เช้าวันหยุดที่แสนสดใสของจงเป่าเปามาถึงแล้ว วันนี้ได้นอนตื่นสายกว่าปกตินิดหน่อยด้วยนะ
“เสี่ยวเป่าเปาตื่นแล้วก็ไปล้างหน้า ล้างตา ได้มากินมื้อเช้า เดี๋ยวเอาขนมแพนเค้กไปฝากท่านป้าจูของเจ้าด้วย”
จงเป่าเปายังเมาขี้ตาอยู่ จึงยืนสะลึมสะลืออยู่หน้าประตูครัวไม่ไปไหน อันเจียอีไม่ได้ยินเสียงตอบรับของหลานสาว ก็เงยหน้าจากสิ่งที่กำลังทำอยู่หันมามองนาง หลานสาวนางยังอ้าปากหาว สงสัยจะยังง่วงนอน
“เสี่ยวเป่าเปา ถ้าง่วงก็ไปนอนก่อนก็ได้” อันเจียอีกล่าว
แต่จงเป่าเปากลับส่ายหน้าไปมา เดินเข้าไปกอดขาท่านยายอย่างออดอ้อน ผู้เป็นยายเห็นหลานสาวออดอ้อนก็ยิ่งใจอ่อนระทวย ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กๆ นั้นอย่างเอ็นดู
“เป็นอันใดหรือ ไหนบอกยาย” อันเจียอีถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“เป่าเปาไม่ได้เป็นอันใดเจ้าค่ะ แค่อยากกอดท่านยายเฉยๆ” ที่กล่าวมาคือความจริง ไม่ได้พูดเพื่อเอาใจคนที่อาวุโสกว่า นางเพียงแค่รู้สึกอยากทำเท่านั้น อยากกอดก็กอด อยากบอกรักก็บอก
อันเจียอีได้ยินคำตอบก็ปล่อยให้หลานสาวกอดไม่ได้กล่าวสิ่งใด ผ่านไปไม่นานจงเป่าเปาก็ปล่อยให้ขาท่านยายเป็นอิสระ
“เป่าเปาไปอาบน้ำก่อนนะเจ้าคะ” กล่าวจบก็วิ่งจู๊ดหายไปทางห้องอาบน้ำเสียแล้ว
เพียง 1 ก้านธูป เด็กน้อยตัวกลมก็จัดการตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางสามารถอาบน้ำเองได้ แต่งตัวเองได้ โดยไม่ต้องมีผู้ใดช่วย ยกเว้นบางครั้งที่นางจะอ้อนขอให้ทำให้
“เอาขนมไปให้ป้าจูของเจ้าก่อน แล้วค่อยกลับมากินข้าว” อันเจียอียื่นตะกร้าที่ใส่ขนมแพนเค้กไปทางจงเป่าเปา เด็กน้อยรับมาถือไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง ก่อนเดินออกจากบ้านมุ่งหน้าไปยังบ้านท่านป้าจู
ท่านป้าจู หรือ ‘จูซูฮวา’ คือคนที่ให้จงเป่าเปากินนมของนาง พูดง่ายๆ คือนางเป็นแม่นมของจงเป่าเปานั่นเอง ในขณะนั้นนางคลอดบุตรชายได้ไม่นาน จึงมีน้ำนมให้จงเป่าเปาได้กิน เป็นอีกคนที่มีพระคุณกับจงเป่าเปาเลยนะ
“ท่านป้าจูเจ้าขา” มาถึงบ้านสามีของท่านป้าจูเด็กน้อยก็ตะโดนเรียกอยู่หน้ารั้วบ้าน บ้านของท่านป้าจูตั้งอยู่ไม่ไกลจากบ้านของครอบครัวจงมากนัก อันเจียอีจึงวางใจให้นางเดินมาเพียงลำพัง
จูซูฮวากำลังทำมื้อเช้าอยู่ในครัว เมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อก็จำได้ว่าเป็นเสียงของจงเป่าเปา จึงเดินออกมาหา
