ในที่สุดวันที่เฉินเฟิ่นอี้รอก็มาถึง วันที่เธอจะได้เข้าไปในอำเภออีกครั้ง หลายวันก่อนลุงสามส่งจดหมายมาให้บ้านเฉิน ในจดหมายกล่าวว่าเพื่อนของลุงสามเจอบ้านพักที่ต้องการแล้ว ราคาเดือนละห้าหยวน มีทั้งหมดสี่ห้องนอน
ซึ่งเช่าบ้านหลังหนึ่งในราคาไม่ถึงสิบหยวนเป็นราคาที่ถูกมาก ที่ได้มาเป็นเพราะลุงสามเป็นคนจัดการให้ หากเป็นคนอื่นราคาจะสูงกว่านี้อีกเท่าตัว ได้ยินว่าเป็นบ้านพักของคนรู้จักที่ไม่ได้เปิดให้เช่า แต่เพราะลุงสามหาบ้านเช่าให้หลานๆ จึงได้มันมา
อันที่จริงก็ไม่ใช่ว่าต้องพักบ้านหลังนั้น พวกเธอยังสามารถเลือกได้ว่าจะพักบ้านหลังนี้หรือหาหลังอื่นๆ อีก ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้เห็นด้วยกับเรื่องนี้ พวกเธอที่ต้องเข้าไปอยู่จึงต้องไปดู โดยมีลุงใหญ่เป็นคนพาเข้าไปในอำเภอ
เงินที่ได้จากการขายคูปองตอนนั้นหมดแล้ว เหลือแค่เงินที่ได้รับจากระบบสองร้อยหยวน เฉินเฟิ่นอี้จะให้เฉินตงเอาคูปองไปขายให้อีกครั้ง คราวนี้เธอจะไม่เสี่ยงไปเอง ไม่อย่างนั้นลุงใหญ่คงสงสัย เฉินตงเป็นคนที่จัดการอะไรเร็วกว่าเฉินไห่หลิว เฉินเฟิ่นอี้จึงสะดวกใจกับเขามากกว่าคนอื่น
อีกไม่ถึงสิบวันโรงเรียนในอำเภอก็จะเปิดเทอมแล้ว เด็กๆ บ้านเฉินจึงควรที่จะเข้าไปอยู่ในอำเภอเพื่อความคุ้นชิน ยิ่งครั้งนี้ไม่มีผู้ใหญ่คอยดูแล หลายคนจึงอดที่จะกังวลไม่ได้
“ย่าไม่ต้องให้หรอกค่ะ ฉันมีอยู่” เฉินเฟิ่นอี้ปฏิเสธคูปองและเงินจำนวนหนึ่งจากย่าเฉิน คงรู้ว่าเธอต้องซื้อของกลับเข้าบ้านจึงยื่นเงินให้มากกว่าเวลาเข้าตำบล
“ไม่ได้ๆ กว่าจะไปถึงอำเภอก็คงหิวกัน หลานคงจะไม่อดอาหารหรอกนะ?” ย่าเฉินรีบปฏิเสธ มือของนางก็จับเงินและคูปองใส่กระเป๋าผ้าของหลานสาว
เฉินเฟิ่นอี้ส่ายหน้าเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดต่อ ยื่นแอปเปิลที่ปอกเปลือกให้เฉินชิงชิงได้แทะเล่น มีย่าเฉินคอยดูแลข้างกายคงไม่ติดคอเขาหรอก
ดูเหมือนว่าเด็กที่สอบผ่านหรือสอบไม่ผ่านมีหลายคนที่ไม่เรียนต่อเพราะสถานการณ์ทางบ้าน แต่ก็มีหลายคนเช่นเดียวกันที่เรียนต่อ หนึ่งในนั้นคือเด็กๆ บ้านเฉิน และอี้เหม่ยเฟิ่งที่ถึงจะสอบไม่ผ่านแต่บ้านอี้ก็ยังส่งเรียน เรื่องนี้ทำเอาเฉินเฟิ่นอี้ต้องส่ายหน้า หลานชายหลานสาวคนอื่นไม่ได้เรียนหนังสือแต่ต้องทำงานส่งอีกคนเรียนแทน
อาหารมื้อกลางวันถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เช้าด้วยฝีมือของสองสาวบ้านเฉิน แต่ก่อนเฉินเหม่ยเย่ไม่ค่อยได้เข้าครัวมากนัก ต่างจากตอนนี้ที่ต้องเข้าครัวไปช่วยพี่สาวทำอาหารตลอด
