้วไม่ต้องทำงานก็ได้เช่นนั้นหรือ” อันเจียอีพูดแกล้งหลานสาว
เด็กน้อยยกไม้ยกมือโบกไปมา “ไม่ใช่นะเจ้าคะท่านยาย เป่าเปาก็อยากไปขายแย้วเจ้าค่ะ เป่าเปาอยากมีเงินเยอะๆ”
“2,000 ตำลึงเงิน ยังไม่เยอะอีกหรือ” จงฮุ่ยชิวที่ช่วยภรรยาล้างผักอยู่เอ่ยถาม
“เยอะเจ้าค่ะ แต่เป่าเปาอยากมีมากกว่านั้นเจ้าค่ะท่านตา” เด็กน้อยตอบ ทั้งยังยิ้มอวดฟันขาวซี่เล็กๆ ด้วย
“หึ เอาล่ะๆ เอาผักไปให้ท่านป้าจูได้แล้ว อย่าลืมเอาขนมไปให้เสี่ยวโฉวด้วย”
“เจ้าค่า” เด็กน้อยหิ้วตะกร้าด้วยความทุลักทุเลไปบ้านท่านป้าจู
“โฉวโฉว” จงเป่าเปาเรียกสหายที่นั่งเล่นดินอยู่หน้าบ้าน
“เป่าเปาหยือ” โม่โฉวเดินมาที่รั้วบ้าน เมื่อเห็นว่าเป็นสหายจึงรีบเปิดประตูรั้วให้เข้ามาด้านใน
“อือ เป่าเปาเอง ท่านป้าจูเย่า” เข้ามาในเขตบ้านแล้ว เด็กน้อยก็วางตะกร้าที่แสนจะหนักอึ้งสำหรับเด็กเช่นนางลงบนพื้น ก่อนจะก้มหยิบขนมมายื่นให้สหาย “หนม เป่าเปาให้”
“ขอบคุณเป่าเปา” โม่โฉวยิ้มหน้าบานที่ได้รับขนมมาจากสหาย “ท่านแม่อยู่ในครัว” เมื่อได้รับคำตอบ จงเป่าเปาก็ก้มลงหยิบตะกร้าขึ้นมาหิ้วอีกครั้งเพื่อจะนำเข้าไปให้ท่านป้าจู อีกนิดเดียวตะกร้าก็จะลากพื้นแล้วนะ
โม่โฉวเห็นว่าสหายหิ้วตะกร้าด้วยความยากลำบาก จึงเข้าไปช่วยจับอีกด้านของตะกร้า กลายเป็นว่าสหายทั้งสองช่วยกันหิ้วตะกร้าเข้าไปในบ้าน แต่ก็ยังทุลักทุเลเหมือนเดิม
“เสี่ยวเป่าเปา” จูซูฮวาได้ยินเสียงบุตรชายพูดกับผู้อื่นจึงเดินออกมาดู เป็นจงเป่าเปานี่เองที่มาหา
“ท่านป้าจู เป่าเปาเอาผักมาให้เจ้าค่ะ”
“ลำบากเจ้าอีกแล้ว” จูซูฮวาเดินเข้าไปเอาตะกร้ามาถือไว้เอง เมื่อเห็นขนมให้มือบุตรชาย ก็รู้ได้ทันทีว่าใครเอามาให้
“ไม่ยำบากเจ้าค่ะ” แต่หนักมาก ถ้าเป็นนางในชาติก่อนการหิ้วตะกร้าแค่นี้สบายมาก แต่ไม่ใช่กับนางในวัย 3 หนาวเช่นตอนนี้ “ท่านยายให้เป่าเปามาบอกว่า วันพรุ่งนี้ให้ท่านป้าจูไปทำหนมเจ้าค่ะ” ไม่ลืมแจ้งข่าวสำคัญกับท่านป้าจู
“จริงหรือ ท่านยายเจ้าจะกลับไปขายขนมแล้วหรือ”
ข่าวเรื่องที่ครอบครัวจงได้เงินค่าทำขวัญมากถึง 2,000 ตำลึงเงิน ชาวบ้านทุกคนย่อมรับรู้ นางก็รับรู้เช่นกัน จึงคิดว่าครอบครังจงคงจะไม่ทำขนมไปขายอีกแล้ว แต่นางคงคิดผิดจริงๆ
“ใช่เจ้าค่ะ” จงเป่าเปายืนยัน
“ได้ๆ วันพรุ่งนี้ป้าจะไปตั้งแต่เช้ามืดเลย ป้าเผามันไว้เดี๋ยวเจ้าแบ่งไปกินสักหน่อย”
“เจ้าค่ะท่านป้าจู”
จูซูฮวาหายเข้าไปในครัว ไม่นานก็ออกมาพร้อมกับตะกร้าที่ใส่ทั้งมันเผาหลายสิบหัว และไข่ไก่ ไข่ที่บ้านยังกินไม่หมดเลย ท่านยายทำไข่ต้ม ไม่ทอด ไข่ตุ๋น ให้นางกินทุกวัน จนหน้านางกลมเป็นไข่แล้ว
“ขอบคุงท่านป้าเจ้าค่ะ เป่าเปากลับก่อนนะเจ้าคะ”
ขามาทุลักทุเลอย่างไร ขากลับก็ทุลักทุเลอย่างนั้น จูซูฮวาเห็นแล้วอดขำไม่ได้ แต่ก็สงสารเด็กน้อยเช่นกัน จึงเดินหิ้วตะกร้าไปส่งจนถึงบ้าน
วันรุ่งขึ้นครอบครัวจงเตรียมข้าวของไปขายในเมือง แบกขึ้นหลังไปรอขึ้นเกวียนวัวรับจ้างของคนในหมู่บ้าน ในตอนนี้เองที่จงเป่าเปารู้แล้วว่าจะเอาเงินไปทำอันใดเป็นสิ่งแรก
ซื้อเกวียนวัว!