“เป่าเปาน้อย เข้ามาก่อน” จูซูฮวาเปิดรั้วบ้านออกกว้าง เพื่อให้จงเป่าเปาเข้ามาในบ้าน
“ขอบคุงเจ้าค่ะ ท่านยายให้เอาขนมมาให้เจ้าค่ะ” จงเป่าเปายื่นตะกร้าที่ด้านในมีขนมไปทางจูซูฮวา
“ขอบใจเจ้ามาก ลำบากเจ้าแล้ว” นางยื่นมือไปรับตะกร้า ก้มลงมองขนม “นี่ใช่ขนมที่บ้านเจ้าทำไปขายหรือไม่” ชาวบ้านหลายคนพูดกันว่าครอบครัวจงไปขายขนมในเมือง ขนาดยังไม่ตั้งแผงยังมีคนมาต่อแถวรอซื้อหลายสิบคน
“คิกคิก ใช่เจ้าค่ะ อาหย่อยนะเจ้าคะ”
“งั้นเจ้ารอป้าก่อน เดี๋ยวป้าเอาถ้วยมาคืน”
“เจ้าค่ะ” จงเป่าเปาขานรับ
หายไปไม่นานจูซูฮวาก็กลับออกมา พร้อมยื่นตะกร้าและถ้วยที่ใส่ขนมมาให้นาง
“หืม ไข่ไก่” จงเป่าเปามองตะกร้าที่มีไข่ไก่อยู่หลายฟอง จากนั้นก็เงยหน้ามองท่านป้าจู
“ป้าให้ไข่ไก่เป่าเปา ถือเป็นค่าขนมที่เป่าเปาเอามาให้ป้า” นางยิ้มตอบ
“ขอบคุงท่านป้าเจ้าค่ะ เป่าเปากลับก่อนนะเจ้าคะ” หายมานานเดี๋ยวท่านยายจะเป็นห่วง
“กลับเถิด เดินดีๆ เล่า” จูซูฮวาเดินมาส่งจงเป่าเปาถึงหน้ารั้วบ้าน เมื่อเด็กน้อยเดินไปแล้ว ก็หันหลังกลับเข้าครัวเพื่อทำอาหารต่อ
จงเป่าเปาหิ้วตะกร้าไป แล้วก็หิ้วตะกร้ากลับมา ต่างกันเพียงแค่ของในตะกร้าเท่านั้น
“กลับมาแล้วเจ้าค่าาา” เข้ามาในรั้วบ้านก็ตะโกนบอกเสียงดังให้คนในบ้านได้ยิน
“ท่านยายเจ้าขา ท่านป้าจูให้ไข่ไก่มาด้วยเจ้าค่ะ” เดินเข้าไปในครัว และยื่นตะกร้าให้ยายดูไข่ไก่หลายฟองที่อยู่ในตะกร้า
“ให้มาเยอะเสียจริง” อันเจียอีหยิบตะกร้ามาถือไว้เอง จากนั้นก็หยิบไข่ออกจากตะกร้าไปตั้งรวมกับไข่ฟองอื่น “เสี่ยวเป่าเปาไปนั่งรอยายบนแคร่ก่อนนะ ยายทำกับข้าวใกล้เสร็จแล้ว”
“เจ้าค่ะ” ก่อนจะไปนั่งรอ จงเป่าเปาเดินไปหยิบถ้วย หยิบตะเกียบถือไปด้วย
ถ้าเป็นผู้ใหญ่การจะนั่งบนแคร่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ไม่ใช่สำหรับนางที่ตัวสูงเพียงศีรษะเลยแคร่มาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น นางจัดการตั้งถ้วยกับตะเกียบไว้บนแคร่ ก่อนจะวิ่งไปหยิบเก้าอี้ไม้ตัวเตี้ยมาตั้ง ก้าวขาขึ้นเหยียบบนเก้าอี้ไม้เพื่อใช้เป็นฐานให้นางปีนขึ้นไปนั่งบนแคร่
ฮึบ ฮึบ
กว่าจะขึ้นมานั่งได้ เลือดตาแทบกระเด็น
มื้อเช้าสำหรับครอบครัวจงวันนี้เป็นเนื้อหมูแดดเดียวทอด ต้มปลาซดน้ำร้อนๆ กินกับข้าวขาวร้อนๆ อร่อยยิ่ง