“ส่วนเรื่องสัญญาเช่าบ้าน ลุงสามของหลานบอกว่าจะจัดการเอง ไม่ต้องจ่ายถ้าจะพักที่บ้านหลังนี้ แต่ถ้าเลือกบ้านหลังอื่นค่อยบอกอีกที” ย่าเฉินเอ่ยเตือน ถึงทุกคนจะรู้เนื้อความในจดหมายแล้วก็ตาม
“ได้ค่ะ ฉันจะจัดการให้เอง”
ลุงใหญ่ออกไปซื้อของให้คณะกรรมการเพราะขอหยุดกระทันหัน เรียกได้ว่าสร้างความไม่พอใจให้หลายๆ คน ช่วงนี้ลุงใหญ่หยุดงานบ่อยมาก แต่ก็ไม่ได้กระทบคนอื่น คงอิจฉาที่ลุงใหญ่ได้หยุดงานกันมากกว่า
เฉินเฟิ่นอี้ปัดฝุ่นออกจากกระเป๋าผ้า กระเป๋าใบนี้เริ่มเก่าแล้ว เห็นทีต้องได้ซื้อใหม่ จำได้ว่าหมิงหลานฮุ่ยเป็นคนให้มาตั้งแต่เฉินเฟิ่นอี้อายุสิบสามปี แต่เธอไม่ได้เอาทิ้งและใช้มันต่อไปเพราะความเสียดาย
เก้าโมงเช้าก็ถึงเวลาที่ลุงใหญ่จะพาลูกและหลานๆ เข้าอำเภอ ทั้งหมดใช้วิธีเดินเท้าไม่ได้จ้างรถรับจ้างไปส่ง อย่างน้อยก็ประหยัดไปได้หลายหยวน ซึ่งเฉินเฟิ่นอี้ก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ นำเงินค่ารถไปซื้อของอร่อยๆ รับประทานคงจะดีกว่า
เฉินเฟิ่นอี้ยกกระบอกน้ำจากเฉินตงที่ยื่นให้ขึ้นดื่ม ทั้งหกคนนั่งพักก่อนที่จะเข้าไปในอำเภอ เดินเท้าราวๆ สองชั่วโมงมันไม่ง่ายเลย อีกอย่างแดดก็ร้อนมาก ยิ่งเป็นเวลาช่วงกลางวันแล้วด้วย
“ใกล้ถึงแล้ว พักอีกสิบนาทีต้องเดินทางต่อ” ลุงใหญ่กำชับ ต่อให้เหนื่อยแค่ไหนแต่ไม่เดินต่อก็ไปไม่ถึง
“ค่ะ”
หลังจากเดินเข้ามาในอำเภอเฉินเฟิ่นอี้ก็ตามลุงใหญ่ไปที่บ้านหลังหนึ่ง ได้ยินว่าเป็นเพื่อนของลุงสามที่จะเป็นคนพาไปดูบ้าน มันอยู่ไม่ห่างจากโรงเรียน สหกรณ์ และที่สำคัญมันเงียบสงบมาก
เฉินเฟิ่นอี้มองบ้านหลังไม่เล็กแต่ก็ไม่ได้ใหญ่มากด้วยความเหลือเชื่อ บ้านหลังนี้ปล่อยเช่าเดือนละห้าหยวนจริงๆ หรือ หากปล่อยเช่าในราคายี่สิบหยวน ก็คงมีคนมาเช่า
ด้านในมีห้องนั่งเล่นที่มีโต๊ะรับแขกพร้อม ห้องนอนมีสี่ห้องนอน ครัวและห้องน้ำอยู่หลังบ้าน ซึ่งสามารถเปิดจากในบ้านเพื่อออกไปทำอาหารหรือเข้าห้องน้ำก็ได้ อีกทั้งบ้านยังมีพื้นที่ให้นั่งเล่นหน้าบ้าน ล้อมรั้วอย่างดี ให้พูดตรงๆ ก็เกินราคามาก
ประตูห้องนอนใกล้ตัวถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเฉินเฟิ่นอี้ ไม่ต่างจากห้องอื่นที่ถูกเปิดเช่นเดียวกัน ภายในห้องนอนมีตู้เสื้อผ้าอย่างดี โต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งหรือทำงาน เตียงนอน ตู้เก็บของ และห้องยังกว้างกว่าห้องในบ้านเฉินเป็นเท่าตัว