ถ้าครอบครัวนางมีเกวียนวัวไว้ใช้เอง ก็จะทำให้สะดวกสบายเวลาจะเดินทางไปไหนมาไหน ไม่ต้องมารอเกวียนวัวรับจ้าง และไม่ต้องนั่งเบียดกับผู้อื่นด้วย
“ท่านตาเจ้าขา ท่านยายเจ้าขา เยาซื้อเกวียนวัวไว้ใช้ดีหยือไม่เจ้าคะ” นางรีบเอ่ยความคิดของตนให้ผู้อาวุโสฟัง
“เกวียนวัวหรือ” จงฮุ่ยชิว
“ใช่เจ้าค่ะ เยาจะได้ขนของไปขายได้สะดวกๆ ไม่ต้องนั่งเบียดกับผู้อื่นด้วยเจ้าค่ะ” เด็กน้อยยกข้อดีของการมีเกวียนวัวไว้ใช้เป็นของตัวเองให้ท่านตาท่านยายฟัง
“แต่เกวียนวัวแพงนะ เสี่ยวเป่าเปา”
“แต่เยาก็พอมีเงินนะเจ้าคะ ท่านยายเจ้าขา” พูดถึงเงินแล้วอารมณ์ดีจริงๆ เมื่อทั้งสองได้เห็นรอยยิ้มของหลานสาว ก็นึกขึ้นได้ว่าพวกตนมีเงินพอที่จะซื้อเกวียนวัว
เพียงแค่เดินเข้ามาในตลาด เหล่าลูกค้าที่พบเห็นต่างก็เดินตามต้อยๆ ในที่สุดแม่ค้าตัวน้อยก็กลับมาขายขนมแล้ว ด้วยความที่ไม่อยากรอนาน หลายคนจึงเข้าไปช่วยตั้งแผงเหมือนเป็นแผงของตนอย่างไรอย่างนั้น
“แม่ค้าตัวน้อยเจ้ากลับมาแล้ว” พี่ชายคนที่หนึ่ง
“พี่ชาย เป่าเปากลับมาแย้วเจ้าค่ะ” จงเป่าเปายิ้มตอบพี่ชาย
“ในที่สุดพวกข้าก็จะได้กินขนมของเจ้าแล้ว” พี่ชายคนที่สอง
“แม่ค้าตัวน้อย แล้วเจ้าหายดีแล้วหรือ” พี่สาวผู้หนึ่งถามด้วยความเป็นห่วง คนอื่นๆ จึงยืนรอฟังคำตอบ
“ขอบคุงพี่ฉาวที่เป็นห่วงเจ้าค่ะ เป่าเปาหายดีแย้วเจ้าค่ะ” หายดีแล้ว เพียงแต่ที่หน้าผากมีรอยแผลเป็นทิ้งเอาไว้ ถ้าเป็นยุคที่จากมารอยแผลแค่นี้ก็แค่หายามาทา แต่ยุคสมัยนี้ยังไม่มียาแบบนั้น แต่ก็อย่างที่บอกแผลแค่นี้ไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตของนางหรอก
“ดีแล้วๆ”
เมื่อตั้งแผงเสร็จ เหล่าลูกค้าก็รู้หน้าที่รีบเข้าแถวทันทีไม่ต้องให้ใครมาบอก ขนมวันนี้เป็นโดนัท จำนวน 500 ชิ้น เพียงแค่ 2 เค่อขนมก็ขายหมดแล้ว
“เป่าเปาน้อยยยยย” เสียงตะโกนจากด้านหลัง ดังพอให้จงเป่าเปาหันไปมอง
“คุณหนูอย่าวิ่งเจ้าค่ะ” ตามมาด้วยเสียงของสาวใช้คนสนิท
“พี่ฉาวฟางซิน” เด็กน้อยดีใจที่ได้เจอพี่สาวฟางซิน จึงยิ้มแป้นมอบให้พี่สาว
“แฮ่ก แฮ่ก ข้ามาซื้อขนม” นางกำลังเดินเล่นอยู่ที่ตลาดอีกฝั่งหนึ่ง เห็นผู้อื่นถือขนมที่เรียกว่า โดนัท จึงให้อิงอิงเข้าไปสอบถาม และได้รู้ว่าเป่าเปาน้อยของนางกลับมาขายขนมแล้ว ด้วยความดีใจจึงรีบวิ่งมา หลานฟางซินมองดูท่านตา ท่านยาย ที่กำลังเก็บแผงจิตใจก็เริ่มห่อเหี่ยวเต็มที “ขอร้อง เป่าเปาน้อยจงบอกพี่สาวว่าขนมเจ้ายังไม่หมด” นางจ้องมองนัยตาของเป่าเปาน้อย แววตาเต็มไปด้วยความหวัง
“พี่ฉาวฟางซิน เป่าเปาขายโดนัทหมดแย้วเจ้าคะ”
หลานฟางซินเข่าเกือบทรุดลงพื้นเมื่อได้ยินคำตอบ โชคดีที่มีอิงอิงเข้ามารับร่างนางได้ทันเสียก่อน