หลังทานมื้อเช้ากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งสามคนก็สะพายตะกร้าขึ้นหลัง ปิดบ้าน ปิดรั้วบ้านให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินจูงมือกันขึ้นเขา จุดหมายปลายทางก็คือต้นผิงกั่วป่า
“เดี๋ยวเก็บใส่ตะกร้าไว้ ข้าจะขนลงจากเขาเอง” วันนี้เขานำตะกร้ามาหลายใบ จะได้เก็บไปเยอะหน่อย
“เจ้าค่ะ” จงเป่าเปาขานรับ ก่อนจะเดินไปเก็บผิงกั่วป่าที่หล่นอยู่ใต้ต้น มีที่เพิ่งหล่นเยอะแยะเต็มไปหมดเลย
อันเจียอีที่เห็นหลานสาวเดินไปเก็บผิงกั่วป่า จึงเดินตามไปเก็บเช่นกัน จงฮุ่ยชิวเห็นว่าภรรยากับหลานสาวเริ่มทำงานแล้ว ตนก็ไม่รอช้ารีบเดินไปดูสมุนไพรบริเวณรอบๆ ว่ามีหรือไม่ ถ้ามีจะได้เก็บไปตากแห้งเพื่อนำไปขาย แต่บางชนิดตนก็ไม่ตากนำไปขายทั้งอย่างนั้น หลังจากเดินดูแล้วก็ได้สมุนไพรที่หาได้ทั่วไปมา 2-3 ชนิด กับผักป่าอีกเล็กน้อย
ผ่านไป 1 ชั่วยาม ครอบครัวจงเก็บผิงกั่วป่าได้มากถึง 10 ตะกร้า จงฮุ่ยชิวมองตะกร้าเหล่านั้น คงต้องขึ้นลงเขาหลายรอบเลยทีเดียว
“ตาเฒ่า เจ้าคงต้องขึ้นเขามาหลายรอบเสียแล้ว” อันเจียอีกล่าวกับผู้เป็นสามี
“ไม่เป็นอันใด เก็บไปเยอะหน่อย จะได้ไม่ต้องขึ้นมาเก็บบ่อยๆ” จงฮุยชิวกล่าว
“แต่ไหที่มีคงจะไม่พอ”
“วันพรุ่งนี้ไปขายของก็ค่อยซื้อไหมาเพิ่ม”
“อืม ขนลงสักรอบก่อนเถิด”
“เสี่ยวเป่าเปา” จงฮุยชิวเอ่ยเรียกหลานสาว ที่เดินสำรวจอยู่รอบๆ บริเวณนี้
“เจ้าขา เป่าเปามาแย้ว” เสียงมาก่อนตัว ก่อนที่เจ้าของชื่อจะปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า
“ตาเอาสมุนไพรกับผักป่าใส่ในตะกร้าของเจ้า เจ้าสะพายไปได้หรือไม่” สมุนไพรกับผักผ้าไม่ได้มีจำนวนมากมายอันใด เมื่อเห็นว่าไม่หนักมากจึงใส่ในตะกร้าใบน้อยของหลานสาว
จงเป่าเปาเดินไปชะโงกหน้าดูของในตะกร้าตน “ได้เจ้าค่ะท่านตา แค่นี้เป่าเปาสะพายได้สบายมากเจ้าค่ะ” กล่าวจบ อันเจียอีก็ช่วยสะพายตะกร้าให้หลานสาว
ระหว่างเดินลงเขาเด็กน้อยที่อารมณ์ดี จึงอ้าปากร้องเพลงเป็นภาษาที่ไม่มีใครรู้จัก ทั้งยังส่ายก้นไปมา ดูก้นที่บิดไปบิดมานั่นสิ น่าเอาไม้มาตีจริงเชียว
มาถึงบ้านจงฮุยชิวยังต้องขึ้นไปขนตะกร้าลงมาอีกหลายรอบ แต่นับว่าโชคดีไม่น้อย ที่เจอสามีของจูซูฮวากับสหายของเขาที่จะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ พวกเขาจึงอาสาช่วยขนลงมาให้ โม่เฉินสามีของจูซูฮวายังเอ่ยขอบคุณเรื่องขนมและเอ่ยชมว่าขนมอร่อยมากอีกด้วย
จากตอนแรกที่คิดว่าต้องขนหลายรอบ เมื่อได้แรงของคนหนุ่มมาช่วย จึงขึ้นไปขนเพียงรอบเดียวก็หมดแล้ว