เพียงแต่ว่าพวกเธอมีทั้งหมด 5 คน เธอ เฉินเหม่ยเย่ เฉินไห่หลิว เฉินตง และสุดท้ายก็คือเฉินจาง ห้องนอนมันย่อมไม่พอกันอยู่แล้ว สำหรับเฉินเฟิ่นอี้เธอไม่ยอมนอนร่วมห้องกับคนอื่นแน่ หรือต่อให้เป็นเฉินเหม่ยเย่เธอก็ไม่นอน ความลับของเธอมีมากมายยังไม่พร้อมเปิดให้หล่อนรับรู้
“บ้านหลังใหญ่มากครับ” เฉินไห่หลิวเอ่ยขึ้นระหว่างเดินอยู่ในห้องโถง ตอนนี้ลุงใหญ่กำลังสอบถามเพื่อนของอาสามอยู่หลังบ้าน เขาจึงออกมาปรึกษากับทุกคน
“อืม หลังใหญ่และราคาถูก เหมาะสำหรับให้เราเข้าอยู่ แต่พวกเรามีทั้งหมดห้าคน” ซึ่งคงไม่มีใครอาสาออกมานอนกลางบ้านแน่ และเธอก็ไม่ยอมเช่นเดียวกัน
“ห้องนี้ห้องใหญ่ครับ ผมนอนกับเฉินจางได้” เฉินไห่หลิวชี้ไปยังห้องที่เขาเข้าไปดู ถึงยังไงเฉินจางก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเขา พ่อกับแม่ก็จะได้หมดห่วงไปด้วย
“จะดีเหรอ เขาไม่รบกวนนายแน่นะ” เพราะเฉินไห่หลิวชอบอ่านหนังสือกลางดึก เฉินเหม่ยอี้กลัวว่าจะเกิดปัญหา
“แบบนั้นก็ดีครับ หรือจะให้เฉินจางมานอนกับผมก็ได้ ยังไงแต่ละห้องก็ใหญ่มาก” เฉินตงพยักหน้า การนอนกับพี่ชายหรือน้องชายในบ้านเขาชินไปแล้ว จริงๆ เขาก็เพิ่งแยกห้องนอนตอนพี่ชายคนโตไปทำงาน
“อืม แล้วพวกเธอสองคนล่ะ” เฉินเฟิ่นอี้หันไปถามเฉินเหม่ยเย่กับเฉินจางที่มองภายในบ้านอย่างตื่นเต้น ต่อไปนี้พวกเธอต้องอยู่ด้วยกันเพียงลำพังอีกหลายปี จึงต้องถามความเห็นของทุกคน
“ฉันยังไงก็ได้ค่ะ”
“ผมเหมือนกันครับ นอนกับพี่ชายรองก็ได้ไม่มีปัญหา” เฉินจางพยักหน้ารัว เขาไม่ใช่คนเรื่องมากอยู่แล้ว ให้นอนพื้นก็ยังได้เลย อีกอย่างแม่ของเขาจะได้วางใจ
“รอลุงใหญ่กลับมาก่อน”
เฉินเฟิ่นอี้ปล่อยให้น้องๆ เดินสำรวจภายในบ้าน พร้อมกับการกำชับว่าห้ามแตะต้องสิ่งของในบ้านเป็นอันเด็ดขาด เธอไม่รู้ว่าเจ้าของบ้านจะให้ใช้หรือเปล่า กันไว้ก่อนดีกว่า
“เปิดระบบแลกของ”
กระดานใสปรากฎตัวขึ้นตรงหน้าของเฉินเฟิ่นอี้พร้อมกับกระพริบไปมา ระหว่างรอกระดานใสประมวลข้อมูลเสร็จ ร่างบอบบางก็เดินไปล็อกประตูเอาไว้ เผื่ออยู่ๆ กำลังกดเลือกซื้อของจะมีคนเปิดเข้ามาเห็นแล้วจะหาว่าเธอบ้าได้
“ของพวกนี้จะหายไปหรือเปล่า” เฉินเฟิ่นอี้เอ่ยถามเมื่ออยู่หน้าเมนู สบู่ สบู่สิบก้อนใช้หนึ่งร้อยแต้ม และหากนำไปขายจะได้ก้อนละสามหยวน อย่างน้อยก็จะได้เงินมาใช้ระยะหนึ่ง เหมือนกับการขายคูปองรอบก่อน
‘นายหญิงไม่ต้องห่วง ของที่แลกออกไปจะไม่สลาย แต่ข้าสามารถทำให้มันหายไปได้หากนายหญิงใช้ในทางที่ผิด’
เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องคอยถามว่าทำได้ไหม สรุปก็คืออยากทำอะไรก็ทำไป แต่ถ้าใช้ในทางที่ผิดระบบสามารถตัดการเชื่อมต่อได้ แล้วทำไมเธอถึงไม่สามารถตัดการเชื่อมต่อเองได้ล่ะ
สบู่หอมจำนวนสิบก้อนถูกแลกออกมาอย่างรวดเร็ว เฉินเฟิ่นอี้เปลี่ยนใจ เธอจะนำไปขายในตลาดมืดเอง ส่วนคูปองเก็บไว้ไปขายรอบหน้า หรือหากมีคนต้องการ เฉินเฟิ่นอี้ก็จะขายให้ในราคาที่สูง ซึ่งคนที่เข้าไปซื้อของในตลาดมืดย่อมรู้ราคาอยู่แล้ว
ก๊อก ก๊อก
เฉินเฟิ่นอี้เปิดประตูห้อง เป็นเฉินตงที่เคาะ เธอเห็นลุงใหญ่ยืนอยู่คงคุยกันเสร็จแล้ว จึงรีบคว้ากระเป๋าในห้องนอนมาสะพาย จากนั้นจึงเดินออกจากห้องพร้อมปิดประตู
“ตกลงจะพักที่นี่ใช่ไหม” ลุงใหญ่ถาม
“ใช่ค่ะ ฉันกับน้องๆ ได้คุยกันแล้ว” เฉินเฟิ่นอี้พยักหน้าพร้อมส่งกระเป๋าผ้าให้เฉินตงถือให้ ก็มันหนักสบู่เธอสะพายต่อไม่ได้ เฉินตงรับไปด้วยความสงสัยกับน้ำหนักที่เปลี่ยนไป
“ได้ ลุงต้องไปคุยรายละเอียดกับเจ้าของบ้าน พวกหลานจะไปซื้อของกันไหม ลุงเห็นย่าของหลานส่งเงินให้” ลุงใหญ่พยักหน้า ถึงลุงสามจะเป็นคนจัดการเรื่องสัญญาเช่า แต่เขาก็ต้องไปดูรายละเอียดคร่าวๆ ว่ามีข้อห้ามอะไรบ้าง ยังดีที่พอมีความรู้เรื่องนี้อยู่บ้าง
“ผม เฉินจาง และเหม่ยเย่จะไปร้านหนังสือครับ ภาษาต่างประเทศของพวกเราอ่อนมาก ไปดูหนังสือสักหน่อย” เฉินไห่หลิวตอบ
“ถ้าอย่างนั้นฉันจะให้เฉินตงพาไปทำธุระสักหน่อยค่ะ” อะไรจะเหมาะขนาดนี้ไม่มีอีกแล้ว
“อืม เจอกันร้านอาหารใหญ่ของที่นี่ ถ้าใครเสร็จก่อนก็ไปรอได้เลย”
“ครับ / ค่ะ”
ทุกคนแยกย้ายกันที่หน้าบ้านเช่า ลุงใหญ่ตามเพื่อนของลุงสามไปที่ไหนสักที่ เฉินไห่หลิว เฉินจาง และเฉินเหม่ยเย่ชวนกันไปดูหนังสือ เฉินเฟิ่นอี้จึงให้เงินและคูปองบางส่วนกับเฉินไห่หลิว ถ้าพวกเขาหิวจะได้ไปรับประทานอาหารก่อน
“พี่คงไม่คิดที่จะให้ผมพาไปที่นั่นอีกใช่ไหม” เฉินตงเหมือนเห็นชะตากรรมของตนเอง เขาถามออกมาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเมื่อเห็นสีหน้าของพี่สาว
“ใช่ พี่จะไปที่นั่น”
“ไม่ได้นะ เฉินไห่หลิวเขาฆ่าผมแน่ พี่ก็เห็นแล้วรอบก่อน” เฉินตงรีบส่ายหน้า ถึงเฉินไห่หลิวไม่ได้ลงมือแต่สายตาและคำพูดของเขาก็เฉือดเฉือนไม่น้อย
“แต่ตอนนี้เงินหมดแล้ว นายจะกลับไปกินแผ่นแป้งแข็งๆ อีกใช่ไหม?”